แค่คุยกับเพื่อนว่าอยากได้อะไร อยากไปเที่ยวไหน อยากทำอะไรกัน โฆษณาในมือถือก็จะเด้งขึ้นมาทันทีตามหัวข้อที่เราสนใจ จนรู้สึกได้ว่าเรากำลังโดนดักฟังแน่ๆ!! แถมล่าสุด AI ยังถูกนำมาใช้เพื่อแอบดักฟังรหัสผ่านจากเสียงแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ได้อย่างแม่นยำเกือบ 100% เรียกว่าโลกนี้เริ่มอยู่ยาก และ AI ช่างน่ากลัวขึ้นทุกวันจริงๆมหาวิทยาลัยคอร์เนลได้ค้นพบวิธีการขโมยรหัสผ่านแบบใหม่ โดยเอา AI ตัวจี๊ดใส่ลงในสมาร์ทโฟนและวางไว้ใกล้ๆ กับโน้ตบุ๊กที่กำลังพิมพ์งานอยู่ ปรากฏว่า AI ตัวนี้สามารถถอดรหัสสิ่งที่พิมพ์อยู่ได้อย่างแม่นยำถึง 95% คิดดูว่าถ้า AI ไปฝังอยู่ในโน้ตบุ๊กที่มีไมโครโฟนรับเสียงอยู่แล้ว มันย่อมรู้ทันทีว่าเรากำลังพิมพ์ข้อความอะไรอยู่ ไม่อยากจินตนาการเลยว่าจะอันตรายขนาดไหนถ้าตกอยู่ในมือมิจฉาชีพหรือผู้ก่อการร้ายเมื่อหลายปีก่อน “เฟซบุ๊ก” ยอมรับเป็นครั้งแรกว่าแอบฟังผู้ใช้งานคุยกันจริงๆ โดยมีรายงานจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า “มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก” ลงทุนจ้างพนักงานชั่วคราวหลายร้อยคนเพื่อถอดข้อความเสียงจากผู้ใช้งานบน Messenger App โดยอ้างว่าไม่ได้คิดจะละเมิดความเป็นส่วนตัว หรือใช้ทำมาหากิน แต่อยากทดสอบประสิทธิภาพของ AI ว่าสามารถแปลข้อความเหล่านี้ได้แม่นยำแค่ไหนที่น่ากลัวคือ “เฟซบุ๊ก” ยอมรับว่าสามารถเข้าถึงเสียงสนทนาได้จริง หากผู้ใช้งานกดอนุญาตให้ “เฟซบุ๊ก” เข้าถึงได้ เรียกว่าเราเปิดประตูให้เขาเข้ามาเองซะงั้น “เฟซบุ๊ก” ใช้บริการบริษัทอื่นทำหน้าที่ตรวจสอบบทสนทนาเหล่านี้มานานแล้ว โดยถือเป็นความลับสุดยอดที่ห้ามแพร่งพรายเด็ดขาดตอนขึ้นแถลงต่อวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ เมื่อปี 2018 “มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก” เคยเถียงคอเป็นเอ็นว่า คุณกำลังพูดถึงทฤษฎีสมคบคิดที่ชี้ว่าเราแอบฟังผู้ใช้งานเพื่อการโฆษณา แต่เราไม่เคยทำเช่นนั้นไม่เฉพาะแต่ “เฟซบุ๊ก” ที่โดนตรวจสอบเรื่องการแอบฟัง และนำข้อความเสียงของผู้ใช้งานไปหาประโยชน์ทางธุรกิจ บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon และ Apple ก็เข้าข่ายมีพฤติกรรมชอบแอบดักฟังผู้ใช้งานมานานแล้วแม้มนุษย์จะหวาดกลัว AI ที่พัฒนาเร็วจนน่ากลัวและฉลาดล้ำเกินมนุษย์ ถึงขั้นจินตนาการไปไกลว่าในอนาคต AI อาจจะครองโลกแทนมนุษย์ ไม่ใช่แค่แย่งงานทำ กระนั้น AI ก็มีคุณอเนกอนันต์ต่อเศรษฐกิจโลก โดยมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 หรืออีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า AI มีศักยภาพที่จะเพิ่มมูลค่า GDP ทั่วโลกได้มากถึง 16% คิดเป็นมูลค่า 13 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ และเพิ่ม 1.2% ของอัตราการเติบโตผลผลิตประจำปี แซงหน้าผลผลิตของการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคก่อนสงครามระหว่างมนุษย์กับเหล่าปัญญาประดิษฐ์ในภาพยนตร์ไซไฟทั้งหลายอาจเป็นเพียงจินตนาการฟุ้งๆ ของมนุษย์ที่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง ถ้ามนุษย์รู้จักสร้างสรรค์ปัญญาประดิษฐ์อย่างมีจริยธรรม ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตาพัฒนา AI เพื่อสนองความโลภ หรือจ้องใช้ AI ทำลายล้างศัตรูคู่แข่ง.มิสแซฟไฟร์คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม