สัปดาห์ก่อน ครม.อนุมัติให้ บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ขึ้นค่าบริการไปรษณียภัณฑ์ครั้งแรกในรอบ 18 ปี เป็นการขึ้นราคาเฉพาะค่าส่งจดหมายและเอกสารสำคัญ และ ขึ้นเฉพาะบริการจดหมายในประเทศเท่านั้น แต่ไม่ได้บอกว่าขึ้นไปกี่บาทกี่เปอร์เซ็นต์ จะแพงจนทำให้คนไม่อยากใช้บริการไปรษณีย์ส่งจดหมายหรือเอกสารสำคัญหรือไม่

ผมไม่รู้ว่า ไปรษณีย์ไทย มีรายได้จากส่วนไหนเป็นหลัก จากค่า ส่งจดหมายเอกสาร หรือพัสดุภัณฑ์อย่างอื่น ทำไมจึงต้องขึ้นเฉพาะค่าส่งจดหมายในประเทศ?

ผมไม่มีข้อมูล ทุกวันนี้ยังมีคนไทยเขียนจดหมายส่งทางไปรษณีย์มากน้อยเท่าไหร่ การเขียนจดหมายส่งให้เพื่อนฝูงคนรักคงจะมีน้อย จะส่งกันทางไลน์เป็นหลัก รวดเร็วดี กดปุ๊บถึงปั๊บ ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการไลน์ในประเทศไทยมากกว่า 40 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ รุ่นกลาง และรุ่นเก่าบ้าง แต่คนที่ยังเขียนจดหมายส่งทางไปรษณีย์ ผมคิดว่าคงจะมีน้อย หลักๆน่าจะเป็นคนที่มีพ่อแม่ พี่น้อง เครือญาติอยู่ต่างจังหวัดพื้นที่ห่างไกล ยังจำเป็นต้องใช้จดหมาย การขึ้นค่าส่งจดหมายในประเทศจึงกระทบกับคนเหล่านี้โดยตรง

วันนี้ผมมีเรื่อง การทำมาหากินของไปรษณีย์จีน มาเล่าสู่กันฟัง ผู้บริหารไปรษณีย์จีน เขาคิดอย่างไร เพื่อให้ไปรษณีย์อยู่รอด ท่ามกลางการแข่งขันกับเทคโนโลยีสื่อสารยุคใหม่

วารสาร การเงินธนาคาร ฉบับเมษายน ใน Asia Report ได้เล่าถึง การก้าวข้ามไปสู่ร้านกาแฟของไปรษณีย์จีน จาก China Post ไปสู่ China Post Coffee เพื่อแก้ปัญหารายได้ของบริการไปรษณีย์ ซึ่งได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีการสื่อสารยุคใหม่ แทนที่ไปรษณีย์จีนจะคิดง่ายๆแบบรัฐวิสาหกิจผูกขาด “ขึ้นค่าส่งจดหมาย” เพื่อหารายได้เพิ่ม แต่ผู้บริหารไปรษณีย์จีนกลับคิดข้ามช็อต ด้วยการ เปิดร้านกาแฟในไปรษณีย์เพื่อเพิ่มรายได้ โดยเปิดเป็นทางการแห่งแรกที่ เมืองเซียะเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน จำหน่ายทั้งกาแฟ ชา ของหวาน

...

เหตุผลที่ไปรษณีย์จีนหันมาจับตลาดกาแฟ เพราะปัจจุบันคนจีนนิยมดื่มกาแฟกันมากขึ้น มีร้านกาแฟเปิดใหม่ทุกมุมเมือง ข้อมูลอุตสาหกรรมกาแฟจีน ปี 2563 พบว่า มีมูลค่ากว่า 3 แสนล้านหยวนหรือกว่า 1.59 ล้านล้านบาท คาดว่าตลาดกาแฟจีนจะขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และ จุดแข็งของไปรษณีย์จีน ก็คือ มีที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศกว่า 54,000 แห่ง แค่เพิ่มมุมกาแฟเข้าไป ก็ทำให้ไปรษณีย์จีนสามารถให้บริการได้ทั้งธุรกิจไปรษณีย์และธุรกิจกาแฟ ถือเป็นการเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจ โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นค่าส่งจดหมาย

ข้อมูลจาก ไอไอมีเดีย รีเสิร์ช คาดการณ์ว่า ปี 2568 ตลาดกาแฟในจีนจะมีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านหยวน กว่า 5.3 ล้านล้านบาท ผู้บริโภควัยทำงานในเมืองระดับ 1 ของจีนบริโภคกาแฟเฉลี่ย 326 แก้วต่อปี เท่ากับดื่มเกือบทุกวัน นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า เมือง ระดับ 1-2 ของจีน มีร้านกาแฟในเมืองคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 75 และกำลังขยายไปสู่เมืองระดับ 3-4 คาดว่า ในอนาคตตลาดกาแฟจะค่อยๆ เคลื่อนไปยังเมืองชนบท ทำให้ตลาดกาแฟในจีนยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก

ร้านกาแฟในที่ทำการไปรษณีย์จีนแห่งแรกที่ เมืองเซียะเหมิน มีป้ายติดหน้าที่ทำการว่า ที่ทำการไปรษณีย์ อีกด้านเขียนว่า Post Coffee เพื่อให้เห็นว่า ไปรษณีย์จีนให้บริการไปรษณีย์พร้อมกับการขายกาแฟ เป็นลูกเล่นที่ดึงดูดผู้บริโภคชาวจีนได้เป็นอย่างดี นับตั้งแต่มี ร้านกาแฟ ตั้งอยู่ใน ที่ทำการไปรษณีย์ ทำให้ที่ทำการไปรษณีย์จีนก็กลายเป็นสถานที่ที่ “เน็ตไอดอล” จะต้องไป “เช็กอิน” และถ่ายทำคลิปวิดีโอสั้นๆเผยแพร่ตามสื่อโซเชียลมีเดียดังไปทั่วประเทศ

ผมก็เก็บไอเดียใหม่ๆของ รัฐวิสาหกิจจีน มาเล่าสู่กันฟังเพื่อให้ “ผู้นำไทย” ได้เห็นว่า การคิดแบบโลกเสรี กับการคิดแบบรัฐข้าราชการ ต่างกันลิบลับ รัฐวิสาหกิจผูกขาด ไม่จำเป็นต้อง ขึ้นราคาเพื่อหารายได้แบบง่ายๆเสมอไป ถ้าใช้หัวคิดสักหน่อยแบบผู้บริหารไปรษณีย์จีน มีรัฐวิสาหกิจไทยอีกมากที่สามารถลดค่าบริการให้ถูกลงแต่มีกำไรมากขึ้น วินวินวินด้วยกันทุกฝ่าย ไม่ใช่คิดขึ้นราคาอย่างเดียว.

“ลม เปลี่ยนทิศ”