ทีมนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันด้านซากดึกดำบรรพ์สัตว์มีกระดูกสันหลังและการศึกษาทางบรรพมานุษยวิทยา (Institute of Vertebrate Paleontology and Paleoanthropology–IVPP) ของสภาวิทยาศาสตร์แห่งชาติจีน เผยการค้นพบครั้งแรกของไขกระดูก (Medullary bone) ในซากดึกดำบรรพ์หรือฟอสซิล (fossil) นกกลุ่มอีแนนทีออร์นีทีส (Enantiornithes) ซึ่งเป็นเครือบรรพบุรุษที่โดดเด่นของนกในยุคครีเตเชียส (Cretaceous)

ไขกระดูกดังกล่าวเป็นเนื้อเยื่อกระดูกที่เป็นเอกลักษณ์ของนกในปัจจุบันมีอยู่เฉพาะในเพศเมียโดยเกี่ยวข้องกับการวางไข่ และก่อเกิดในช่องว่างภายในโครงกระดูก เนื้อเยื่อกระดูกจะเป็นตัวเก็บแคลเซียมที่จำเป็นต่อการสร้างเปลือกไข่ ทั้งนี้ เคยมีรายงานว่าพบไขกระดูกในไดโนเสาร์ที่ไม่ได้วิวัฒนาการไปเป็นนก (non-avian dinosaurs) รวมถึงไทแรนโนซอรัส เร็กซ์ (Tyrannosaurus rex), ไดโนเสาร์ออร์นิโทพอต (Ornithopods) เช่น ทีนอนโตซอรัส (tenontosaurus) และกลุ่มซอโรพอด (sauropods) หลายชนิดอย่างไดโนเสาร์คอยาวขนาดใหญ่ รวมทั้งไดโนเสาร์มุสซอรัส (Mussasaurus) และยังระบุว่ามีในกลุ่มเทอโรซอร์ (pterosaurs) ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลานบินได้ที่สัมพันธ์ใกล้ชิดกับไดโนเสาร์
...

ตั้งแต่มีการค้นพบไขกระดูกจากยุคมีโซโซอิก (Mesozoic) ในปีพ.ศ.2548 เนื้อเยื่อดังกล่าวได้รับความสนใจอย่างมาก เนื่องจากเชื่อมโยงนกกับไดโนเสาร์ แต่การปรากฏตัวของเนื้อเยื่อกระดูกชนิดนี้ในเทอโรซอร์และไดโนเสาร์ที่ไม่ได้วิวัฒนาการไปเป็นนก ทำให้นักบรรพชีวินวิทยาเกิดความงุนงงสงสัย เพราะไดโนเสาร์ที่ไม่ได้วิวัฒนาการไปเป็นนกนั้นมีขนาดใหญ่และไข่ของพวกมันมีขนาดเล็กมากจนไม่จำเป็นต้องมีไขกระดูก.