เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา สื่อมวลชนระดับยักษ์ใหญ่ของโลกหลายสำนักได้พร้อมใจกัน “พาดหัว” และนำเสนอข่าวเกี่ยวกับอัครมหาเศรษฐีของโลก บิลล์ เกตส์ ว่าเขามี “ความปรารถนา” อย่างแรงกล้าที่จะทำในเร็วๆนี้อยู่ประการหนึ่ง...นั่นก็คือ การบริจาคเงินของเขาให้มูลนิธิให้หมด เพื่อที่เขาจะหลุดจากอันดับ “คนรวย” ของโลกเสียที
บิลล์ เกตส์ มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟต์ และก่อตั้งมูลนิธิบิลล์แอนด์เมลินดาเกตส์ เมื่อปี 2000 ได้พิมพ์เผยแพร่ความในใจของเขาผ่านทวิตเตอร์ว่า มูลนิธิดังกล่าวจะเพิ่มการใช้จ่ายจาก 6,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีในปัจจุบัน เป็น 9 พันล้านดอลลาร์ต่อปีในปี 2026
เพื่อเป้าหมายในการต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บ และความยากจนทั่วโลก ตลอดจนความเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมโลกและ ฯลฯ
เขาย้ำว่าเพื่อให้สามารถเพิ่มการใช้จ่ายตามนี้ได้ เขาจะต้องโอนเงินเข้ากองทุนของมูลนิธิ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนนี้ และตั้งใจว่าในอนาคตอันไม่ไกลนัก เขามีแผนที่จะมอบ “ทรัพย์สิน” ทั้งหมดให้แก่มูลนิธิเพื่อที่เขาจะได้หลุดออกจากรายชื่อบุคคลร่ำรวยของโลกเสียที
บิลล์ เกตส์ กล่าวด้วยว่า เขามีหน้าที่ที่จะต้องคืนทรัพย์สมบัติของเขาแก่สังคม เพื่อช่วยลดความทุกข์ยากและพัฒนาชีวิตให้ได้มากที่สุด และหวังว่าผู้ที่มีทรัพย์สินคนอื่นจะดำเนินการในลักษณะนี้ด้วยเช่นกัน
เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน ตลอดจนภาวะความเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ ทำให้วิกฤติของโลกหนักหนาสาหัสยิ่งขึ้น
บิลล์ เกตส์ ร่ำรวยเป็นอันดับที่ 4 ของโลก จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์ล่าสุด มีทรัพย์สิน 1.29 แสนล้านดอลลาร์ รองจาก อีลอน มัสก์, เจฟฟ์ เบซอส, เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ตามลำดับ
...
จึงกลายเป็นข่าวใหญ่พาดหัวยักษ์สื่อโลกในฉับพลันทันที
สำหรับผมนั้นเมื่ออ่านข่าวนี้จบก็ชูหัวแม่โป้งแบบกด “ไลค์” ให้แก่บิลล์ เกตส์ ด้วยความชื่นชมและขอบคุณเขาเป็นที่สุด
ถ้าท่านผู้อ่านจำได้ ผมได้เขียนขอร้อง “คนรวย” บ้านเรามาหลายครั้ง...ว่าท่านจะต้องช่วยเหลือสังคมไทยมากขึ้น
เพราะช่องว่างและความเหลื่อมล้ำของท่านกับคนจนในประเทศ ไทยเรานั้น มันถ่างกว้างราวฟ้ากับเหวขึ้นทุกๆปี
ผมเข้าใจดีและไม่เคยต่อว่าเลยว่า พวกท่านเอาเปรียบสังคม หรือทำมาค้าขายแบบรีดนาทาเร้นดังเช่นนิยายน้ำเน่าในยุคก่อนๆ
เพราะเข้าใจดีว่าเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก แม้แต่ประเทศที่เจริญที่สุด ร่ำรวยที่สุด และเป็นเจ้าตำรับการพัฒนาประเทศอย่างสหรัฐฯ ก็เหลื่อมล้ำอย่างหนักในทุกวันนี้ แถมหนักมากขึ้นไปอีกหลังโควิด-19 ระบาด
ผมเชื่อในทฤษฎีของ โทมัส พิเก็ตตี ที่แสดงไว้ในหนังสือ “ทุนนิยมในศตวรรษที่ 21” ที่ระบุว่า ใครก็ตามที่เป็นเจ้าของ “ทุน” ย่อมได้เปรียบผู้เป็นเจ้าของทรัพยากรอื่นๆ เพราะผลตอบแทนของทุนจะสูงกว่าผลตอบแทนอื่นๆอย่างมากอยู่เสมอ
ขนาดประเทศที่มีระบบกฎหมายเข้มแข็งสามารถสกัดกั้นความเอารัดเอาเปรียบสังคมได้อย่างสหรัฐฯและยุโรป ยังแก้ปัญหา “ช่องว่าง” ผ่านระบบภาษีอากรได้ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะสุดท้ายแล้วแม้คนรวยจะเสียภาษีถูกต้อง แต่เขาก็ยังมีเงินเหลือในมือมากกว่าผู้คนทั่วไปอยู่ดี
เพราะการเป็นเจ้าของ “ทุน” มากกว่าคนอื่นๆของพวกเขานั่นเอง
แต่ในทุกความเหลื่อมล้ำย่อมนำไปสู่ปัญหาทางสังคมเสมอ ความโกรธ ความโมโห ความอิจฉาเป็นธรรมดาของมนุษย์ อย่างไรเสีย สังคมที่มีความเหลื่อมล้ำ ก็จะไม่มีวัน “อยู่เย็นเป็นสุข”
ผมจึงได้เขียนขอร้องมาตลอด 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ขอให้คนรวยไทยหันมาช่วยเหลือคนจนไทยให้มากขึ้น
ซึ่งก็น่ายินดีที่คนรวยไทยเราก็ทำกันมาพอสมควรแล้ว ทำก่อนที่ผมจะเขียนขอร้องเสียอีก แต่ก็ยังไม่พอและจะต้องทำให้มากยิ่งขึ้น
ได้อ่านข่าวบิลล์ เกตส์ วันนี้แล้ว ก็อย่าลืมหันไปช่วยคนจนเยอะๆให้มากขึ้นอีกนะครับเศรษฐีไทยทั้งหลาย
ไม่ต้องถึงขั้นบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดแบบบิลล์ เกตส์หรอกครับ...ขอให้บริจาคให้มากขึ้นกว่าเดิมอีกสักเท่าหนึ่งก็พอแล้ว--ขอบคุณล่วงหน้านะครับ...50 อันดับแรกของมหาเศรษฐีประเทศไทยที่ฟอร์บส์เพิ่งประกาศเมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง.
ไม่ต้องเอ่ยชื่อซ้ำนะครับ...ไผเป็นไผ ก็รู้ๆกันอยู่แล้ว.
“ซูม”