คลิปวีดิโอของอะราเบลลา คุชเนอร์ หลานสาวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ร้องเพลงจีน ถูกเปิดโชว์ในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่จีนจัดต้อนรับเพื่อเป็นเกียรติกับนายทรัมป์ที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง.

7 วันรอบโลกสุดสัปดาห์นี้ ขอตามเกาะติดภารกิจการเยือนเอเชียนาน 12 วัน รวม 5 ประเทศ ประกอบด้วยญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน เวียดนาม และฟิลิปปินส์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ

ผลการเยือนแต่ละประเทศเป็นอย่างไรบ้าง น่าจะพอรับรู้กันดีจากสื่อทั่วไปอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องข้อตกลงการค้าแบบทวิภาคีและความมั่นคงในภูมิภาค

แต่มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับเมนูอาหารที่ประเทศเจ้าภาพเอเชีย 3 ชาติแรก จัดโต๊ะต้อนรับนายทรัมป์และคณะไว้ได้น่าสนใจอย่างยิ่ง สำนักข่าวบีบีซีร้อยเรียงรวบรวมไว้ดังนี้

เริ่มจากญี่ปุ่น นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะแห่งแดนปลาดิบ ไม่ตั้งท่าเยอะหรือลีลาอะไรมากที่จะผูกมิตรเป็นเพื่อนสนิทกับนายทรัมป์ ดูจากร่วมโต๊ะอาหารกลางวันหลังออกรอบตีกอล์ฟกันมา ด้วยเมนูแฮมเบอร์เกอร์อเมริกันที่ใช้เนื้อนำเข้าจากสหรัฐฯเช่นเดียวกับซอสมะเขือเทศและมัสตาร์ด ยี่ห้อ “ไฮนซ์”

โดยนายอาเบะยังทวีตข้อความต้อนรับบนทวิตเตอร์ด้วยว่า “ยินดีต้อนรับด้วยใจ ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ครับ กำลังจะเริ่มหารือบิสซิเนส ลันช์กันด้วยแฮมเบอร์เกอร์” (ขอบคุณข้อมูลจากเพื่อนรุ่นพี่ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่อนุเคราะห์แปลข้อความทวิตเตอร์ของนายกฯอาเบะ...มา ณ โอกาสนี้ด้วย)

แต่ทรัมป์ก็ได้ลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นแท้ๆในช่วงงานเลี้ยงอาหารค่ำ เมื่อญี่ปุ่นเสิร์ฟสเต็กสไตล์ญี่ปุ่นกับไข่ตุ๋นเห็ดมัตสึทาเกะ รวมทั้งไก่ทอดเทอริยากิที่ร้านอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ปูพื้นด้วยเสื่อญี่ปุ่น “ทาทามิ”

...

นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่นให้การต้อนรับนายทรัมป์ระหว่างแวะเยือนญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกของภารกิจเยือนเอเชีย 5 ประเทศซึ่งจะสิ้นสุดที่ฟิลิปปินส์ช่วงสุดสัปดาห์นี้.
นายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่นให้การต้อนรับนายทรัมป์ระหว่างแวะเยือนญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกของภารกิจเยือนเอเชีย 5 ประเทศซึ่งจะสิ้นสุดที่ฟิลิปปินส์ช่วงสุดสัปดาห์นี้.

เมนูอาหารมาเกี่ยวกับการเมืองระหว่างประเทศ เมื่อรัฐบาลเกาหลีใต้ใช้กุ้งที่จับที่น่านน้ำพิพาทใกล้เกาะ ซึ่งเกาหลีใต้เรียกว่า “ด๊อกโด” และญี่ปุ่นเรียกว่า “ทาเกชิมะ” ในทะเลญี่ปุ่นมาปรุงอาหารเสิร์ฟทรัมป์ ซึ่งทำให้ฝ่ายญี่ปุ่นแอบเคืองอยู่หน่อยๆว่าไม่ควรทำ ในช่วงที่ทั้งสองประเทศควรร่วมมือกันรับมือวิกฤติเกาหลีเหนือ แถมยังเชิญอดีตทาสบำเรอกามช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นแขกงานเลี้ยงอาหารค่ำด้วย ซึ่งนายทรัมป์ได้สวมกอดต้อนรับอย่างอบอุ่น

แม้จะกระทบการเมืองระหว่างประเทศ แต่กลับส่งผลดีต่อชาวประมงคนที่จับกุ้งบริเวณน่านน้ำพิพาทดังกล่าว มีคนแห่สั่งกุ้งเพิ่มขึ้นเกือบ 100 คนหรือออเดอร์จากเดิมมีแค่ 10-20 ราย และนั่นหมายความว่าลูกค้าที่สั่งต้องรอ 15 วัน ถึงจะได้กินกุ้ง

ไฮไลต์สำคัญอีกอย่าง คือเกาหลีใต้นำซอสถั่วเหลืองหรือซีอิ๊ว อายุ 360 ปี หรือเก่าแก่ กว่าอายุก่อตั้งประเทศสหรัฐอเมริกาเสียอีก และอาจบอกเป็นนัยว่า เกาหลีใต้มีประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมประเพณีที่ยาวนานกว่าสหรัฐฯ ระหว่างอยู่ที่เกาหลีใต้ นายทรัมป์ยังเลือกกินอาหารเที่ยงด้วยเมนูเม็กซิกันแป้งห่อไส้ ทาโค เบอร์ริโตและมันฝรั่งทอดกรอบ เคอร์ลี ฟรายส์ ร่วมกับทหารอเมริกันกับเกาหลีใต้ที่ฐานทัพแคมป์ ฮัมฟรีย์สอย่างชื่นมื่น

ส่วนจีนแม้จะจัดต้อนรับอย่างเอิกเกริกจนนายทรัมป์ชมไม่ขาดปากว่าสุดแสนประทับใจและลืมไม่ลง เลือกเมนูอาหารจีนสุดคลาสสิกที่คนอเมริกันคุ้นเคยดีนั่นคือไก่ผัดถั่วและอีกเมนูคือปลาผัดน้ำมันพริก (น้ำมันพืชผสมพริก) โดยต่างใช้พริกที่มีต้นกำเนิดมาจากมณฑลเสฉวน

การเสิร์ฟเมนูทั้งสองทำให้พลเมืองชาวเน็ตแดนมังกรคิดลึกไปกระทั่งว่า อาจหมายถึงคำว่าฉวนผู่ (chuanpu) ซึ่งเป็น 1 ในชื่อเล่นของทรัมป์ที่เขียนด้วยอักษรจีนตัวเดียวกับมณฑลเสฉวน เมืองแห่งแพนด้ายักษ์และอาหารรสเผ็ด และยังเป็นที่มาของทฤษฎีสมคบคิดที่ว่าทรัมป์เกิดที่มณฑลเสฉวนเมื่อปี พ.ศ.2489 เมื่อพ่อของทรัมป์เข้ามาตั้งธุรกิจในจีนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งไม่มีมูลความจริงทั้งเพ

แต่ชาวเน็ตเมืองจีนก็มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการเสิร์ฟอาหาร 2 เมนูนี้เลี้ยงต้อนรับผู้นำสหรัฐฯ ฝ่ายแรกมองว่าเป็นการแนะนำให้รู้จักอาหารจีนแท้ๆ แต่อีกฝ่ายมองว่ามันธรรมดาเกินไป

การเยือนจีนอย่างเป็นทางการครั้งแรกของทรัมป์ ยังมีกาวใจเชื่อมสัมพันธ์ที่สำคัญ เมื่อทรัมป์นำเอาคลิปวีดิโอของหลานสาว อะราเบลลา คุชเนอร์ ลูกสาวของอิวานกา ลูกสาวคนโตของทรัมป์กับลูกเขย จาเร็ด คุชเนอร์ มาเปิดโชว์ หลานสาวทั้งพูดทั้งร้องเพลงจีนชัดถ้อยชัดคำจนได้ใจคนจีนทั้งประเทศ

...

แม้แต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ยังให้คะแนนการใช้ภาษาจีนกลางของอะราเบลลาถึงขั้น “เอบวก” (A+) กันเลยทีเดียว.

เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์