เมื่อวันที่ 1 พ.ค. สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสงครามยูเครน-รัสเซีย ในภูมิภาคยุโรปตะวันออก ซึ่งล่วงเลยมาเกือบ 70 วัน นับตั้งแต่เสียงปืนแตกวันที่ 24 ก.พ. ระบุนางแนนซี เพโลซี ประธานรัฐสภาสหรัฐฯ ได้ทำเซอร์ไพรส์เข้าพบนายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ในกรุงเคียฟ พร้อมให้คำมั่นว่าสหรัฐฯจะไม่ยอมให้รัสเซียกลั่นแกล้ง และมีความมุ่งมั่นจะอยู่กับยูเครนจนการสู้รบยุติลง การเยือนดังกล่าวยังมีขึ้นพร้อมกับที่ แองเจลินา โจลี นักแสดงชื่อดัง เดินทางเยือนเมืองลวิฟ ทางภาคตะวันตกของยูเครน เพื่อเข้าพบกับเด็กชาวยูเครนที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม
ประธานาธิบดีเซเลนสกียังออกแถลงการณ์อ้างว่า นับตั้งแต่เริ่มสงครามเมื่อปลายเดือน ก.พ. กองทัพยูเครนได้ประสบความสำเร็จในการทำลายรถถังรัสเซียกว่า 1,000 คัน ยานเกราะกว่า 2,500 คัน และเครื่องบินกว่า 200 ลำ ขณะที่กระทรวงต่างประเทศ อังกฤษ ออกคำเตือนว่ารัสเซียกำลังใช้ “โรงงาน” ผลิตข่าวปลอม ปั่นกระแสอย่างหนักในโซเชียลมีเดีย พร้อมโจมตีนักการเมืองต่างชาติ ส่วนกองทัพรัสเซียอ้างเช่นกันว่า นับตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการทางทหาร รัสเซียได้ทำลายรถถังและยานเกราะยูเครนกว่า 2,700 คัน เครื่องบินรบ 145 ลำ เฮลิคอปเตอร์ 112 ลำ โดรน 672 ลำ ระบบต่อสู้อากาศยาน 281 ระบบปืนใหญ่และปืนครกกว่า 1,203 กระบอก
สำหรับบรรยากาศการสู้รบในเมืองท่ามาริอูโปล ทางภาคใต้ รัฐบาลยูเครนเปิดเผยว่า มีพลเรือนที่บาดเจ็บอย่างน้อย 20 คน ได้รับการอพยพออกจากย่านอุตสาหกรรมโรงงานเหล็กอาซอฟสตาล ที่หน่วยรบยูเครนปักหลักสู้ตายอยู่ กลุ่มผู้อพยพดังกล่าวกำลังมุ่งหน้าสู่พื้นที่ยึดครองของยูเครนในจังหวัดซาโปริชเชีย ทางตอนเหนือของจังหวัดเคียร์ซอน ที่รัสเซียยึดครอง และจากภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุดแสดงให้เห็นว่าสิ่งก่อสร้างเกือบทั้งหมดในย่านอาซอฟสตาลถูกทำลายจนพังพินาศ ขณะที่สื่อรัสเซียระบุว่า มีพลเรือนอพยพออกจากอาซอฟสตาล 45 คน ในจำนวนนี้ 25 คน อพยพ ออกมาเอง อีก 20 คน หน่วยรบยูเครนยอมปล่อยตัว
...
ด้านสถานการณ์ในแนวรบดอนบาส ภาคตะวันออกของยูเครน มีรายงานหน่วยรบยูเครนพยายามจัดชุดตีโต้ออกมาจากเมืองคาร์คิฟทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อยับยั้งการบุกทะลวงจังหวัดโดเนตสก์ของรัสเซียการสู้รบในพื้นที่เมืองเซเวโรโดเนตสก์ยังคงดุเดือด โดยเฉพาะพื้นที่เมืองโปปาสนา ที่ห่างไปทางใต้ ถูกขนานนามว่าสตาลินกราด นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังยิงปืนใหญ่แลกกันอย่างดุเดือด หลังฟ้าโปร่ง สภาพอากาศเป็นใจ.