เมื่อวันที่ 15 ก.พ.สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์ในเมียนมาหลังกองทัพก่อรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อ 1 ก.พ. โดยระบุว่าผู้นำกองทัพเมียนมาได้ขยายเวลาการควบคุมตัวนางอองซาน ซูจี ที่เคยถูกกำหนดให้หมดวาระในวันที่ 15 ก.พ.เป็นวันที่ 17 ก.พ. และคาดว่านางซูจีน่าจะปรากฏตัวต่อศาลผ่านการประชุมทางวิดีโอในข้อหาครอบครองเครื่องส่งรับวิทยุนำเข้าที่ไม่ได้ลงทะเบียน การคุมตัวที่ยืดเยื้อก็ยิ่งเพิ่มความตึงเครียดระหว่างทหารและผู้ประท้วงตามท้องถนนในเมืองต่างๆทั่วประเทศ
ในนครย่างกุ้งซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดของประเทศ มีจำนวนผู้ประท้วงน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดหลังจากกองทัพนำรถหุ้มเกราะและทหารจำนวนมากออกตรวจตราตามท้องถนน ขณะที่ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐประหารราว 1,000 คนชุมนุมอยู่นอกอาคารธนาคารกลางของเมียนมา ซึ่งเต็มไปด้วยรถหุ้มเกราะ รถบรรทุกปืนฉีดน้ำ และตำรวจปราบจลาจล นอกจากนี้ยังพบเห็นทหารจำนวนมากขึ้นตามท้องถนน ที่เข้ามาช่วยเหลือตำรวจในการดูแลควบคุมฝูงชนรวมถึงสมาชิกของกองทหารราบที่ 77 ซึ่งเป็นกองกำลังเคลื่อนที่ที่รู้จักกันดีในการปฏิบัติการที่แข็งกร้าวต่อกลุ่มก่อการร้าย ชนกลุ่มน้อยและต่อต้านการประท้วงในอดีต ทั้งนี้ไม่ชัดเจนว่าจำนวนผู้ชุมนุมที่น้อยลงเป็นเพราะถูกข่มขู่โดยทหารหรือความเหนื่อยล้าที่เกิดขึ้นหลังจากการเดินขบวนติดต่อกัน 12 วัน
ด้านกองทัพเมียนมาได้แสดงความชอบธรรมในการทำรัฐประหารโดยอ้างถึงอนุมาตราในรัฐธรรมนูญปี 2551 ที่ระบุว่าในกรณีที่มีเหตุฉุกเฉินระดับชาติ อำนาจบริหารนิติบัญญัติและตุลาการของรัฐบาลสามารถมอบให้กับผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้ ซึ่งเป็นเพียงหนึ่งในหลายส่วนของกฎบัตรที่รับรองว่ากองทัพสามารถรักษาการควบคุมสูงสุดของประเทศที่ปกครองเป็นเวลา 50 ปี หลังจากการรัฐประหารในปี 2505 กองทัพได้รับอนุญาตให้แต่งตั้งสมาชิกในรัฐสภาได้ 25% และยังควบคุมกระทรวงสำคัญหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและการป้องกันประเทศ
...
ด้านปฏิกิริยาจากนานาชาติยังคงกดดันกองทัพเมียนมาอย่างต่อเนื่อง ทูตจากสหรัฐอเมริกา แคนาดาและ 12 ชาติในยุโรปได้เรียกร้องให้กองกำลังความมั่นคงของเมียนมาละเว้นจากการใช้ความรุนแรงต่อผู้ที่ประท้วงการล้มล้างรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมาย และยังประณามการจับกุมผู้นำทางการเมืองและนักเคลื่อนไหวตลอดจนการแทรกแซงการควบคุมการสื่อสารของกองทัพ โดยระบุว่านานาชาติสนับสนุนชาวเมียนมาในการแสวงหาประชาธิปไตย เสรีภาพ สันติภาพและความมั่งคั่ง พร้อมย้ำว่าโลกกำลังเฝ้าดูอยู่ ทุกการกระทำ.