ปัจจุบันการผลิตพลาสติกในโลกคิดเป็นประมาณ 370 ล้านตันหรือ 370,000 ล้านกิโลกรัมในแต่ละปี ซึ่งคาดการณ์ว่าการผลิตพลาสติกทั่วโลกน่าจะเพิ่มขึ้นอีก 40% ในทศวรรษหน้า

แน่นอนว่าปัญหาที่รู้ๆกันอยู่ก็คือการเพิ่มจำนวนของขยะพลาสติกนำมาซึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อม ก่อให้เกิดมลพิษทั้งบนบกและในมหาสมุทร

พลาสติกส่วนใหญ่นั้นทำจากปิโตรเลียม ถือเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าสู่ชั้นบรรยากาศเมื่อพลาสติกถูกเผา ที่น่าวิตกคือพลาสติกสามารถเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารในรูปแบบของไมโครพลาสติก

จริงอยู่ที่มีความพยายามอย่างมากมายจากหลายภาคส่วนที่จะจัดการกับมลพิษจากขยะพลาสติก แต่หนทางใดจะทำได้อย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก็ยังเป็นความท้าทาย

ในหลายปีมานี้นักวิจัยได้แนะนำให้รู้จักกับ “ไซยาโนแบคทีเรีย” (Cyanobacteria) ที่เรียกว่าสาหร่ายขนาดเล็กหรือสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ถูกยกว่าทรงพลังที่สุดในโลก เพราะสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินนี้มีส่วนในการสร้างชั้นบรรยากาศและชั้นโอโซนเพื่อปกป้องสิ่งมีชีวิตบนโลกรวมถึงมนุษย์จากรังสีอัลตราไวโอเลต หรือรังสียูวี โดยผ่านการสังเคราะห์แสงเมื่อประมาณ 2,300 ล้านปีก่อน

เมื่อเร็วๆนี้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยทือบิงเงนในเยอรมนี เผยว่าไซยาโนแบคทีเรียในสกุล Synechocystis มีคุณสมบัติที่น่าประหลาดใจ เนื่องจากแบคทีเรียชนิดนี้สามารถผลิต “โพลิไฮดรอกซีบิวทิเรต” (polyhydroxybutyrate–PHB) ซึ่งเป็นรูปแบบของพลาสติกชีวภาพ คือผลพลอยได้จากการสังเคราะห์แสง สามารถใช้งานในลักษณะเดียวกับพลาสติก “โพลิโพรพีลีน” (polypropylene) ที่เป็นเม็ดพลาสติกมักนำมาใช้เป็นบรรจุภัณฑ์ต่างๆ แต่โพลิไฮดรอกซีบิวทิเรตสามารถย่อยสลายได้อย่างรวดเร็วในสิ่งแวดล้อมและปราศจากมลพิษ

...

นักวิจัยเผยว่าประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกในการปรับเปลี่ยนการเติบโตของไซยาโนแบคทีเรียให้สามารถผลิตพลาสติกตามธรรมชาติในปริมาณที่ทำให้นำไปใช้ในระดับอุตสาหกรรม พร้อมแข่งขันกับพลาสติกที่ทำจากปิโตรเลียมที่มีผลเสียมากกว่า

หากวิธีการนี้ได้รับการยอมรับ อาจจะปฏิวัติอุตสาหกรรมพลาสติกในอนาคตได้.

ภัค เศารยะ