ปัญหาประชากรลดลงและอัตราการเกิดต่ำอย่างต่อเนื่องยังคงเป็นปัญหาใหญ่ที่แก้ไม่ตกของรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งในอนาคตอาจเกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน รวมทั้งยังกระทบต่อระบบเงินบำนาญสำหรับผู้สูงอายุ โดยเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมามีรายงานว่า เด็กเกิดใหม่แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เพียง 811,604 คนเท่านั้น ลดลงเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน ขณะที่การแต่งงานของคู่รักหนุ่มสาวก็ยังลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่นกัน ยิ่งทำให้สถาน การณ์เลวร้ายมากขึ้นไปอีก ทั้งที่ผ่านมารัฐบาลพยายามออกมาตรการต่างๆอย่างหลากหลาย หวังกระตุ้นให้คู่รักเร่งผลิตประชากรรุ่นใหม่ ไม่ว่า จะเป็นการให้งบประมาณสนับสนุนการใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ช่วยจับคู่ ช่วยสนับสนุนค่าจัดงานแต่งงาน เพิ่มอัตราวันลาหยุดเพื่อเลี้ยงบุตร ไปจนถึงช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตร
แต่ที่เมืองมิยาซากิ ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นกลับมีแนวทางเพิ่มอัตราการเจริญพันธุ์ได้อย่าง “แยบยลและลึกซึ้ง” ด้วยการสนับสนุนให้คนโสดหันไปใช้วิธี “โลว์เทค” แต่ “โรแมนติก” อย่างการจดปากกา “เขียนจดหมาย” ลงบนกระดาษสื่อความในใจเพื่อตามหาคนรัก แทนการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่หรือแอปพลิเคชัน ซึ่งเจ้าหน้าที่เผยว่าโครงการประสบความสำเร็จอย่างน่าแปลกใจ แม้ว่า เมื่อเทียบกับการหาคู่เดตออนไลน์ การเขียนจดหมาย ใช้เวลานานกว่าและยังต้องสร้างแรงบันดาลใจในการจินตนาการถึงคนที่อยากพูดคุยด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเวลาการเขียนทุกตัวอักษรอย่างจริงใจด้วยความตั้งใจ ถ่ายทอดความรู้สึกอย่างลึกซึ้ง ยิ่งทำให้ทุกตัวอักษรที่เรียงร้อยออกมาเปี่ยมด้วยพลัง
ที่จริงโครงการนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 2563 มีผู้ลงทะเบียน 450 คน เกินกว่าที่คาดการณ์เบื้องต้นไว้ถึง 2 เท่า โดยราว 70% ของผู้ร่วมโครงการมีอายุระหว่าง 20-30 ปี ซึ่งทีมงานจะคัดกรองและจับคู่ให้ตามความเหมาะสมโดยพิจารณาจากข้อมูลส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ หนังสือ และกีฬาที่ชื่นชอบ โดยเปิดเผยแต่เพียงอายุ ส่วนชื่อ-นามสกุล อาชีพ ที่อยู่ รวมทั้งรูปโปรไฟล์จะไม่เปิดเผย ทีมงานระบุว่า คนทั่วไปมักพิจารณารูปลักษณ์เป็นหลักในการมองหาคู่ชีวิต ในขณะที่การเขียนจดหมายจะแสดงให้เห็นถึงบุคลิกที่แท้จริงมากกว่า นอกจากนี้จดหมายจะถูกทีมงานเช็กก่อนว่า ไม่มีถ้อยคำลามกอนาจาร หยาบคาย หรือไม่เหมาะสม ก่อนที่จะส่งไปยังผู้รับที่รอคอยด้วยใจจดจ่อ
...
แม้ยังไม่มีคู่ไหนถึงขั้นลั่นระฆังวิวาห์ แต่ทีมยืนยันว่า มี 17 คู่รักที่กำลังอินเลิฟ หวังว่าจะมีข่าวดีในอีกไม่นาน.
อมรดา พงศ์อุทัย