สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสงครามยูเครน-รัสเซีย ในภูมิภาคยุโรปตะวันออก เมื่อวันที่ 11 เม.ย. อ้างข้อมูลของชาติตะวันตกและสื่อท้องถิ่นรัสเซียระบุว่ากองทัพรัสเซียยังคงบีบคั้นเมืองยุทธศาสตร์มาริอูโปลทางภาคใต้ผลักดันให้หน่วยรบยูเครนตั้งมั่นอยู่ในพื้นที่ท่าเรือทางตะวันตกเฉียงใต้ และย่านอุตสาหกรรมถลุงเหล็กอาซอฟสตาล ทางตะวันออกของตัวเมือง ซึ่งเป็นสองที่มั่นสุดท้าย โดยมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าหน่วยรบยูเครนเข้ายึดเรือสินค้าต่างชาติ 2 ลำ พยายามใช้เรือหลบหนีออกจากตัวเมือง แต่ถูกกองทัพเรือเข้าสกัดในทะเลอาซอฟ

ขณะที่ภาพถ่ายดาวเทียมเอกชนมาซาร์ของสหรัฐฯ ตรวจจับความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมว่า รัสเซียส่งกำลังพลเสริมเข้าไปในพื้นที่เมืองอิซยูม แนวรบตอนเหนือของจังหวัดโดเนตสก์ ทางตะวันออกของยูเครน ประกอบด้วยยานพาหนะกว่า 100 คัน รวมถึงปืนใหญ่ลากจูง ทำให้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นว่า รัสเซียอาจเปิดฉากการรุกใหญ่จากจุดนี้ ซึ่งกลาโหมยูเครนอ้างด้วยว่า กองทัพรัสเซียกำลังเคลื่อนไหวอย่างคึกคักในพื้นที่จังหวัดเบลโกรอดของรัสเซียติดกับพรมแดนยูเครนใกล้เมืองคาร์คิฟ เป็นไปได้ว่าหน่วยรบเหล่านี้จะมุ่งหน้าสู่เมืองอิซยูม ส่วนในพื้นที่เมืองอิซยูมเองตรวจพบว่าหน่วยรบรัสเซียกำลังซ่อมสะพานต่างๆที่ถูกระเบิดทิ้ง

ด้านสถานีวิทยุเรดิโอ สโวโบดาของรัสเซีย รายงานอ้างเอกสารของกระทรวงกลาโหมรัสเซียด้วยว่า กองทัพรัสเซียมีคำสั่งใช้มาตรการกระตุ้นขวัญกำลังใจหน่วยรบ ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา ด้วยการอัดฉีดเงินจูงใจแก่ทหารในแนวหน้า ใครประสบความสำเร็จในการทำลายเครื่องบินรบของยูเครนจะได้เงินพิเศษ 300,000 รูเบิล หรือราว 122,000 บาท ทำลายเฮลิคอปเตอร์ยูเครน 200,000 รูเบิลหรือกว่า 81,800 บาท ทำลายยานเกราะหรือปืนใหญ่ยูเครน 50,000 รูเบิล หรือกว่า 20,400 บาท ซึ่งนักวิเคราะห์ตะวันตกเชื่อว่าเป็นความพยายามกระตุ้นให้หน่วยรบที่ถอนตัวออกจากแนวรบกรุงเคียฟ ยอมกลับเข้าไปต่อสู้ในยูเครน

...

วันเดียวกัน ธนาคารโลกหรือเวิลด์ แบงก์ ประเมินว่าผลกระทบจากสงครามจะส่งผลให้เศรษฐกิจปี 2565 ของยูเครนหดตัวถึง 45.1 เปอร์เซ็นต์ หลังบริษัทห้างร้านต่างๆในยูเครนกว่าครึ่งต้องปิดตัวการขนส่งทางเรือทางทะเลดำถูกปิดกั้น ซึ่งที่ทำให้ ยอดส่งออกของยูเครนลดลง 50 เปอร์เซ็นต์ การส่งออก ธัญพืชลดลงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของรัสเซีย จะหดตัว 11.2 เปอร์เซ็นต์ จากมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก เช่นเดียวกับภูมิภาคยุโรปตะวันออกที่จีดีพีจะหดตัวกว่า 30 เปอร์เซ็นต์.