28 กรกฎาคม 2565 โฆษกกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (เจียฟางจวิน) ที่ประกอบด้วยกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกองกำลังขีปนาวุธ แถลงข่าวว่าจะไม่ทนต่อการเคลื่อนไหวต่อประเด็นเอกราชของไต้หวัน หรือการแทรกแซงจากกองกำลังภายนอก และจะหยุดความพยายามดังกล่าว (ความพยายามเคลื่อนไหวต่อประเด็นเอกราชของไต้หวัน)

จีนเตือนสหรัฐฯ ‘หลายครั้ง’ ถึงกรณีที่นางแนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯจะไปเยือนไต้หวัน ผมมีความเชื่อส่วนตัวว่า ถ้านางเปโลซีดึงดันที่จะไปไต้หวัน อาจจะเกิดความขัดแย้งขั้นรุนแรงที่สามารถพัฒนามาเป็นสงครามได้

สมัยก่อนตอนที่จีนตั้งสาธารณรัฐประชาชนได้เพียงปีเดียว กองทัพแดงเตือนสหรัฐฯและกองทัพสหประชาชาติกรณีการบุกเกาหลีเหนือตามคำแนะนำของนายพลแมคอาเธอร์ เมื่อกองทัพสหประชาชาติตีกรุงเปียงยางได้ ก็เคลื่อนกำลังไปประชิดริมฝั่งแม่น้ำยาลู เมื่อเจอกับกองทัพอาสาสมัครจีนคอมมิวนิสต์ที่มีกำลังมากถึง 3 แสน กองทัพสหประชาชาติก็แตกกระจาย นายพลวอล์กเกอร์ ผู้บัญชาการกองทัพที่ 8 ของพวกฝรั่งมังค่าเสียชีวิตคาสนามรบตอนนั้น จีนยังไม่ทันตั้งตัวนะครับ นายกรัฐมนตรีโจว เอินไหล เตือนเมื่อ ค.ศ.1950 ว่าจีนจะไม่นั่งเฉย หากกองทัพสหรัฐฯและสหประชาชาติข้ามเส้นขนานที่ 38

เหตุการณ์หมุนเวียนเปลี่ยนไปนาน 14 ปี หลังจากเหตุการณ์อ่าวตังเกี๋ย รัฐบาลจีนใช้ประโยคเดียวกันเตือนสหรัฐฯ เรียกร้องให้สหรัฐฯหยุดการส่งกองทัพไปยังเวียดนาม สิงหาคม ค.ศ.1964 ประธานาธิบดีจอห์นสันสั่งให้กองทัพอเมริกันโจมตีฐานทัพเรือในเวียดนามเหนือ และขอให้รัฐสภาลงมติให้อำนาจประธานาธิบดีใช้กำลังทหารเพื่อธำรงสันติภาพและเสถียรภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรื่องนี้ยาวครับ ผู้สนใจสามารถไปค้นคว้าหาอ่านได้ในหัวข้อ Tonkin Gulf Resolution (มติอ่าวตังเกี๋ย) ที่ภาษาทางการใช้ว่า Southeast Asia Resolution (มติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้)

...

วุฒิสภาสหรัฐฯอนุมัติตามคำขอประธานาธิบดีด้วยคะแนน เสียง 88 ต่อ 2 ส่วนสภาผู้แทนราษฎรอนุมัติด้วยคะแนนเสียง 416 ต่อ 0 ตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มสงครามเวียดนาม ซึ่งจีนเตือนสหรัฐฯหลายครั้ง ทว่าสหรัฐฯก็ยังโหมทำสงครามเวียดนาม บั้นปลายท้ายที่สุด สหรัฐฯก็ประสบความปราชัยหายนะ มีการจดจารึกจำเรื่องสงครามเวียดนามในประวัติศาสตร์ของโลก เป็นความอัปยศอดสูของมหาอำนาจที่พ่ายแพ้ต่อกองกำลังขนาดเล็กของประเทศที่ตัวเองส่งทหารเข้าไปรุกราน

ค.ศ.2022 สหรัฐฯประสบความสำเร็จในการจุดชนวนความขัดแย้งในยุโรป (รัสเซีย-อูเครน) ขณะนี้พยายามยั่วยุเพื่อให้เกิดความขัดแย้งในเอเชียแปซิฟิก หากประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯเดินทางไปไต้หวันจริง เรื่องนี้จะย้อนแย้งกับตอนที่สหรัฐฯรู้ตัวว่าจะต้องแพ้ในสงครามเวียดนาม จึงคิดจะยุติและหันไปสร้างความสัมพันธ์กับจีนด้วยการใช้ให้คิสซิงเจอร์ก็บินไปติดต่อ โดยใช้กีฬาปิงปองเป็นสื่อเชื่อมความสัมพันธ์

27 กุมภาพันธ์ 1972 สหรัฐฯและจีนประกาศแถลงการณ์เซี่ยงไฮ้ ซึ่งมีข้อใหญ่ใจความว่า 1.สหรัฐฯและจีนจะไม่แสวงหาความเป็นใหญ่ในทวีปเอเชีย น่านน้ำแปซิฟิก และจะต่อต้านประเทศใดก็ตามที่พยายามสถาปนาตนเป็นใหญ่ในเอเชีย 2.ทั้งสองฝ่ายจะเพิ่มการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและการค้า 3.สหรัฐฯยอมรับว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน และจะลดกำลังทหารออกจากไต้หวันจนหมดสิ้น และ 4.ทั้งสองฝ่ายคัดค้านการสมคบกันระหว่างประเทศเพื่อต่อต้านประเทศอื่น

หลังจากมีความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกันแล้ว จีนก็รักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐฯอย่างบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น จีนพัฒนาตนเองทางด้านเศรษฐกิจและสถานะทางการเมืองในเวทีระหว่างประเทศอย่างมุ่งมั่นต่อเนื่อง หากสหรัฐฯยั่วยุจีนใน ค.ศ.2022 ด้วยการส่งประธานสภาผู้แทนราษฎรไปเยือนไต้หวัน ผมเชื่อว่าเรื่องนี้จีนอาจจะเล่นแรง ที่แรงที่สุดก็คืออาจจะส่งเครื่องบินไปควบคุมเครื่องบินที่นางเปโลซีนั่งอยู่และบังคับให้ไปจอดในแผ่นดินจีน ซึ่งสหรัฐฯไม่ยอมแน่นอน

หากมีสงครามความขัดแย้ง สหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอีกหลายประเทศก็อาจจะรวมกันกินโต๊ะจีน จีนก็ต้องหันไปหารัสเซียและสมาชิกขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ สุดท้ายก็รบกัน.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com