อีกไม่กี่วัน พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย.นี้คนทั่วไปอาจไม่รู้สึกตื่นเต้นสักเท่าใด เพราะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมีมาตั้งแต่ 23 ธ.ค.2547 ด้วยคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่ 4/2547 ให้มาทำหน้าที่รักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ไม่ให้ขึ้นลงผันผวน ด้วยเอาเงินจากกองทุนฯเข้าไปอุดหนุนราคาน้ำมันให้ค่อยๆขยับขึ้นลงแบบช้าๆเพื่อชาวบ้านจะได้ปรับตัวได้ทันแต่วันนี้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาในมาดใหม่ ไม่ใช่ด้วยคำสั่งนายกฯ อีกต่อไป เพราะถูกยกระดับโดยพระราชบัญญัติ ที่ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อ 27 ก.พ.62 คลอดออกมาในช่วงผู้คนในบ้านเมืองมุ่งความสนใจไปที่การเลือกตั้ง ส.ส. หลายอย่างมันเลยทะแม่งๆ...เหมือนถูกลักหลับยังไงยังงั้น“กฎหมายฉบับนี้ไม่เพียงจะทำให้คนไทย ผู้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ จะต้องจ่ายแพงขึ้น ไม่ว่าจะเป็น E20 E85 B10 B20 จะแพงขึ้นไปหมด และยังทำให้เกษตรกรที่ปลูกอ้อย มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมันจะได้รับผลกระทบไปด้วย” ดร.บุรินทร์ สุขพิศาล เลขานุการคณะอนุกรรมาธิการเพื่อศึกษาปัญหาเรื่องอ้อย ในคณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ สภาผู้แทนราษฎร บอกถึงผลกระทบที่จะตามมาของ พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฉบับใหม่แกะกล่องที่ใช้เวลาพิจารณาเพียงแค่ 3 เดือน...!!!จะเป็นการพิจารณาแบบลักไก่ ลักหลับหรือไม่...ผลลัพธ์ที่ออกมาสวนทางความต้องการของประชาชน สวนกระแสรักษ์โลกใช้พลังงานทดแทน ลดโลกร้อน มีแต่ช่วยให้กลุ่มทุนปิโตรเลียมสมประโยชน์เต็มอัตราเพราะแรกเริ่มของการนำร่างพระราชบัญญัตินี้เข้าสภาฯเมื่อ 7 พ.ย.2561 เนื้อหาสาระสำคัญในมาตรา 3 และ 5 ยังคงกำหนดให้...เชื้อเพลิงชีวภาพเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงแต่ไม่รู้ว่าพิจารณากันอีท่าไหน กฎหมายที่ออกมา ...น้ำมันเชื้อเพลิงกินความหมายแค่ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปิโตรเลียมเท่านั้นเชื้อเพลิงชีวภาพ ไม่ว่าจะเป็นเอทานอลที่เป็นส่วนผสมในแก๊สโซฮอล์ น้ำมันปาล์มดิบที่ผสมในไบโอดีเซล...ถูกตัดออก ไม่ได้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอีกต่อไปนั่นแสดงว่า...น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91/95 E20 E85 B10 B20 จะไม่มีสิทธิได้รับเงินอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอีกต่อไป“ทุกวันนี้ E20 ได้รับเงินอุดหนุนจากกองทุนลิตรละ 78 สต. E85 อุดหนุนลิตรละ 6.38 บาท B10 อุดหนุน 35 สต. B20 อุดหนุน 4.20 บาท ถ้าไม่อุดหนุน E85 ราคาจะพอๆกับแก๊สโซฮอล์ 95 และ B20 ราคาจะพอๆกับดีเซล แล้วอย่างนี้นโยบายส่งเสริมให้ประชาชนใช้พลังงานทดแทน พลังงานทางเลือกที่ทำกันมานับสิบปี จะพังไปทันที น้ำมัน B20 ที่รัฐบาลเพิ่งจะรณรงค์ให้ใช้เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 จะล้มไปเช่นกัน”ครั้นจะอ้างถึงกฎหมายฉบับนี้จะบังคับใช้ การอุดหนุนทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม เพราะมีบทเฉพาะกาลกำหนดไว้ว่า การอุดหนุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพที่ทำมาก่อน ให้ทำต่อไปได้อีก 7 ปีดร.บุรินทร์บอกว่า ถ้าอ่านกฎหมายให้ละเอียดแล้วจะรู้ มันอาจไม่เป็นเช่นนั้น เพราะในบทเฉพาะกาลระบุไว้ว่า การอุดหนุนจะทำได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎหมายฉบับนี้ในเมื่อกฎหมายระบุว่า เชื้อเพลิงชีวภาพไม่ใช่น้ำมันเชื้อเพลิง...แล้วจะไปอุดหนุนได้อย่างไรที่สำคัญตอนท้ายยังเขียนกำกับรัดกุมไว้อีกว่า จะอุดหนุนต่อไปได้ ต่อเมื่อมีประกาศและระเบียบตามออกมา...ถ้าไม่มีประกาศ ระเบียบออกตามมา การอุดหนุนจะไม่มีใช่หรือไม่และดูเหมือนฝ่ายเดินแผนลักหลับคลอดกฎหมาย เกรงว่าจะมีคนตีความจนสามารถเอาเงินกองทุนไปช่วยอุดหนุนเชื้อเพลิงชีวภาพได้ ยังเขียนกฎหมายควบคุมไว้อีกชั้น...แบบเผื่อเหลือเผื่อขาด ในมาตรา 55การอุดหนุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีส่วนผสมของเชื้อเพลิงชีวภาพ ที่สามารถอุดหนุนได้ 3 ปี และต่ออายุได้อีก 2 ครั้ง ครั้งละ 2 ปี รวมแล้ว 7 ปี...แต่มีเงื่อนไขกำกับ จะต้องลดจำนวนการจ่ายเงินอุดหนุนทุกปี เป็นติ่งแถมท้ายเหมือนไม่ต้องการให้คนไทยได้ใช้พลังงานทดแทน...ให้เลือกใช้แต่น้ำมันปิโตรเลียมจากฟอสซิลสรุปแล้ว กฎหมายฉบับนี้คลอดออกมาเพื่อถีบหัวส่งพลังงานทดแทน เท่านั้นเอง และผลที่จะเป็นมรดกตกทอดมาถึงเกษตรกร ...อ้อยที่เกษตรกรปลูกป้อนเข้าโรงงานผ่านกระบวนการเป็นกากน้ำตาลและน้ำอ้อยวันละ 14,000 ตัน เพื่อผลิตเป็นเอทานอลวันละ 3.06 ล้านลิตรคิดเป็นรายได้แบบ 70 : 30 ที่ตกถึงมือเกษตรกรปีละ 12,950 ล้านบาท...จะหายวับไปกับกฎหมายฉบับนี้ มันสำปะหลังที่เกษตรกรปลูกขุดขึ้นมาขายวันละ 16,500 ตัน เพื่อนำไปผลิตเอทานอลวันละ 2.29 ล้านลิตร อันเป็นรายได้ของเกษตรกรจะหายไปอีกปีละ 15,000 ล้านบาท ปาล์มน้ำมันที่ชาวบ้านปลูกนำไปผลิตเป็นน้ำมันปาล์มดิบผสมในไบโอดีเซลปีละ 1.8 ล้านตัน...คิดเป็นรายได้ของเกษตรกรปีละ 27,000 ล้านบาท จะหายวับไปอีกเช่นกันสวัสดี...ประเทศที่ชอบอ้าง ทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร.ชาติชาย ศิริพัฒน์