กลายเป็นประเด็นที่ถูกจับตาอย่างเข้มข้น สำหรับการเดินสายเยือน “เกาหลีเหนือ” และ “เวียดนาม” ของ “วลาดิเมียร์ ปูติน” ประธานาธิบดีรัสเซีย ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

เพราะเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา รัสเซียก็เพิ่งไปผูกมิตรกับอย่างแนบแน่น “จีน” มาเดือนนี้กลายเป็นว่ารัสเซียกระชับมิตรเพิ่มไปอีก 2 ประเทศ ยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์กันอย่างชัดเจน จนกลายเป็นคำถามว่า ความพยายามของชาติตะวันตกในการ “โดดเดี่ยว” รัสเซียกำลังดูเหมือนจะริบหรี่ลงไปเรื่อยๆหรือไม่

ขนาดแหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐฯเองก็อยู่ในสภาพเสียงแตก ฝ่ายหนึ่งบอกว่าเหตุการณ์แบบนี้ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จำสงครามเย็นกันได้หรือไม่ ที่ความสัมพันธ์ของชาติเหล่านี้เปรียบได้เสมือนกับการแต่งงานเพราะความจำเป็น ไม่ได้รักใคร่กันเหมือนกับพวกเราชาติตะวันตก

ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งมองว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือการสร้างขั้ว “อักษะ” ขึ้นมาใหม่ ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่สู้กันทางระบอบปกครองอย่างสิ้นเชิง สาเหตุสำคัญคือชาติเหล่านี้ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ระบบกลไกสากลที่ถูกบงการโดยสหรัฐฯ คือสิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาและสร้างความเจริญรุ่งเรืองของประเทศต่างๆในโลก

ทั้งนี้ บทความจากหนังสือพิมพ์วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ที่รายงานอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐฯว่า การจับขั้วสร้างความร่วมมือของกลุ่มประเทศ “คู่ปรับ” ของสหรัฐฯ มีความรวดเร็วในระดับที่สร้างความประหลาดใจให้กับนักวิเคราะห์ข่าวกรองในรัฐบาลสหรัฐฯ โดยในด้านเฉพาะความร่วมมือด้านความมั่นคง

อย่างก่อนหน้านี้ “อิหร่าน” ก็ให้ความช่วยเหลือในด้านเทคโนโลยีโดรน ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ก็เป็นประโยชน์แก่อิหร่านเอง เนื่องจากได้รับโอกาสเรียนรู้ว่าอะไรคือจุดแข็งจุดอ่อน

...

ข้ามมาวันนี้ “เกาหลีเหนือ” ก็กำลังจะได้โอกาสในการเรียนรู้เทคโนโลยีขั้นสูง ไม่ว่าจะเรื่องกระบวนการผลิตอุตสาหกรรมอาวุธ ไปจนถึงกลยุทธ์ของปืนใหญ่ที่ใช้กันในสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ส่วน “จีน” นั้นไม่ต้องพูดถึง ทางการสหรัฐฯ มองอยู่แล้วว่าเป็น “หัวหอก” ในการยกระดับ ความสัมพันธ์กลุ่มชาติที่ถูกสหรัฐฯคว่ำบาตร จีนกำลังทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือรัสเซีย ทั้งเป็นสาเหตุที่ทำให้รัสเซียฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว หลังจาก เผชิญความล้มเหลวช่วงแรกในสมรภูมิยูเครน

แหล่งข่าววอลล์สตรีทเจอร์นัลยังระบุด้วยว่า ตอนนี้เหลือเพียงอย่างเดียวที่จีนไม่ทำคือเรื่องการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ จีนระวังตัวมาก ในเรื่องนี้ แต่ภาพรวมถือว่าน่าเป็นห่วง เพราะงานนี้เหมือนกับการไปยืนอยู่ริมเส้น แค่ก้าวขาออกไปก็ถือว่าล้ำเส้นที่ไม่ควรข้าม.

ตุ๊ ปากเกร็ด

คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม