โสมแดงบี้ "มะกัน" เลิก คว่ำบาตร! ถึงวงแตก กลับทันที

ท่าดีทีเหลว การเจรจาหาแนวทางปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ในการประชุมสุด ยอด ระหว่างสองผู้นำ “ทรัมป์-คิม” ที่เวียดนาม ล่มไม่เป็นท่า หลังสหรัฐอเมริกาไม่ยอมรับเงื่อนไขของเกาหลีเหนือ ที่ขอให้ยกเลิกการคว่ำบาตรทั้งหมด แลกกับการปิดศูนย์ทดลองนิวเคลียร์ โดยการประชุมจบลงก่อนเวลา โดยผู้นำสหรัฐฯบินกลับทันที

สิ้นสุดลงแล้ว สำหรับการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯกับ นายคิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 27-28 ก.พ. ที่โรงแรมโซฟิเทล เลเจนด์ เมโทรโพล กรุงฮานอย เวียดนาม โดยผลการเจรจาล้มเหลวและยุติลงอย่างกะทันหัน หลังจากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถยอมรับเงื่อนไขของกันและกัน สวนกระแสความคาดหวังของสื่อมวลชนทั่วโลกและนักวิเคราะห์ ที่มองว่าการหารือต่อยอดจากการประชุมสุดยอดครั้งแรกที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อเดือน มิ.ย.61 จะได้ผลลัพธ์ที่มากกว่าการยอมรับหลักการ

ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานการประชุม สุดยอดสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือครั้งที่ 2 ในวันประชุมใหญ่ 28 ก.พ. บรรยากาศได้เริ่มต้นอย่างชื่นมื่น นายทรัมป์และนายคิมเดินเคียงข้างมุ่งหน้าสู่ห้องประชุมพร้อมกันผ่านสวนหย่อมของโรงแรม ผลัดกันพูดคุยแบบเป็นกันเองผ่านล่าม ก่อนเปิดการเจรจาแบบทวิภาคีอย่างเป็นทางการ ฝ่ายสหรัฐฯ ประกอบด้วยนายทรัมป์ นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐฯ นายมิค มัลวานีย์ หัวหน้าคณะทำงานทำเนียบขาว และนายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาสายเหยี่ยวทำเนียบขาว ฝ่ายเกาหลีเหนือประกอบด้วยนายคิม จอง อึน นายคิม ยอง โชล หัวหน้าคณะเจรจากับสหรัฐฯและนายรี ยอง โฮ รมว.ต่างประเทศเกาหลีเหนือ

...

จากนั้นที่ประชุมสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ ได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนต่างประเทศเข้าซักถาม นายคิม จอง อึน กล่าวว่า หากไม่พร้อมจะปลดอาวุธนิวเคลียร์ คงไม่เดินทางมาที่นี่ ทำให้นายทรัมป์ร่วมสำทับว่า อาจเป็นคำตอบที่ดีที่สุดที่พวกคุณจะได้ยิน เมื่อถูกถามว่ามั่นใจเพียงใดที่จะบรรลุข้อตกลง นายคิม จอง อึน ตอบว่า ยังเร็วเกินไปที่จะตอบ แต่ตนไม่ใช่คนมองโลกแง่ลบ ความรู้สึกตอนนี้คืออาจได้ผลลัพธ์ที่ดี ส่วนนายทรัมป์กล่าวด้วยว่า หากบรรลุข้อตกลง เกาหลีเหนืออาจกลายเป็นชาติขุมกำลังทางเศรษฐกิจ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นไปได้ เรื่องการเปิดสำนักงานประสานงานของสหรัฐฯในกรุงเปียงยาง เกาหลีเหนือ ที่เสมือนเป็นจุดเริ่มต้นการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ คณะเกาหลีเหนือได้มีท่าทีอึดอัดและพยายามตัดบทผู้สื่อข่าว แต่นายทรัมป์กล่าวขึ้นมาว่า เป็นคำถามที่ดี อยากรู้คำตอบเหมือนกัน นายคิม จอง อึน จึงตอบว่าคิดว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่น่ายินดี นอกจากนี้ นายทรัมป์ยังหยอกล้อผู้สื่อข่าวว่า ถามกันเสียงเบาๆหน่อย นี่คุณไม่ได้ถามผม ทำให้นายคิม จอง อึน กล่าวว่าพวกเขาดูวิตกกังวล ซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า กรณีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่นายคิม จอง อึน ยอมตอบคำถามแบบไม่มีการเตรียมสคริปต์ล่วงหน้า

ต่อมาในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน นางซาราห์ แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐฯ ได้ออกแถลงการณ์ด่วน ระบุว่ากำหนดการรับประทานอาหารร่วมกัน ระหว่างผู้นำสหรัฐฯกับผู้นำเกาหลีเหนือที่จะมีในเย็นวันที่ 28 ก.พ. ถูกยกเลิก และการประชุมได้จบลงในเวลา 14.00 น. เร็วกว่ากำหนดเดิมที่จะเลิกประมาณ 16.00 น. ต่อมานางแซนเดอร์ส เปิดเผยว่า ไม่มีการบรรลุข้อตกลงใดๆ ทว่าคณะเจรจาหวังว่าจะได้นัดจัดประชุมกันอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเวลา 14.00 น. ขบวนรถผู้นำสหรัฐฯและเกาหลีเหนือเดินทางออกจากโรงแรมสถานที่ประชุมในช่วงไล่เลี่ยกัน ก่อนที่นายทรัมป์จะจัดแถลงข่าวที่โรงแรมเจดับเบิลยู แมริออตต์ ที่พักของนายทรัมป์ ระบุว่าสาเหตุที่การประชุมจบกลางคัน เนื่องจากสหรัฐฯไม่พร้อมที่จะรับเงื่อนไขของเกาหลีเหนือ ที่ต้องการให้ยกเลิกการคว่ำบาตรทั้งหมด เพื่อแลกกับการปิดศูนย์ทดลองนิวเคลียร์ยองเบียง ตนกับนายคิมมีความชอบพอกัน แต่บางครั้งก็จำเป็นต้องปฏิเสธ การเจรจาครั้งนี้นายคิมให้สัญญาว่าเกาหลีเหนือจะไม่ทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธ ส่วนเรื่องจัดประชุม สุดยอดครั้งที่ 3 ต่อไป ยังไม่มีการตกลงใดๆต้องรอดูว่าจะเกิดขึ้นหรือไม่

หลังจากนั้นนายทรัมป์ได้ขึ้นเครื่องแอร์ ฟอร์ซ วัน เดินทางกลับสหรัฐฯก่อนกำหนด โดยมีนายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนาม มาส่งที่สนามบิน กรุงฮานอย ส่วนกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือ ออกแถลงการณ์ว่า ผู้นำคิม จอง อึน จะเริ่มกำหนดการเยือนประเทศเวียดนามอย่างเป็นทางการในวันที่ 1-2 มี.ค. แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติม

หลังจากการประชุมจบลงแบบไม่บรรลุข้อตกลงใดๆ สื่อมวลชนเกาหลีใต้ทั้งยอนฮับและไฟแนนซ์เชียล นิวส์ ต่างรายงานแสดงความกังวลว่า สถานการณ์ความมั่นคงคาบสมุทรเกาหลีได้กลับไปเริ่มที่ศูนย์แล้วหรือไม่ และความพยายามทางการทูตเพื่อคลี่คลายการเผชิญหน้ากับนิวเคลียร์เกาหลีเหนือได้มาถึงทางแยกแล้ว เช่นเดียวกับตั้งคำถามว่า จากเหตุการณ์นี้รัฐบาลสหรัฐฯและเกาหลีเหนือจะรักษาโมเมนตัมการเจรจาไว้ได้หรือไม่ ส่วนทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ออกแถลงการณ์ว่า เป็นเรื่องน่าเสียใจที่การเจรจาระหว่างนายทรัมป์และนายคิม จอง อึน ไม่อาจบรรลุข้อตกลงได้ แต่ถือว่าเป็นความคืบหน้าอย่างมีนัยกว่าในอดีตที่ผ่านมา