กลายเป็นประเด็นความมั่นคงที่น่าสนใจ หลังจากรัฐบาลซีเรียของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ถูกโค่นลงจากอำนาจภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์

ถูกกลุ่มกบฏซีเรีย “ฮายัต ทาห์รี อัล ชาม” (HTS) ปฏิบัติการบุกโจมตีแบบสายฟ้าแลบ จากทางภาคเหนือและภาคใต้ของประเทศในลักษณะคีมหนีบ ตั้งแต่ช่วงวันที่ 27 พ.ย. จนมาถึงวันที่ 8 ธ.ค. จึงสามารถเคลื่อนกำลังเข้าสู่เมืองหลวง “ดามัสกัส” ได้สำเร็จ และทำให้กองทัพรัฐบาลซีเรียแจ้งข่าวไปตามสายบัญชาการว่า “ยุคสมัยของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด ได้จบสิ้นลงแล้ว”

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้กลายเป็นคำถามว่า สงครามกลางเมืองซีเรียที่ดำเนินมาตั้งแต่ปี 2554 ทำไมถึงพลิกผันอย่างรวดเร็ว และเป็นไปได้ท่ีคำตอบอาจอยู่ที่การเจรจาทางการเมืองหลังฉากหรือไม่ โดยในการประชุมหารือสามฝ่ายระหว่างตุรกี (ซึ่งหนุนกบฏซีเรียและกลุ่มฮายัต) กับอิหร่านและรัสเซีย (ซึ่งหนุนรัฐบาลซีเรียมาตลอด) ได้มีถ้อยคำออกมาว่า ขอสนับสนุนให้รัฐบาลซีเรียเจรจากับขั้วตรงข้ามที่มีความ “ชอบธรรม”

คำคำนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณอะไร เนื่องด้วยที่ผ่านมา กลุ่มกบฏซีเรียจะถูกเรียกขานมาตลอดว่าเป็น “กลุ่มติดอาวุธ” และทำไมหน่วยรบรัสเซียที่รักษาความสงบอยู่ในซีเรียถึงยุติการทิ้งระเบิดสนับสนุนทางอากาศอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับเครือข่ายความมั่นคงอิหร่าน ทั้งกองกำลังติดอาวุธเฮซ บอลเลาะห์ในเลบานอน และกองกำลังติดอาวุธตามพรมแดนอิรัก ที่ประกาศเคลื่อนกำลังเข้ามาช่วยรัฐบาลซีเรีย ก็เหยียบเบรกอยู่แค่พรมแดนไม่ได้ข้ามเข้ามา

ทั้งที่ทราบอยู่ว่า กองกำลังติดอาวุธหัวรุนแรงมีหัวหน้ากลุ่มเป็นอดีตก่อการร้ายสากลอัล-เคดา ที่เปลี่ยนสีมาเป็นกลุ่มไอเอส ก่อน “รีแบรนด์” ใหม่ให้กลายเป็นนักต่อสู้เพื่อความหลากหลายทางชาติพันธุ์ และต้องการเปลี่ยนดินแดนแห่งนี้ให้กลายเป็นรัฐอิสลามแห่งซีเรีย งานนี้มีดีลอะไรกันอยู่กับตุรกี รวมถึงสหรัฐฯและอิสราเอล ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนพัวพันกับกลุ่มฮายัต อยู่หลังฉากด้วยเช่นกัน.

...

ตุ๊ ปากเกร็ด

คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม