แรงงานไทยในอิสราเอลเดินทางกลับประเทศต่อเนื่อง กระทรวงแรงงานย้ำยังมีเที่ยวบินพาณิชย์มาไทยตลอด สามารถซื้อตั๋วเดินทางกลับมาเองให้เก็บใบเสร็จมาเบิกได้ รวมถึงยังมีเจ้าหน้าที่ตั้งโต๊ะบริการที่สนามบิน ให้คำแนะนำการยื่นคำร้องขอรับสิทธิประโยชน์เหมือนเดิม โดยยอดล่าสุดมีแรงงานเดินทางกลับถึงไทยแล้ว 54 เที่ยวบิน รวม 8,813 คน ด้านกระทรวงบัวแก้วแจ้งคนไทยถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่มอีก 1 ราย ตายเพิ่มอีก 2 ศพ ขณะที่การสู้รบไม่มีแผ่ว เมื่อกองทัพอิสราเอลรุกคืบไม่หยุด ด้านผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เตือน หากยิวไม่หยุดถล่มฉนวนกาซา อาจยกระดับการสู้รบตามแนวชายแดนติดเลบานอน
แม้สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ประกาศปิดศูนย์พักพิงเพื่ออพยพแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบในอิสราเอล แต่แรงงานไทยยังคงทยอยเดินทางกลับประเทศเป็นระยะ โดยที่ยังไร้วี่แววตัวประกันคนไทย
แรงงานไทยกลับมาอีก 85 คน
ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 08.55 น. วันที่ 4 พ.ย. นายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน น.ส.กาญจนา พลูแก้ว รองอธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในอิสราเอลและแจ้งความประสงค์เดินทางกลับถึงประเทศไทยจำนวน 85 คน โดยเดินทางกลับมาด้วยสายการบิน Arkia Israeli Airlines เที่ยวบินที่ IZ593 ถึงประเทศไทยอย่างปลอดภัยหลังผ่านขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองได้รับการแนะนำถึงการรับสิทธิประโยชน์เยียวยาจากกองทุนเพื่อค้นหางานไปทำงานในต่างประเทศ
ซื้อตั๋วกลับมาเองก็เบิกได้
นายนันทชัยกล่าวว่า แรงงานไทยยังสามารถซื้อตั๋วเดินทางกลับกับเที่ยวบินพาณิชย์ด้วยตนเองได้ ส่วนค่าใช้จ่ายการเดินทางที่เกิดขึ้นในอิสราเอลสามารถเก็บใบเสร็จเป็นหลักฐานการเดินทาง เพื่อนำไปยื่นคำร้องขอเบิกค่าเดินทางกลับที่ศูนย์ช่วยเหลือแรงงานและติดตามสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศอิสราเอล บริเวณชั้น 1 อาคารกระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี เขตดินแดง กรุงเทพฯ และสำนักงานแรงงานจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยกระทรวงแรงงานจะรวบรวมคำร้องทุกสัปดาห์เพื่อส่งให้กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้พิจารณาและจะได้รับเงินค่าเดินทางผ่านการโอนเข้าบัญชีธนาคารตามชื่อแรงงานไทยที่ได้แจ้งไว้ สามารถติดตามการยื่นคำขอได้ที่ Hot Line Call Center กรมการกงสุล โทร.0-2572-8442
...

กลับมากว่า 8.8 พันคน
นายไพโรจน์ โชติกเสถียร ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้ทางสถานทูตไทยในอิสราเอล ได้ปิดรับแจ้งความประสงค์กลับประเทศของแรงงานไทยในอิสราเอลผ่านระบบออนไลน์ไปแล้ว แต่ในส่วนของการให้บริการที่สนามบินสุวรรณภูมิ กระทรวงแรงงานยังมีเจ้าหน้าที่ไปตั้งโต๊ะบริการให้คำแนะนำการยื่นคำร้องขอรับสิทธิประโยชน์อยู่เหมือนเดิม ซึ่งขณะนี้มีแรงงานเดินทางกลับถึงไทยแล้ว 54 เที่ยวบิน ยอดรวมทั้งสิ้นจำนวน 8,813 คน
เร่งสางหนี้ให้กลุ่มเลื่อนไป
นายไพโรจน์ยังกล่าวถึงกรณีมีกลุ่มแรงงานไทยตามโครงการ TIC ความร่วมมือไทย-อิสราเอล ของกระทรวงแรงงาน จองตั๋วเครื่องบินจะไปทำงานช่วงเดือน ต.ค.-พ.ย. แต่ไปไม่ได้เนื่องจากเกิดภาวะสงคราม ต้องเลื่อนออกไปโดยไม่มีกำหนด ทำให้เกิดภาระหนี้สินจากการกู้เพื่อเป็นค่าใช้จ่าย และบางส่วนได้ลาออกจากงานเดิม กรมการจัดหางานได้ประสานกับสายการบินเพื่อคืนค่าตั๋วแล้ว ในส่วนของหนี้สินกระทรวงแรงงานจะช่วยเหลือให้เข้าถึงเงินกู้ 150,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อปี ผ่อนนาน 20 ปี เหมือนกับแรงงานไทยในอิสราเอลที่เดินทางกลับมา โดยจะกำหนดกลุ่มเป้าหมาย หลักเกณฑ์และคุณสมบัติ เพื่อเสนอเรื่องนี้เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า เบื้องต้นแรงงานกลุ่มนี้มีประมาณ 500 คน ส่วนแรงงานที่ตกงานได้มอบหมายให้กรมการจัดหางานประสานหาตำแหน่งงานรองรับตามทักษะความรู้ความสามารถ ติดต่อได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัด หรือสำนักงานแรงงานจังหวัดในภูมิลำเนา ส่วนกลางติดต่อได้ที่กรมการจัดหางาน
โอนเงินสงเคราะห์ให้ทายาท
ด้านนายสมชาย มรกตศรีวรรณ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า กรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวแม่ของนายพงษธร ขุนศรี แรงงานไทยที่เสียชีวิตในอิสราเอล ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา ได้กำชับหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ดำเนินการให้ได้รับสิทธิประโยชน์เร็วที่สุด โดยร่างของนายพงษธรส่งกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 ต.ค. มีพิธีฌาปนกิจในวันที่ 22 ต.ค. ได้มีการนัดหมายพาแม่ของผู้เสียชีวิตไปสืบทายาทที่ อ.เฉลิมพระเกียรติ ในวันที่ 27 ต.ค. และรับเรื่องจากทายาทเพื่อส่งข้อมูลผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ขออนุมัติการจ่ายสิทธิประโยชน์เยียวยาจากกองทุนฯ และมีการอนุมัติการจ่ายเงินสงเคราะห์ กรณีเสียชีวิต จำนวน 40,000 บาทแล้วเมื่อวันที่ 3 พ.ย. โดยธนาคารกรุงไทยจะโอนเงินสงเคราะห์ผ่านบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ให้ทายาทในวันที่ 6 พ.ย.นี้
ตายเพิ่ม 2 ถูกจับอีก 1 คน
ต่อมากระทรวงการต่างประเทศสรุปสถานการณ์ คนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อิสราเอล-กาซา (สถานะวันที่ 4 พ.ย.2566) ว่า มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 ราย รวมเป็น 34 ราย บาดเจ็บจำนวนเท่าเดิม คือ 19 ราย ในจำนวนนี้ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 4 ราย นอกจากนี้ มีผู้ถูกจับกุมเพิ่มขึ้น 1 ราย รวมเป็น 24 ราย สำหรับการอพยพคนไทยออกจากอิสราเอล โดยผ่านทางการประสานงานของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ในเฟสที่ 1 รวม 35 เที่ยวบิน รวมจำนวนผู้ได้รับการช่วยเหลือ 7,470 คน ทั้งนี้ สถานทูตได้ปิดศูนย์พักพิงที่โรงแรม David InterContinental แล้ว อย่างไรก็ตาม คนไทยยังสามารถติดต่อสถานทูตเพื่อขอความช่วยเหลือได้ที่โทรศัพท์หมายเลข 05-3245-2826, 05-5271-2201, 05-0443-8094, 05-3557-4115 อีเมล consular.tav@mfa.go.th และกรณีฉุกเฉินติดต่อหมายเลข 05-4636-8150
...
ทยอยเผาร่างเหยื่อสงคราม
ขณะเดียวกัน ตลอดวันมีพิธีฌาปนกิจศพแรงงานไทยที่เสียชีวิตจากการสู้รบระหว่างกลุ่มฮามาสกับกองทัพอิสราเอล โดยเมื่อเวลา 14.00 น. ที่เมรุวัดโพธิ์ย่อยบ้านยาง ตำบลบ้านยาง อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพนายจรูญ ชาติดำดี อายุ 40 ปี โดยมีหัวหน้าส่วนราชการทั้งในระดับจังหวัดและอำเภอ อาทิ นางวาทิณี โฆษาศิวิไลซ์ นายกเหล่ากาชาดจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วย ร้อยเอกกิจสมพงษ์ กล้าหาญ แรงงานจังหวัดบุรีรัมย์ นางนัฏญา วรชินา พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดบุรีรัมย์ นางแสงเพชร ลำไธสง วัฒนธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ พ.จ.ท.ทวี พิมพ์อุบล นายอำเภอลำปลายมาศ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ครอบครัวของผู้เสียชีวิต และประชาชนชาวตำบลบ้านยาง ร่วมในพิธีไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายท่ามกลางความโศกเศร้าอาลัย
ลูกกอดกันร่ำไห้สูญเสียพ่อ
เช่นเดียวกับที่วัดทองประสาน บ้านโนนทัน ม.9 ต.ดอนดั่ง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น เมื่อเวลา 15.00 น. นายวันนิวัติ สมบูรณ์ สส.ขอนแก่น เขต 10 พรรคเพื่อไทย เป็นประธานในพิธีฌาปนกิจศพ นายพิทักษ์ โทแหล่ง อายุ 54 ปี ที่เริ่มจากบิดาพร้อมบุตรชาย บุตรสาว และญาติพี่น้องของผู้ตาย เคลื่อนศพจากบ้านมายังเมรุของวัดทองประสาน โดยมีญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน รวมถึงนายประจักษ์ ไชยกิจ นายอำเภอหนองสองห้อง และผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่มาร่วมในพิธีฌาปนกิจศพอย่างพร้อมเพรียง จนถึงขั้นตอนวางดอกไม้จันทน์ บุตรสาวของผู้ตายทั้งสองคนได้แต่กอดกันกลม ร่ำไห้เสียใจต่อการจากไปของบิดา ส่วนบุตรชายได้บวชหน้าไฟให้บิดา

...
บุกค่ายผู้ลี้ภัย-ยึดมัสยิด
สำหรับสถานการณ์สู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์กลุ่มฮามาสยังรุนแรงต่อเนื่อง โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 พ.ย.ว่ากองทัพอิสราเอลยังคงโจมตีทางอากาศอย่างหนักเป็นวงกว้างทั่วพื้นที่ฉนวนกาซา โดยเฉพาะพื้นที่ทางภาคตะวันตก และเมืองข่านยูนิส ทางภาคใต้ ขณะเดียวกันยังปฏิบัติการภาคพื้นดินตีโฉบทั่วเขตเวสต์แบงก์ อาทิ เมืองนาบลุส เมืองทุลคาร์ม เมืองรามัลเลาะห์ เมืองเบธเลเฮม เมืองเจนิน เมืองเฮบรอน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ศพ ชาวปาเลสไตน์ถูกกองทัพอิสราเอลจับกุมอย่างน้อย 41 คน โดยในเมืองเฮบรอนทางใต้ของเขตเวสต์แบงก์ มีชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 25 คน ถูกจับกุมในค่ายผู้ลี้ภัยอัล-เฟาวาร์ และกองทัพอิสราเอลยังบุกล้อมมัสยิด พร้อมติดธงชาติอิสราเอลบนสุเหร่าในเมืองดังกล่าว
จวกยับยิวถล่มรถพยาบาล
ก่อนหน้านี้ ทางการปาเลสไตน์แถลงว่า กองทัพอิสราเอลโจมตีทางอากาศใส่ขบวนรถพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์และสภาเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์ที่มุ่งหน้าไปด่านข้ามพรมแดนราฟาห์ ทางใต้ของฉนวนกาซา ติดชายแดนอียิปต์รวม 5 คัน ห่างจากบริเวณประตูทางเข้าโรงพยาบาลอัล-ชีฟา โรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซา ประมาณ 1 กม. เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 3 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 ศพ บาดเจ็บมากกว่า 60 ราย รถพยาบาลและรถยนต์ที่อยู่ใกล้เคียงได้รับความเสียหาย ยังมีรอยเลือดของเหยื่อกระเซ็นไปติดกับรถและไหลนองบนพื้นถนน ส่งผลให้สภาเสี้ยววงเดือนแดงปาเลสไตน์ประณามการกระทำของอิสราเอลว่าการจงใจโจมตีหน่วยพยาบาลเป็นการละเมิดอนุสัญญาเจนีวาอย่างรุนแรง และเป็นอาชญากรรมสงคราม ขณะที่นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ แถลงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก พร้อมกล่าวเสริมว่าการโจมตีอย่างบ้าคลั่งจะต้องยุติ
...
ยิวโต้อีกฝ่ายใช้รถลอบขนอาวุธ
ด้านกองทัพอิสราเอลออกมายืนยันว่า อิสราเอลยิงจรวดโจมตีใส่รถพยาบาลทางเหนือของฉนวนกาซา โดยอ้างว่ากองทัพอิสราเอลมีหลักฐานชี้ชัดว่ากลุ่มฮามาสใช้รถพยาบาลในการเคลื่อนย้ายขนส่งกองกำลังฮามาสและอาวุธออกนอกกาซา ยังระบุว่าการโจมตีในครั้งนี้ได้สังหารนักรบกลุ่มฮามาสจำนวนหนึ่งเช่นกัน อิสราเอลยังย้ำว่า บริเวณทางเหนือของฉนวนกาซาคือสนามรบ และเคยเตือนประชาชนในบริเวณดังกล่าวให้อพยพไปทางใต้เพื่อความปลอดภัยหลายครั้งแล้ว ขณะที่นายอิซซัต เอล เรชิก สมาชิกฝ่ายการเมืองกลุ่มฮามาสเผยว่า คำกล่าวอ้างของอิสราเอล ไม่มีมูลความจริง ด้านนายอัชราฟ อัล-คุดรา โฆษกกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ย้ำว่า คนที่อยู่บนรถพยาบาลเป็นเหยื่อสงครามไม่ใช่นักรบฮามาส
แฉฮามาสสวมรอยเป็นผู้อพยพ
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างเจ้าหน้าที่อาวุโสของทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกาว่า กลุ่มฮามาสพยายามใช้ข้อตกลงในการเปิดด่านข้ามพรมแดนราฟาห์ที่สหรัฐฯ เป็นตัวกลางในการเจรจา ในการอพยพสมาชิกกลุ่มฮามาสออกจากฉนวนกาซา เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวระบุว่า 1 ใน 3 ของรายชื่อผู้บาดเจ็บชาวปาเลสไตน์ที่ฮามาสส่งมาเป็นรายชื่อของนักรบและสมาชิกกลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นเรื่องที่สหรัฐฯ อียิปต์ และอิสราเอลยอมรับไม่ได้
ฮิซบอลเลาะห์ฮึ่มพร้อมลุย
สำหรับปฏิกิริยาของผู้นำในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่อาจทำให้การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสบานปลายมากขึ้น นายไซอิด ฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐบาลอิหร่าน แถลงผ่านโทรทัศน์เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดการสู้รบดังกล่าว ผู้นำฮิซบอลเลาะห์เตือนว่า หากอิสราเอลไม่หยุดโจมตีในฉนวนกาซา การสู้รบที่ชายแดนเลบานอนจะขยายวงกว้างขึ้น และฮิซบอลเลาะห์พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น การยกระดับการสู้รบระหว่างฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลบริเวณชายแดนเลบานอนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในฉนวนกาซา นายนาสรัลเลาะห์ยังเผยว่า สหรัฐฯเป็นผู้ที่สามารถยุติการรุกรานฉนวนกาซาได้ทันที เพราะนี่คือการสู้รบของสหรัฐฯ นอกจากนี้ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ยังขอบคุณกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนที่โจมตีโดรนของอิสราเอล และขอบคุณกองกำลังในอิรักที่โจมตีกองทัพสหรัฐฯ ในประเทศและซีเรีย