ผู้ใหญ่ส่งลิงก์ข่าวในไลน์แอทไอดี @ntp5 ที่เล่าถึงการเดินทางของคณะเพื่อนไลน์ที่นำโดยคุณประกอบ พรประสิทธิ์กุล กรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ บมจ. ดิจิตอลเทค แพลนเน็ต และคุณสุธาสินี มาวิโรจน์ ซีอีโอ บจก.ไชน่ามาร์เก็ตทริป ไปดูศูนย์การค้าส่งนานาชาติเมืองอี้อู มณฑลเจ้อเจียงของจีน ระหว่าง 7-11 มีนาคม 2561 และได้รับการต้อนรับจากหน่วยงานของรัฐบาลและผู้ประกอบการจีน รวมทั้งฟังการบรรยายสรุปจากรองอธิบดีการพาณิชย์ของเมืองอี้อู และทราบว่านักธุรกิจไทยที่เดินทางไปในครั้งนั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก
ครั้งต่อไปจะเดินทางกันวันที่ 20-24 เมษายน 2561 ท่านใดสนใจติดต่อได้ที่ไลน์แอทไอดี @MAU1203N หรือ 09-8262-9293 ครั้งนี้จะมีการฟังการบรรยายเส้นทางสายไหมใหม่ (One Belt One Road) และไปดูท่าขนส่งสินค้าเมืองอี้อู พร้อมทั้งร่วมงานจับคู่ธุรกิจการค้า (Business Matching) ระหว่างนักธุรกิจไทยและโรงงานผู้ผลิตของจีน
ตอนนี้ รัฐบาลจีนหันมาสนใจสิทธิในทรัพย์สินเป็นอย่างมาก นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ออกมาแถลงข่าวเองว่า การลงทุนภาคเอกชนของจีนยังอ่อนแอเพราะปัญหาการปกป้องสิทธิในทรัพย์สิน ต่อไปนี้ รัฐบาลจีนจะสร้างหลักประกันให้กับประชาชนว่าผู้ถือครองทรัพย์สินจะต้องได้รับความคุ้มครองด้านกรรมสิทธิ์อย่างเป็นธรรม
แม้ว่าจะเป็นรัฐบาลคอมมิวนิสต์ แต่รัฐบาลจีนสนใจระบบตลาดมาก สุดท้ายก็ไปตกผลึกตรงที่ว่า ถ้าประชาชนได้รับการปกป้องสิทธิในทรัพย์สินก็จะทำให้ธุรกิจภาคเอกชนบูม รายได้จากการจัดเก็บภาษีของรัฐบาลมากกว่าครึ่งมาจากธุรกิจภาคเอกชน และนำไปสู่การจ้างงานใหม่ในเขตพื้นที่เมืองของจีนถึงมากกว่าร้อยละ 90
หลายประเทศ แม้จะเป็นระบบตลาดมานานแล้ว แต่ดันมีรัฐบาลเกเร นึกอยากจะยึดที่ดินใครก็ยึด นึกอยากจะเลิกสัญญาใครก็ทำ โดยเฉพาะประเทศในอเมริกาใต้และอเมริกากลาง ทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะปกป้องสิทธิในทรัพย์สินของพวกตนได้ เมื่อไม่มีความเชื่อมั่นก็รู้สึกไม่มั่นคง จึงต้องรีบฉวยโอกาสในช่วงเวลาอันสั้น ทำให้กิจการส่วนใหญ่ขาดเสถียรภาพ ทำกันแต่วงจรธุรกิจสั้นๆ ไม่มีใครสนใจในด้านการวิจัยและพัฒนา
...
ถ้าผู้อ่านท่านตามแถลงการณ์ของคณะผู้นำจีน ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา จะพบว่าเป็นแถลงการณ์ที่ตกผลึก จับต้องได้ ไม่เพ้อฝัน เราต้องยอมรับว่าผู้บริหารประเทศและผู้คนในพรรคการเมืองของจีนผ่านงานมาอย่างไม่มีการข้ามขั้นตอน ผู้ใหญ่ให้โอกาสเด็ก ผมดูรูปนายหม่า หงเทียน (Hongtian Ma) รองอธิบดีการพาณิชย์เมืองอี้อูที่มาบรรยายสรุปให้คณะเพื่อนไลน์แอทไอดี @ntp5 อายุนายหม่าน่าจะไม่เกิน 35 ปี
เพื่อนไลน์ท่านหนึ่งเล่าว่า “เมื่อแรกที่ได้รับคำเชิญไปทานข้าวกับนายกสมาคมโลจิสติกส์เมืองอี้อู พวกผมก็นึกว่าท่านนายกฯต้องอายุ 50 ปีขึ้น แต่เมื่อไปถึงก็ต้องตกใจเพราะท่านหนุ่มมาก อายุเพียง 40 ปี ทว่าเป็นเจ้าของบริษัทที่บริหารตลาดใหญ่ในกรุงบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน ที่มีปริมาณขนส่งสินค้าหลายหมื่นตู้คอนเทนเนอร์ต่อปี ได้คุยกับผู้บริหารภาครัฐและเอกชนอีกหลายท่านจึงรู้ว่าจีนให้โอกาสคนหนุ่มสาวมากจริงๆครับ”
คนในครอบครัวของผม นายนิธินาคิน์ มิ่งรุจิราลัย ซึ่งตอนนี้ไปเปิดร้านอาหารไทยที่เมืองหลินกุ้ย เล่าว่า เจ้าของธุรกิจจีนสมัยนี้มีแต่คนหนุ่มสาว เพราะรัฐบาลจีนส่งเสริมให้คนหนุ่มสาวเข้าถึงแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำได้ง่าย ที่คู่ขนานไปกับธุรกิจออฟไลน์ ก็คือ ธุรกิจออนไลน์ที่มีนวัตกรรม อย่างร้านอาหารไทยในเมืองจีน บางแห่งขายหน้าร้านเพียงร้อยละ 10 แต่อีกร้อยละ 90 ขายทางออนไลน์ ตัวอย่างก็คือร้านของนายนิธินาคิน์ ขายเซตเส้นหมี่ต้มยำกุ้ง ที่มีนวัตกรรมการอุ่นโดยไม่ต้องใช้ไมโครเวฟหรือเตา ทำให้ทานได้ง่าย ขายผ่านทางวีแชทและเว็บไซต์
จีนเป็นผู้ส่งออกสินค้าอันดับ 1 ของโลกมาตั้งแต่ พ.ศ.2552 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่อีคอมเมิร์ซเริ่มมีบทบาทในจีน และอีคอมเมิร์ซได้ช่วยให้ภาคการส่งออกของจีนเติบโตมากขึ้น การค้าข้ามพรมแดนผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซขยายตัวโดยเฉลี่ยร้อยละ 33 ระหว่าง พ.ศ.2553-2559
นาทีนี้ ถ้าใครไม่อยากตกขบวนรถไฟการค้าโลก ต้องมุ่งไปที่จีนครับ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com