เมื่อ 31 มี.ค. อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา และสเปซเอ็กซ์ บริษัทขนส่งทางอวกาศ บุคคลที่ทั่วโลกให้ความสนใจ ได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม “เอ็กซ์” หรือชื่อเดิมว่า “ทวิตเตอร์” ประเด็นสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปี นับแต่เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 24 ก.พ.2565 ตอกย้ำความเชื่อของตนเองที่มองว่ายูเครนอ่อนแรงลงเรื่อยๆในแต่ละวันที่ต้องสู้รบกับรัสเซีย ยังเตือนว่ายูเครนจะต้องสูญเสียดินแดนและอีกกี่ชีวิตก่อนที่จะยอมเจรจาสงบศึกกับรัสเซีย

ข้อความของมัสก์ที่มีผู้อ่านมากกว่า 1.5 ล้านวิว เริ่มต้นด้วยถ้อยคำระบุว่าเป็นการสูญเสียชีวิตอันน่าสลดใจสำหรับยูเครนที่ต้องต่อสู้รับมือการโจมตีจากกองทัพขนาดใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งกว่าทั้งด้านกลยุทธ์ และอาวุธยุทโธปกรณ์ ในสภาพขาดแคลนระบบป้องกัน รวมทั้งขีดความสามารถในการครองความเหนือกว่าทางอากาศของกองทัพยูเครน คนโง่เขลาคนใดก็สามารถทำนายผลลัพธ์ได้ไม่ยาก มัสก์ยังชี้ชัดว่าไม่มีทางที่กองทัพรัสเซียจะสามารถยึดครองแผ่นดินยูเครนได้ทั้งหมด แต่เชื่อว่ารัสเซียจะรุกคืบยึดดินแดนยูเครนได้มากกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้อย่างแน่นอน

มหาเศรษฐีฝีปากกล้ายังแสดงความคิดเห็นตอกย้ำอีกว่ายิ่งสงครามดำเนินไปนานเท่าไร รัสเซียก็จะยิ่งเข้าควบคุมดินแดนยูเครนมากขึ้นจนกว่าจะถึงแม่น้ำนีเปอร์ ที่ไหลผ่านกลางประเทศยูเครน ซึ่งยากจะเอาชนะได้ อย่างไรก็ตาม หากสงครามยืดเยื้อยาวนานพอเมืองท่าโอเดสซา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของยูเครนจะถูกถล่มล่มสลายเช่นกัน พร้อมลงท้ายว่าในความเห็นของตนเอง ไม่ว่ายูเครนจะสูญเสียการเข้าถึงทะเลดำจากเมืองโอเดสซาหรือไม่ก็ตาม ตนขอแนะนำให้มีการเจรจาข้อตกลงก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้น

...

ก่อนหน้านี้มัสก์แสดงความเห็นเกี่ยวกับสงครามหลายต่อหลายครั้ง ล้วนจุดชนวนความไม่พอใจของนานาประเทศ อย่างเช่นในปี 2565 มัสก์เสนอให้ยูเครน ยอมยกแผ่นดินส่วนหนึ่งให้กับรัสเซียเพื่อยุติการสู้รบและกลับสู่สันติภาพ ขณะที่มัสก์ยืนยันว่าเป็นเพราะตนเองสนับสนุนเอาใจช่วยยูเครน ที่ผ่านมามัสก์ยังให้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม “สตาร์ลิงก์” ช่วยเสริมระบบการสื่อสารให้ยูเครนฟรี แต่ปฏิเสธที่จะเปิดใช้งานใกล้กับคาบสมุทรไครเมียเพราะเกรงว่า ยูเครนจะใช้ในการโจมตีด้วยโดรนต่อกองเรือทะเลดำของรัสเซีย ยิ่งจะทำให้ความขัดแย้งยิ่งบานปลาย

วันเดียวกันมีรายงานว่านายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียลงนาม ในคำสั่งกำหนดให้ชายชาวรัสเซียทุกคนที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ เกณฑ์ทหารประจำฤดูใบไม้ผลิ เป็นการบังคับเกณฑ์ทหารสูงสุด 150,000 คน.