ในวันที่ 12 มิ.ย.ที่จะถึงนี้ ถือเป็นโอกาสของการเฉลิมฉลอง “วันชาติรัสเซีย” ซึ่งนายเยฟกินี โทมิคิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ได้ฝากสารจากใจ มายังคนไทยดังนี้
ในวันนี้เป็นวันที่เรามาเฉลิมฉลองวันชาติรัสเซีย ตามข้อตกลงที่ว่าด้วยการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตร่วมกันกับประเทศไทย (สยาม) หลังจากการเสด็จเยือนนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2440 ในช่วงเวลานั้นพระองค์ได้มีโอกาสพบกับซาร์นิโคลัสที่ 2 จากนั้นในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2441 คณะผู้แทนทางการทูตของรัสเซียได้มาถึงกรุงเทพ มหานครเป็นครั้งแรก
เป็นเวลา 127 ปีแล้วที่ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซีย-ไทยได้สร้างขึ้นบนความเข้าใจ การให้การสนับสนุนกันและกัน และอยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจ เป็นตัวอย่างของความร่วมมือที่ยั่งยืน เป็นไปในแนวทางที่ดี และต่างฝ่ายต่างเคารพผลประโยชน์ของกันและกัน อีกทั้งการเคารพในวัฒนธรรม ประเพณี ประวัติศาสตร์ และเป้าหมายในการพัฒนาประเทศ ค่านิยมของแต่ละประเทศ ทั้งหมดนี้ได้เป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น
รัสเซีย-ไทยได้รักษาความสัมพันธ์ทางการเมืองในระดับสูงมาโดยตลอด อย่างในปีที่ผ่านมานายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้พบปะหารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทย ณ กรุงปักกิ่ง ระหว่างการประชุมนานาชาติครั้งที่ 3 ในโครงการสายแถบและเส้นทาง เช่นเดียวกับการมาเยือนของนายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รมว.ต่างประเทศของรัสเซีย ในพิธีเปิดสถานกงสุลใหญ่รัสเซียในจังหวัดภูเก็ต หรือกรณีที่นายดมิทรี เมดเวเดฟ รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย เยือนประเทศไทยและได้หารือกับหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
รัสเซียยังขยายความสัมพันธ์ในด้านวัฒนธรรมสู่ประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้เราคาดว่าจะมีการนำการแสดงผลงานในระดับโลกอย่าง Swan Lake จากโรงละครบอลชอยจากกรุงมอสโก รวมถึง Spartacus, Don Quixote และ Carmen suite and Ballet Fantasia จากโรงละครโอเปร่าและบัลเล่ต์จากเมืองโนโวซีบีร์มาประเทศไทย ขณะที่ช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เราได้มีการนำคณะนักร้องประสานเสียงเพลงพื้นบ้าน Pyatnitsky มาจัดแสดงในกำหนดการเยือนประเทศไทยของ รมว.วัฒนธรรมรัสเซีย ซึ่งได้รับคำชมเป็นจำนวนมาก
...
นอกจากนี้ จากสถิติของกระทรวงพาณิชย์ มูลค่าการค้าทวิภาคีระหว่างรัสเซีย-ไทย ในปี 2566 อยู่ที่ 1,530 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 55,080 ล้านบาท และเติบโตขึ้นอีก 50% ในไตรมาสแรกของปี 2567 หากดูรายละเอียด เป็นรายปีจะพบว่ามีการเพิ่มขึ้นของการนำเข้าและส่งออกมาโดยตลอด ซึ่งเป็นผลประโยชน์ ร่วมกันในการพัฒนาศักยภาพด้านการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกัน.
คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม