“นายเอก” คนรถ “บอสพอล” ดอดนำโทรศัพท์มือถือของลูกพี่ส่งให้ตำรวจ คณะพนักงานสอบสวนรีบส่งให้ บก.ปอท.ตรวจข้อมูลในเครื่อง เชื่อมีคลิปเสียง “เทวดา” รีดทรัพย์หลักฐานสำคัญอยู่ “รองเต่า” เตรียมลับมีดรอ เรียกตำรวจ บก.ปปป.ประชุมนอกรอบ ส่วนคณะทำงาน บก.ปคบ.เตรียมพิจารณาแจ้งข้อหา 18 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเพิ่มเติม เล็งข้อหาฟอกเงินเป็นหลัก เตรียมส่งพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มเติมถึงในคุก หลังจากนั้นจะประสานดีเอสไอว่าจะโอนคดีไปทำหรือไม่ เหยื่อต่างชาติรายแรกชาวมาเก๊าเข้าแจ้งความแล้ว โดนไป 2.5 แสนบาท โอดเห็นสินค้าไทยดีอยากลองเอาไปขาย กลับได้สินค้าไม่ครบ แถมให้หาสมาชิกเพิ่ม “กัน จอมพลัง” พาตัวแทนผู้เสียหายกว่า 200 คน ร้องสภาทนายความ ช่วยฟ้องแพ่งกับ 18 ผู้ต้องหาคดีดิ ไอคอน กรุ๊ป เจอ “พระมหาอุดร บุญชูหล้า” ที่ถูกออกแฉว่ารับโอนเงินทำบุญจากบอสพอลแล้ว แจงรู้จักกันมาเป็น 10 ปีตั้งแต่ยังจนอยู่ รับโอนเงินทำบุญเข้าบัญชีส่วนตัวจริงหลายครั้ง ประมาณ 3-4 ล้านเท่านั้น แต่เงินทั้งหมดนำไปทำนุบำรุงวัดสว่างน้ำใส จ.ขอนแก่น บ้านเกิด สร้างสิ่งปลูกสร้างหลายอย่าง เจ้าอาวาสยืนยันทำบุญสิ่งก่อสร้างในวัดจริง “ด้านพระพยอม” เผยกรณีความขัดแย้งระหว่างพระ ว.วชิรเมธี กับหนุ่ม-กรรชัย เตือนกองเชียร์ขอให้นึกถึงพระพุทธศาสนาเป็นหลัก
กรณีผู้เสียหายแห่แจ้งความร้องทุกข์ตำรวจ บช.ก.ดำเนินคดีผู้บริหารบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด (THE iCON GROUP Co., Ltd.) ดำเนินธุรกิจขายตรงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ กล่าวหาหลอกให้ลงทุนและหาลูกข่ายมาเป็นสมาชิก โดยไม่ได้ขายสินค้าจริง สร้างความน่าเชื่อถือด้วยการนำดารานักแสดงชื่อดังมาร่วมโปรโมต หลังคณะพนักงานสอบสวนเดินเครื่องสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา 18 คน ตั้งแต่นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล เจ้าของบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด นายยุรนันท์ หรือบอสแซม ภมรมนตรี และ น.ส.พีชญา หรือบอสมิน วัฒนามนตรี และนายกันต์ หรือบอสกันต์ กันตถาวร รวมถึงลูกข่ายและผู้เกี่ยวข้อง ส่งฝากขังศาลเข้าเรือนจำไปหมดแล้ว ข้อหาฉ้อโกงประชาชน และข้อหาหลอกลวงหรือทุจริตโดยการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ อยู่ระหว่างสอบสวนขยายผลเพื่อหาผู้เกี่ยวข้อง และแจ้งข้อหาอื่นเพิ่มเติมตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
...
ผลตรวจคลิปรีดทรัพย์ยังไม่ออก
ความคืบหน้าจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวน กลาง (บช.ก.) เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 ต.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เผยผลการตรวจสอบคลิปเสียงนักร้องเรียนและนักการเมืองชื่อดังเรียกรับเงินจากนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ “บอสพอล ดิ ไอคอน กรุ๊ป” หลังบอสพอล อ้างว่า บันทึกคลิปเสียงไว้เป็นหลักฐานจำนวนหลายคลิปว่า เบื้องต้นสั่งการให้ พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ประสานข้อมูลร่วมกับตำรวจ บก.ปอท. ตรวจสอบไฟล์ต่างๆในโทรศัพท์มือถือของนายวรัตน์พล ที่ยึดไว้ ทราบว่าขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ
ประชุมตามความคืบหน้า 21 ต.ค.
ถามว่าจะเชิญตัวนักการเมืองดัง หรือบุคคลที่ถูกพาดพิงมาให้ปากคำเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับกรณีนี้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติตอบว่า ในส่วนนี้คงต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทราบพยานหลักฐานต่างๆให้แน่ชัดก่อนว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย วันที่ 21 ต.ค.67 ตนและทีมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.จะประชุมย่อยนอกรอบ เพื่อหารือแนวทางการทำงาน
คนขับรถบอสพอลมอบมือถือ
ผู้สื่อข่าวรายงานกรณีการติดตามตัวนายเอกคนขับรถส่วนตัวของนายวรัตน์พล หรือบอสพอล เพื่อตามหาโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของบอสพอลอีกเครื่องมาตรวจสอบ ล่าสุดมีรายงานแจ้งว่า ช่วงเย็นวาน (19 ต.ค.) นายเอก (ไม่ขอเปิดเผยชื่อนามสกุลจริง) ประสานเข้ามาหาเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดี เพื่อส่งมอบโทรศัพท์มือถืออีกเครื่องของนายวรัตน์พล หรือบอสพอลให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังส่งมอบโทรศัพท์มือถือ นายเอกยืนยันว่า ไม่มีเจตนานำโทรศัพท์ ของบอสพอลไปซุกซ่อน เพียงแต่ตั้งใจจะนำไปให้เลขาส่วนตัวของบอสพอลดูแลรักษาไว้ เมื่อทราบว่าเจ้าหน้าที่ต้องการตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน จึงรีบนำมาส่งมอบให้ทันที
รีบตรวจข้อมูลเชื่อมีคลิปลับ
สำหรับโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งข้อสันนิษฐานว่า ข้อมูลภายในเครื่องน่าจะมีไฟล์คลิปเสียงที่นายวรัตน์พล หรือบอสพอล แอบบันทึกเสียงเก็บไว้ขณะสนทนากับบรรดานักร้องเรียน และนักการเมืองดังต่างๆที่พยายามเข้ามาเจรจาเรียกรับเงินค่าดูแล ตามคำกล่าวอ้างของเจ้าตัวที่เคยให้ปากคำไว้ เพราะเจ้าตัวเคยให้การยอมรับว่า มีโทรศัพท์ มือถือ 2 เครื่อง เครื่องหลักถูกตรวจยึดไปก่อนหน้านี้ ใช้ติดต่อทั่วไป ส่วนอีกเครื่องที่นายเอกคนขับรถเก็บรักษาไว้ ใช้สำหรับบันทึกข้อมูลหรือกิจกรรมต่างๆ รวมถึงใช้เป็นเครื่องอัดเสียงเวลาถูกกลุ่มคนเหล่านี้โทร.เข้ามาข่มขู่เรียกเงิน หากตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่องแล้วพบว่ามีไฟล์คลิปเสียงดังกล่าวอยู่ในเครื่องจริง จะถือว่าเป็นกุญแจดอกสำคัญในการคลี่ปมเกี่ยวกับคลิปเสียงลับต่างๆว่ามีบุคคลใดบ้างเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง
บก.ปอท.รับมือถือไปตรวจ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเจ้าหน้าที่ได้รับมอบโทรศัพท์มือถือของนายวรัตน์พลจากนายเอก คนขับรถส่วนตัวแล้ว รีบนำส่งต่อไปยังตำรวจ บก.ปอท. เพื่อตรวจวิเคราะห์ข้อมูลในเครื่องทันที แต่อาจต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากไม่มีใครรู้รหัสพาสเวิร์ดเปิดใช้เครื่อง ทำให้ตอนนี้ตำรวจ บก.ปอท.ยังไม่สามารถ เปิดโทรศัพท์ตรวจสอบข้อมูลได้
เร่งพิจารณาแจ้งข้อหาฟอกเงิน
มีรายงานข่าวแจ้งว่า หลังจาก พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.มีคำสั่งให้ บก.ปอศ.เข้ามาร่วมสืบสวนสอบสวนคดีนี้ ล่าสุด พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก.หารือร่วมกับ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. เกี่ยวกับการแจ้งข้อหากับบรรดาบอสทั้ง 18 คนเพิ่มเติม หลังจากร่วมกันพิจารณาฐานความผิด ที่จะแจ้งข้อกล่าวหาอื่นอีก มีความเห็นร่วมกันว่า มีข้อหาร่วมกันกระทำผิดฐานฟอกเงินเป็นหลัก นอกจากนี้ อาจมีข้อหาอื่นประกอบ เช่น ความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงิน รวมไปถึงข้อหาย่อยอย่างอั้งยี่และซ่องโจร เนื่องจากกลุ่มผู้ต้องหามีพฤติกรรม เป็นขบวนการลักษณะขององค์กรอาชญากรรมด้วย
...
ส่งทีมแจ้งข้อหาในเรือนจำ
ส่วนการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม ทีมสอบสวนจะมอบให้พนักงานสอบสวนจากคณะทำงานคดีดิ ไอคอน เข้าไปแจ้งข้อหากับผู้ต้องหาทั้งหมดในเรือนจำ คาดว่า จะสรุปข้อหาทั้งหมดที่จะแจ้งเพิ่มเติมได้ภายในสัปดาห์นี้ ชุดพนักงานสอบสวนจะประสานกับทีมสืบสวนที่มีตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เป็นตัวหลัก ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินและสถานะทรัพย์สินของผู้ต้องหาแต่ละราย เพื่อให้ได้หลักฐานโยงไปสู่การกระทำความผิดฐานฟอกเงิน
เจรจาดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า หลังจากแจ้งข้อหาฐานฟอกเงินแล้ว คณะพนักงานสอบสวน บช.ก.จะต้องหารือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอว่า จะรับสำนวนคดีดิ ไอคอน กรุ๊ปไปดำเนินคดีต่อตามขั้นตอนของกฎหมายเลยหรือไม่ เนื่องจากเข้าหลักเกณฑ์ เป็นคดีพิเศษแล้ว ขณะนี้คาดว่าดีเอสไอกำลังพิจารณาอยู่เช่นกัน
หมายจับลอต 2 ต้องรอ
ส่วนการขยายผลไปสู่การจับกุมผู้ต้องหากลุ่มที่ 2 นั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมหลักฐาน ให้ชุดสืบสวนแกะรอย แต่ยืนยันว่าต้องมีการออกหมายเรียก หรือหมายจับผู้ต้องหากลุ่มต่อไปอย่างแน่นอน เบื้องต้นมีบุคคลเป้าหมาย อาทิ กลุ่มแม่ข่ายต่างๆ รวมไปถึงกลุ่มพนักงานของบริษัทบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการลงนามในเอกสารที่มีผลทางกฎหมาย แต่คงใช้เวลาตรวจสอบหลักฐานอีกระยะ
เหยื่อชาวมาเก๊าแจ้งความ
ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่อาคารกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายอิทธิเดช ธเนศวัฒนะ ตัวแทนผู้เสียหายชาวต่างชาติพานายเค (สงวนนามสกุล) อายุ 70 ปี ผู้เสียหายชาวมาเก๊า เข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. กรณีร่วมลงทุนกับบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป นายอิทธิเดชเผยว่า ผู้เสียหายรายนี้คือผู้ได้รับผลกระทบจากการร่วมลงทุนกับกลุ่มธุรกิจดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด ลงทุนเปิดบิลดีลเลอร์ไป 2 บิล เป็นเงินทั้งหมดประมาณ 250,000 บาท ตัดสินใจร่วมลงทุนเพราะได้รับการชักชวนจากผู้เสียหายชาวไทย ที่อาศัยอยู่ในฮ่องกง เชิญชวนว่าธุรกิจนี้ได้กำไร หลังตัดสินใจร่วมลงทุนมีโอกาสเดินทางมาอบรมการขายออนไลน์ที่ส่วนกลางในประเทศไทยช่วงปลายปี 2566 มีโอกาสได้เจอกับนายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือบอสพอล และบอสดาราอีกหลายคนซึ่งผู้เสียหายรู้จักอยู่บ้างผ่านทางโทรทัศน์
...
ได้สินค้าไม่ครบอ้างขาดตลาด
“ผู้เสียหายรายนี้บอกว่า หลังจากลงทุนเปิดบิลกับดิ ไอคอน กรุ๊ป แล้ว ได้สินค้าไม่ครบ อาทิ กาแฟที่ปกติแล้วจะได้ประมาณ 100 ซองกลับได้เพียง 20 ซอง ทักท้วงไปกับแม่ข่ายที่ดูแลผู้ลงทุนในทวีปเอเชียกลับได้คำตอบว่า สินค้าขาดตลาด จนมาพบข่าวที่ปรากฏขึ้น รู้สึกตกใจ ประสานกับเพื่อนคนไทยในฮ่องกงเพื่อเดินทางจากมาเก๊ามาแจ้งความที่ประเทศไทยในวันนี้” นายอิทธิเดชกล่าว
หว่านล้อมให้หาเครือข่ายด้วย
นายอิทธิเดชกล่าวด้วยว่า ขณะที่ผู้เสียหายตัดสินใจลงทุนกับธุรกิจดิ ไอคอน กรุ๊ป มีคนพยายามพูดหว่านล้อมให้หาสมาชิกเพิ่ม แต่ตัวผู้เสียหายเน้นขายสินค้าเพราะเป็นชาวต่างชาติ ทั้งฮ่องกงและมาเก๊ารวมถึงประเทศในแถบเอเชียต้องการจะลองสินค้าของประเทศไทย วันที่ 23 ต.ค.ตนเตรียมประสานพาผู้เสียหายจากต่างประเทศทยอยเข้ามาแจ้งความเพิ่มอีก มีทั้งผู้เสียหายชาวไทยและชาวต่างชาติ
“บิ๊กต่าย” คัดทีมสอบสวนช่วยคดี
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.กล่าวว่า การดำเนินคดีดิ ไอคอน บริษัทขายตรงที่มีดารานักแสดงและบุคคลที่มีชื่อเสียงร่วมโฆษณาขายสินค้า มีผู้เสียหายเชื่อว่าถูกหลอกจำนวนมาก เพื่อให้การดําเนินคดีรวดเร็วทันต่อเหตุการณ์และเป็นไปตามกฎหมาย กำหนดแนวทางปฏิบัติกรณีที่พบว่า เป็นการกระทำความผิดลักษณะฉ้อโกงประชาชนผ่านสื่อสังคมออนไลน์ และเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนโดยเร็วที่สุดมอบหมาย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นผู้ควบคุมสั่งการบริหารเหตุการณ์สืบสวนสอบสวนเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนผู้ได้รับความเสียหาย หรืออาจได้รับความเสียหาย สามารถแจ้งความ ร้องทุกข์หรือให้ปากคำเจ้าหน้าที่ตำรวจสะดวกรวดเร็ว และทันต่อเหตุการณ์ ให้คัดเลือกพนักงานสอบสวนที่มีความรู้ความชํานาญและประสบการณ์เข้าร่วมเป็นคณะทํางานสืบสวนสอบสวนเพื่อดําเนินคดี
...
สั่ง สยศ.ตร.เก็บข้อมูลคดี
“ทางคดีให้ บช.สอท.และ บก.ปคบ.กําหนดประเด็นการสอบสวน เพื่อให้พนักงานสอบสวนที่รับแจ้งความสอบสวนได้ตรงตามประเด็นและองค์ประกอบแห่งการกระทำผิด เร่งรัดการสืบสวนสอบสวนคดีที่อยู่ในความรับผิดชอบให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ดําเนินคดีให้ครบถ้วนทุกข้อหากับผู้กระทำความผิด หรือผู้ที่ เกี่ยวข้องทุกราย ให้ บช.น. บช.ภ. 1-9 สั่งการพนักงาน สอบสวนในสังกัดให้สนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการสืบสวนสอบสวนแก่คณะทํางาน ให้สำนักงานยุทธศาสตร์ ตำรวจ (สยศ.ตร.) รวบรวมสถิติข้อมูลเกี่ยวกับคดีในประเด็นสําคัญ เช่น จํานวนผู้ต้องหา ผู้เสียหาย มูลค่าความเสียหาย ของกลางทางคดี หรือทรัพย์สินที่ยึดอายัดไว้ตรวจสอบ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน มาวิเคราะห์และกำหนดมาตรการหรือแนวทางป้องกัน ให้ บช.กมค. รวบรวมข้อกล่าวหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ครบถ้วนเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติให้ บช.สอท. บช.ก.และคณะทํางาน ศปก.ตร.” ผบ.ตร.กล่าว
ร้องสภาทนายช่วยฟ้องแพ่ง
ที่สภาทนายความ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง นำผู้เสียหายคดีดิ ไอคอน กรุ๊ปกว่า 200 คนเข้าพบนายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ขอความช่วยเหลือฟ้องผู้บริหาร ดิ ไอคอน 18 คน แต่เนื่องจากนายวิเชียรเดินทางไปประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มอบหมายให้นายสุนทรพยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความรับเรื่องไว้สอบ นายกัน จอมพลัง และผู้เสียหายแจ้งความประสงค์ว่า ผู้เสียหายทั้งหมดเป็นตัวแทนผู้ถูกหลอกลวงจากโครงการดิ ไอคอน ขอให้ดำเนินคดีแพ่งฐานละเมิดเรียกค่าสินไหมทดแทน โดยดำเนินคดีแพ่งแบบกลุ่ม แต่เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก สภาทนายความจึงรับเรื่องไว้ตอบข้อเท็จจริง เมื่อสอบเรียบร้อยแล้ว สภาทนายความเห็นว่ามีผู้เสียหายจำนวนมาก ประกอบกับคดีนี้อายุความ ยังไม่ขาด ตาม ปพพ.มาตรา 448 อายุความ 1 ปี ให้ผู้เสียหายในต่างจังหวัดร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมายจากประธานสภาทนายความจังหวัด เพื่อให้ข้อมูลพยานหลักฐานต่อไป
นายกสภาทนายรับปากช่วย
นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง กล่าวว่า คดีนี้มีผู้เสียหายจำนวนมาก แต่ในส่วนของตนมีประมาณ 200 กว่าคน บางคนอยู่ไกล แนะนำให้ไปแจ้งความคดีอาญาที่โรงพักใกล้บ้านก่อน ส่วนคดีแพ่งจะมาปรึกษากับสภาทนายความ ด้านนายวิเชียร เผยผ่านทางโทรศัพท์ข้ามประเทศว่า ก่อนหน้านี้ดีเอสไอประสานสภาทนายให้ช่วยเหลือทางอรรถคดีกับดิ ไอคอน แทนผู้เสียหาย ทางสภาทนายจะเร่งสอบข้อเท็จจริงเพื่อช่วยเหลือให้เร็วที่สุด
ประชุมกรณีไร่เชิญตะวัน 22 ต.ค.
นายชีวะภาพ ชีวะธรรม ประธานคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม วุฒิสภา อดีตรองอธิบดีกรมป่าไม้และอดีตหัวหน้าชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพร ให้สัมภาษณ์กรณีการตรวจสอบไร่เชิญตะวันของ ว.วชิรเมธี ว่า ขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ว่า เรารับรู้รับทราบว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ เท่าที่ทราบจากการสอบถามพบว่า ขออนุญาตใช้ประโยชน์ตามระเบียบกรมป่าไม้ แต่คนที่อนุญาตอาจเป็นหน่วยงานจังหวัด เนื่องจากกรมป่าไม้มอบอำนาจให้ทางจังหวัดพิจารณา สิ่งที่เห็นได้วันนี้คือ สังคมให้ความสนใจเรื่องนี้ กมธ.จะนำมาพิจารณาเป็นกรณีเร่งด่วนในวันที่ 22 ต.ค.นี้ ต้องตรวจสอบให้ได้ความชัดเจนว่า อยู่ในพื้นที่อะไร ใช้ประโยชน์ถูกต้องหรือไม่ ตามที่สาธารณชนสงสัย
ใช้ชื่อ 3 หน่วยงานขออนุญาต
“วันอังคารนี้เราจะเอาเรื่องนี้เข้าพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วน ถ้าเป็นไปได้อาจเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลแล้วขยายผลต่อว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพื่อตอบสาธารณชนให้ได้ กมธ.จะทำงานคู่ขนานเป็นตัวกลางประสานตามหลักปฏิบัติการตรวจสอบข้อเท็จจริง ต้องทำให้ได้ข้อยุติ กรณีนี้คล้ายกรณีเขานาคเกิด จ.ภูเก็ต เรื่องการอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติเหมือนกัน ขออนุญาตใช้ประโยชน์เหมือนกันเขานาคเกิดขอไปจำนวนหนึ่ง แต่พอไปตรวจสอบมันเกินจากที่ขออนุญาตไว้ ทำเกินไปกว่าพื้นที่ที่ขออนุญาต ทำผิดจุดอย่างนี้ต้องไปดูรายละเอียดที่เปรียบเทียบกันได้คือ มันใช้ระเบียบตัวเดียวกันในการขออนุญาต และการขออนุญาตบางทีเขาไม่ใช้มูลนิธิหรือวัด แต่ใช้สำนักพระพุทธศาสนาเป็นคนขออนุญาต ขอเข้ามาในนามมูลนิธิก็ว่ากันไป ซึ่งต้องดูรายละเอียด อย่างที่เชียงรายที่เป็นปัญหาอยู่ตอนนี้ เท่าที่ทราบใช้ 3 หน่วยงานขอ และขอไป 100 กว่าไร่ ต้องตรวจสอบ” ประธาน กมธ.สิ่งแวดล้อมกล่าว
รับเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
นายชีวะภาพกล่าวอีกว่า ทั้ง 3 หน่วยที่ขอไป 100 กว่าไร่ ต้องดูว่าพิกัดเป็นอย่างไร อยู่ตรงไหน สมเหตุสมผลหรือไม่ ถูกต้องหรือไม่ตามระเบียบ ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน คงต้องตรวจสอบให้ได้ข้อยุติ พร้อมย้ำว่าตามระเบียบสามารถขอใช้พื้นที่ป่าสงวนได้ สามารถใช้พื้นที่ทำกิจกรรมได้หลายอย่างตามระเบียบของกฎหมาย เพียงแต่ว่าการขออนุญาตต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตที่ขอไปตามวัตถุประสงค์ สิ่งนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ
เชื่อมีอะไรคลาดเคลื่อนแน่
“ยกตัวอย่างขอไป 5 ไร่ แต่ทำเกินไป 10 ไร่ ต้องไปตรวจสอบ เรื่องการตรวจไม่ยาก ในระบบเดี๋ยวนี้เขาตรวจแต่ไม่ยากแล้วว่าใช้ประโยชน์ไปจากพื้นที่จริงขนาดไหน คงต้องไปดูรายละเอียดว่าก่อนมาขออนุญาต อยู่ในคุณสมบัติที่จะขอได้หรือไม่ คุณสมบัติเป็นสิ่งสำคัญ เพราะในเงื่อนไขมันไม่ใช่ว่าทุกคนจะมาอ้างนู่นอ้างนี่แล้วเข้าไปขอทำอะไรโดยวัตถุประสงค์ที่มันไม่สอดคล้อง ไม่ตรงตามความถูกต้อง ป่าสงวนเป็นของพี่น้องประชาชน กรมป่าไม้สร้างระเบียบมาให้เข้าไปขอใช้ประโยชน์ได้ แต่ต้องขอให้ถูกต้องสอดคล้องทั้งพื้นที่ ทั้งตำแหน่งรวมถึงวัตถุประสงค์ ผมยังดูอยู่ว่า ถ้าขอด้วย 3 หน่วยงาน แบ่งเป็น 3 พื้นที่ คงน่าจะมีอะไรที่คาดเคลื่อนหรือไม่” นายชีวะภาพกล่าว
เจอวัดที่บอสพอลทุ่มทำบุญ
กรณีเพจเฟซบุ๊กชื่อ “อีซ้อขยี้ข่าว : อีซ้อ”โพสต์ภาพสลิปการโอนเงินของบอสพอลเพื่อทำบุญเข้าบัญชีส่วนตัวของพระอุดร บุญชูหล้า อายุ 65 ปี ครั้งละ 200,000-600,000 บาท อ้างว่ารวมเป็นเงินบริจาคกว่า 12 ล้านบาท ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดสว่างน้ำใส บ้านวังยาว หมู่ 5 ต.บ้านหัน อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น พบพระมหาอุดร บุญชูหล้า เผยว่า ปกติจำพรรษาอยู่ที่วัดในกรุงเทพฯ แต่จะมาที่วัดสว่างน้ำใสหลังเข้าพรรษาทุกปีเพื่อดูแลแม่ที่อายุมาก มีบ้านอยู่ในหมู่บ้านวังยาว และนำเงินที่ญาติโยมทำบุญมาพัฒนาทำนุบำรุงภายในวัดสว่างน้ำใส พร้อมพาเดินดูรอบบริเวณวัด มีคลิปบอสพอลและคณะมาทำบุญลงในโซเชียลหลายครั้ง บริเวณฐานพระสร้างถวายองค์พระมหาเจดีย์พุทธมงคลวัดสว่างน้ำใส ติดป้ายชื่อบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป จำกัด นำโดยคุณวรัตน์พล วรัทย์วรกุล และคณะผู้บริหารเอาไว้ด้วย
รับโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัว
พระมหาอุดรเผยว่า รู้จักบอสพอลครั้งแรกประมาณ 10 ปีที่แล้ว ขณะนั้นจำพรรษาอยู่ที่วัดใน กทม. บอสพอลมาทำบุญเรื่อยๆ เป็นเหมือนญาติโยมลูกศิษย์ทั่วไป ประเด็นที่บอสพอลโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวไม่โอนเข้าบัญชีวัด เพราะว่าจะได้นำไปทำบุญต่อได้สะดวกกว่าการใช้บัญชีวัด ไม่ได้มีเฉพาะบอสพอลที่โอนเข้าบัญชีส่วนตัว ญาติโยมคนอื่นๆ ที่ร่วมทำบุญก็โอนเข้าบัญชีส่วนตัวเช่นกัน ไม่ได้นำไปใช้ส่วนตัว นำไปทำนุบำรุงวัดสว่างน้ำใสเป็นวัดบ้านเกิด ทั้งเรื่องค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าภัตตาหารสำหรับญาติโยมที่มาปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะช่วงงานบุญต่างๆ และยังนำมาสร้างสิ่งต่างๆให้เกิดขึ้นในวัดด้วย ทั้งบ่อบาดาล 3 บ่อ บ่อละ 200,000 บาท ต้องขุดเจาะลงไปลึก 150 เมตร เดินสายไฟพร้อมตั้งเสาไฟฟ้ารอบวัด สร้างหอกระจายข่าว ถังประปา กุฏิที่อาตมาอยู่ แต่ทุกอย่างไม่ใช่เฉพาะบอสพอลแต่เป็นเงินทำบุญของญาติโยมคนอื่นๆด้วย
ยอดทำบุญประมาณ 3–4 ล้าน
พระมหาอุดรกล่าวต่อว่า กรณีที่บอกว่าโอนเงินมาให้ปีละเป็นล้านนั้นยืนยันว่าไม่ถึง มีเพียงช่วงหลังโควิดเมื่อปี 64 ที่ทำบุญเข้ามาครั้งละ 200,000 บ้าง 400,000 บ้าง 600,000 บ้าง นำไปใช้เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมและทุกๆอย่างในวัด แต่จะต้องดูแลเงินเองเพื่อการประหยัดงบประมาณ รวมๆเงินที่บอสพอลโอนเข้าบัญชีทำบุญประมาณ 3-4 ล้านบาท แต่ไม่ได้โอนทำบุญครั้งสองครั้ง เป็นการโอนทำบุญเรื่อยๆ ส่วนตัวไม่ทราบว่าบอสพอลทำอะไร เพราะไม่เคยบอก หรือทำธุรกิจอะไรก็ไม่ทราบ เห็นมีตอนที่รับกิจนิมนต์ไปที่บ้านเห็นตอนถวายเท่านั้น พระจะไม่ยุ่งกับธุรกิจหรือครอบครัวของชาวบ้านเพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ ไม่ถามญาติโยมว่าปัจจัยที่นำมาถวายบริสุทธิ์ไหม ถูกต้องไหม พระจะถามไม่ได้เด็ดขาดเพราะเป็นเรื่องมารยาทและคุณธรรม
รับรู้จักมา 10 ปีแต่ก่อนจน
“ย้อนไปเมื่อ 10 ปีก่อนที่รู้จักกัน บอสพอลยังถือว่าไม่ได้รวย ถ้าพูดภาษาชาวบ้านคือยังจนอยู่เป็นลูกศิษย์ที่นานๆมาเจอกัน ครั้งล่าสุดเจอกันปีที่แล้ว มาทอดกฐินที่วัดสว่างน้ำใสแห่งนี้ เป็นปีเดียวที่บอสพอลมาพร้อมกับคณะหลายคน ปีนี้ทีแรกบอกว่าจะมาแต่เมื่อ 2-3 เดือนก่อนบอกว่า ไม่สามารถมาได้แล้ว กรณีที่เกิดเป็นกระแสมาถึงอาตมามองว่า ส่วนหนึ่งบอสพอลชอบให้คนอนุโมทนากับการที่ตัวเองร่วมทำบุญ อาจโพสต์สลิปเงินทำบุญที่โอนในบัญชีส่วนตัวของอาตมา เรื่องนี้เคยบอกไปว่า คนรักมีน้อย คนเกลียดมีมาก อย่าทำเลย กระทั่งเรื่องมาถึงในวันนี้ พระผู้ใหญ่ท่านเจ้าอาวาสถามว่า จะทำยังไง อาตมาคิดเพียงว่าแล้วแต่บุญแต่กรรมที่ทำมา ยืนยันว่าไม่ได้ทำหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับบอสพอลในทางคดี”
เจ้าอาวาสแจงทำบุญจริง
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับพระครูสิริสังวรธรรม เจ้าคณะอำเภอโนนศิลา และเจ้าอาวาสวัดสว่างน้ำใส เผยว่า ส่วนตัวไม่ทราบว่าทำไมไม่โอนเข้าบัญชีวัด ปกติบอสพอลกับพระมหาอุดรรู้จักกัน โอนเงินทำบุญเข้าบัญชีส่วนตัวพระมหาอุดรเรื่อยๆ ทุกคนจะทราบแต่ไม่ทราบจำนวน แต่พระมหาอุดรมาสร้างอะไรหลายอย่างให้วัดแห่งนี้ตลอด การจัดซื้อจัดจ้างทางวัดไม่ทราบ ปกติออกบิลตามระเบียบ พระมหาอุดรเป็นผู้รับผิดชอบคุยตกลงกับช่างเอง แต่บอกด้วยวาจาว่าญาติโยมจะมาสร้างถวายสิ่งนั้นสิ่งนี้ ได้แต่สาธุอนุโมทนาที่มีเจ้าภาพมาสร้างให้ ปกติพระมหาอุดรจะจำพรรษาที่วัดปากน้ำภาษีเจริญมากว่า 30 พรรษาแล้ว จะมาพัฒนาวัดสว่างน้ำใสเป็นวัดบ้านเกิด ไม่ใช่พระลูกวัดที่นี่ เรื่องการโอนเงินทำบุญของบอสพอลเข้าบัญชีส่วนตัวพระมหาอุดร ไม่เกี่ยวกับวัดสว่างน้ำใสโดยตรง
พระพยอมรับคุยทนายอนันต์ชัย
กรณีนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เข้าพบพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ให้สัมภาษณ์สื่อทำนองว่า ยืนอยู่ข้างท่าน ว.วชิรเมธี ต่อว่ากลุ่มทนายที่รวมตัวกันกล่าวหาท่าน ว.วชิรเมธี ทำผิดวินัยสงฆ์ พูดชักชวนให้คนมาร่วมลงทุนกับดิ ไอคอน นายอนันต์ชัยมองว่า เรื่องที่ถูกกล่าวหายังไม่มีการตัดสินว่าผิด เพราะฉะนั้นท่าน ว.วชิรเมธี ยังไม่มีความผิด เมื่อเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบพระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว สอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น พระพยอม กล่าวว่า ทนายอนันต์ชัยเดินทางมาที่วัดพบอาตมาเพื่อสอบถามเรื่องปัญหาที่ดินของวัดที่เป็นคดีความอยู่ตอนนี้ บังเอิญมีนักข่าวมาเจอพอดีเลยสัมภาษณ์พูดคุย หลังตกเป็นข่าวแล้วเกิดมีปัญหาขัดแย้งกัน อาตมาก็ไม่สบายใจ อยากให้ทั้ง 2 ฝ่ายหันหน้ามาพูดคุยกัน ผิดถูกว่ากันตามกฎหมาย
กรณีพระ ว.วชิรเมธี–หนุ่ม กรรชัย
“ตอนนี้ถ้าบอกว่าเอาสายกลางก็ต้องดูเจตนา พระพุทธเจ้าบอกผิดไม่ผิดดูที่เจตนา แต่ถ้าตัวกฎหมายจะว่ายังไงก็ว่ากันไป ต้องดูเจตนาว่าที่ท่านพูดไปนั้นต้องการประจบคฤหัสถ์หรือต้องการได้ลาภได้ผลจริงหรือเปล่า ถ้าพูดปกติโดยไม่ได้หวังประจบเอาเงินเอาทองเขาก็ไม่น่าจะผิด แต่ว่าอะไรที่ไม่เหมาะมีไหม บอกว่ามี เช่นไปพูดว่า หนุ่ม กรรชัย เป็นฆาตกรต่อเนื่อง ดีนะที่หนุ่ม กรรชัย ฉลาดบอกว่าไม่เอาเรื่องต่อแบบนี้ดี ท่าน ว.วชิรเมธี ก็ได้ออกมาขอโทษ หนุ่ม กรรชัยก็ให้อภัย เขาเรียก “พยาบาทบรรลัย ให้อภัยใจร่มเย็น” มีให้อภัย มีขอโทษ เรื่องก็จบไม่เจ็บ แต่ถ้าไม่ให้อภัยแล้วไปคุ้ยไฟเติมเชื้อ “พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง ถ้านิ่งๆกันบ้างเดี๋ยวเรื่องก็เงียบเอง” พระพยอมกล่าว
ขอให้นึกถึงพระพุทธศาสนา
พระพยอมกล่าวต่อว่า ตอนนี้มันมี 2 ฝ่ายกันแล้ว ทนายอีกฝ่ายก็แซะจะเอาผิดให้ได้ อีกฝ่ายก็ออกมาปกป้องโต้แย้งว่ายังไม่ผิด เพราะว่าเราเสียดายพระที่มีศักยภาพทางด้านเขียนหนังสือ ทางด้านเทศน์ หายากนานๆจะมีสักที ถ้าเกิดว่ามีอันเป็นไปก็น่าเสียดาย เราอยากจะให้อยู่ทำงานให้พระศาสนาต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง ผิดครั้งแรกไม่น่าจะประหาร ถ้าครั้งสองครั้งสามก็ไม่น่าจะเอาไว้ อาตมาอยากขอให้ถนอมกันไว้ทำงานก่อน ถ้าได้ก็เอา ถ้าไม่ได้ก็แล้วไป อาตมาไม่ได้ช่วยปกป้องและไม่กระหน่ำซ้ำเติม โบราณว่า “ไม้ล้มอย่าข้าม” ตอนนี้ไม้ล้มรู้สึกจะย่ำกันพอสมควร ฝ่ายที่ย่ำก็มี ฝ่ายที่ยกก็มี ยังไงเราชาวพุทธ ถึงจะมีพระเกิดเรื่องแบบนี้สักองค์สององค์ เราต้องนึกถึงพระพุทธศาสนา ต้องนึกถึงส่วนดีของท่านบ้าง เราก็จะอยู่กับพระดีต่อไปได้ อยากขอร้องกองเชียร์ทั้ง 2 ฝ่าย เชียร์แล้วนิ่งบ้าง ไม่ใช่เชียร์แล้วดันก้น เขาบอกว่า ถ้าดันก้นไปมากๆมันก็อาจจะหลุดเฟรมไปได้ เอาเป็นว่าฝ่ายเชียร์ก็อย่าออกหน้าออกตาออกแรงดันมาก ฝ่ายแช่งก็อย่าออกมาแบบหน้าตาขึงขัง เอาแบบขึ้นภูดูเขาสู้กันดีไหม แล้วแผ่เมตตาให้เขาอย่าได้เจ็บ อย่าได้ป่วย ได้ล้ม ได้ตายเลย โชคดี
ยอดผู้เสียหายทะลุ 5 พันคน
เวลา 17.00 น. กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เผยแพร่ข้อความประชาสัมพันธ์รายงานความคืบหน้าทางคดีหลอกลงทุนบริษัทดิ ไอคอน กรุ๊ป ว่า เมื่อวันที่ 19 ต.ค. มีผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 165 คน มูลค่าความเสียหาย 55.7 ล้านบาทเศษ ยอดรวมสะสมระหว่างวันที่ 10-20 ต.ค. สรุปยอดเวลา 15.00 น. มีจำนวนผู้เสียหายสอบปากคำแล้ว 2,875 คน มูลค่าความเสียหายเฉพาะที่สอบปากคำแล้วรวม 979 ล้านบาทเศษ ด้านศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) สรุปข้อมูลจากศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ตำรวจภูธรจังหวัดและกองบังคับการตำรวจนครบาล ประจำวันที่ 19 ต.ค. รวมผู้เสียหาย 892 ราย มูลค่าความเสียหาย 207 ล้านบาทเศษ ยอดรวมสะสมระหว่างวันที่ 18-19 ต.ค. มีจำนวนผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 2,773 ราย มูลค่าความเสียหายรวม 632 ล้านบาทเศษ ปัจจุบันยอดรวมผู้เสียหายที่เข้าให้ปากคำกับศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์คดีดิ ไอคอน กรุ๊ป จากศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์สำนักงานตำรวจแห่งชาติทั่วประเทศ ยอดรวมทั้งสิ้น 5,648 คน มูลค่าความเสียหาย 1,611 ล้านบาทเศษ
ทั้งนี้ มีรายงานว่า ตำรวจกองปราบปรามตามอายัดรถของกลุ่มผู้ต้องหาคดีดิ ไอคอนได้อีก 4 คัน ประกอบด้วย รถเก๋ง เล็กซ์ซัส 2 คัน รถเก๋งเอ็มจี 1 คัน และรถตู้ 1 คัน หลังตรวจยึดได้จากบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ถนนรามอินทรา
แม่ค้าผลิตภัณฑ์ดิ ไอคอนโอด
ที่ร้านอาหารป่า อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี นางทองเปลว อิ่มเชื้ออยู่ เจ้าของร้าน และทำอาชีพเสริมเป็นตัวแทนขายผลิตภัณฑ์ดิ ไอคอน เผยว่า จำเป็นต้องเปลี่ยนป้ายโฆษณาร้านอาหาร เพราะมีลูกค้าเห็นมาถามอยู่ตลอด เมื่อเห็นป้ายโฆษณาสินค้า ดิ ไอคอนกระแสของร้านไม่ดี กับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันจึงต้องทำป้ายใหม่ไม่ให้เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ดิ ไอคอน และลดราคาต้มเลือดหมูเหลือเพียง 30 บาทเพื่อดึงดูดลูกค้าเข้าร้านมากขึ้น แต่ตนไม่ได้เดือดร้อนที่เปิดบิลดิ ไอคอน ปกติขายตรงอย่างเดียว ไม่ได้ชักชวนใครมาเปิดบิล ได้เรียนรู้การทำตลาดออนไลน์ จากที่บริษัทเปิดสอนให้แล้วนำกลับมาใช้ในชีวิตประจำวัน ตอนนี้ผลิตภัณฑ์ดิ ไอคอนไม่มีคนเชื่อถือและกลัว ยืนยันว่าผลิตภัณฑ์เขาดีจริง เพราะได้ใช้ด้วยตัวเอง ไม่ได้เครียดอะไรขายไม่ได้ก็เก็บไว้กินเอง อยากให้มองว่า การขายตรงกับแชร์ลูกโซ่คนละอย่างกัน ทุกอย่างมี 2 ด้าน การขายของต้องขยันหาลูกค้าไม่ใช่หาสมาชิก หลอกลวงกันว่า จะได้ผลตอบแทนเป็นรายเดือน รายปี และของรางวัลเป็นตัวล่อ
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่