ไม่นานมานี้ ผู้เขียนชมตัวอย่างภาพยนตร์แนวโรแมนติกระทึกขวัญ เรื่อง Love Lies Bleeding ผลงานจากผู้กำกับมากฝีมือ “โรส กลาส” บอกเล่าเรื่องราวของ “ลู” (คริสเตน สจ๊วต) ผู้จัดการยิมรักสันโดษที่ตกหลุมรัก “แจ็คกี้” (เคที โอไบรอัน) นักเพาะกายผู้ทะเยอ ทะยานที่เดินทางไปยังนครลาสเวกัส เพื่อตามล่าความฝันของเธอ แต่ความรักของทั้งคู่ก็ได้จุดประกายความรุนแรง และทำให้ต้องเข้าไปสู่โลกอาชญากรรมผ่านครอบครัวของลูที่น่าสนใจคือพอได้อ่านรีวิวภาพยนตร์จากสื่อต่างประเทศแล้ว ก็มีการเรียกความสัมพันธ์ระหว่างลูกับแจ็คกี้ด้วยคำศัพท์ภาษาอังกฤษว่า “เลสเบี้ยน” (Lesbian) บ้างก็เรียกว่า “แซฟฟิค” (Sapphic) สำหรับท่านผู้อ่านบางท่านอาจเคยได้ยินคำว่าเลสเบี้ยนกันมาบ้าง แต่อาจยังไม่รู้จัก กับคำว่า แซฟฟิค เลยจะขอแนะนำให้รู้จักคำนี้กันตามพจนานุกรมเคมบริดจ์คำว่า แซฟฟิค หมายถึง ผู้หญิงที่มีรสนิยมทางเพศที่ดึงดูดกับผู้หญิง หรือเรียกให้เข้าใจง่ายๆว่า หญิงรักหญิง ซึ่งครอบคลุมไปถึงเลสเบี้ยน ทรานส์เจนเดอร์ (บุคคลข้ามเพศ) รวมถึงผู้มีความหลากหลายทางเพศ และรสนิยมทางเพศอื่นๆ ที่เข้าข่ายเช่นกันส่วนที่มาของคำนี้ Etymonline (เว็บไซต์ที่รวบรวมต้นกำเนิดคำศัพท์ต่างๆ) ระบุว่า แซฟฟิคมาจากกวีหญิงชาวกรีกผู้โด่งดังนามว่า “แซฟโฟ” อาศัยอยู่บน “เกาะเลสบอส” ประเทศกรีซ บ้างก็เรียกว่า “แซฟโฟแห่งเกาะเลสบอส” มีชีวิตอยู่ในช่วง 600 ปีก่อนคริสตกาล อันที่จริงคำนี้มีไว้ใช้เรียกบทกวีและลีลางานเขียนแบบแซฟโฟในช่วงปี ค.ศ.1500 ก่อนความหมายจะเปลี่ยนไปในราวคริสต์ทศวรรษ 1890 โดยสื่อถึงความสัมพันธ์หญิงรักหญิง เนื่องจากมีการค้นพบชิ้นส่วนผลงาน ของแซฟโฟที่บรรยายถึงความปรารถนาของหญิงสาวคนหนึ่งที่มีต่อหญิงอีกคน โดยยาสมิน ฮาโม ผู้เขียนบทความ What Does It Mean to Be Sapphic? เผยแพร่ใน Them เว็บไซต์ที่นำเสนอความรู้เกี่ยวกับผู้มีความหลากหลายทางเพศระบุว่า แซฟฟิค ถูกนำมาใช้มากขึ้นในสหรัฐฯ ช่วงกลางถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 20คำว่า เลสเบี้ยน ยังมีที่มาจาก เกาะเลสบอส บ้านเกิดของแซฟโฟ เดิมทีเป็นคำที่ใช้อธิบายสิ่งที่เกี่ยวกับเกาะแห่งนี้ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1590 ก่อนถูกให้ความหมายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้หญิงกับผู้หญิงนับแต่ปี ค.ศ.1870 และใช้อย่างแพร่หลายจนถึงปัจจุบัน จากที่กล่าวมาชี้ว่า เลสเบี้ยนคือแซฟฟิค แต่ใช่ว่าทุกคนที่เป็นแซฟฟิคจะนิยามตัวเองว่าเลสเบี้ยน แซฟฟิคจึงเป็นคำกว้างๆที่ใช้เรียกความสัมพันธ์หญิงรักหญิงที่มีความครอบคลุมมากขึ้น.ญาทิตา เอราวรรณคลิกอ่านคอลัมน์ "หน้าต่างโลก" เพิ่มเติม