“แป้ง นาโหนด” ถึงไทยราบรื่น ตำรวจอิเหนาหิ้วตัวขึ้นเครื่องบินเจ็ตเหมาลำบินตรงมาส่งให้ตำรวจไทยถึงสนามบินเมืองคอน ใส่เสื้อเกราะล็อกกุญแจมือ แน่นหนาคุ้มกันเข้มนำตัวไปสอบสวนดำเนินคดีที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ข้อหาหลบหนีการจับกุม ก่อนโดนอายัดตัวอีก 3 หมายจับจากพัทลุง หลายข้อหาหนักทั้งพยายามฆ่า ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และปืนสงคราม จากเหตุยิงปะทะบนเขา เจ้าตัวโวยลั่นแหวนเพชรหาย กล่าวหาตำรวจอินโดฯเอาไปราชทัณฑ์ประสาน ผบช.ก.ส่งทีมหนุมานกองปราบฯบินรับตัวไปเข้าคุกบางขวาง “ทวี สอดส่อง” สั่งคุมเข้มไม่ให้หลบหนีซ้ำรอยอีก เร่งขยายผลผู้ร่วมขบวนการ จ่อชงเรื่องเป็นคดีพิเศษ

ในที่สุดนายเชาวลิต ทองด้วง อายุ 37 ปี หรือ “แป้ง นาโหนด” นักโทษที่หลบหนีจากการควบคุมของเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ขณะเข้ารักษาตัวที่ รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ไปถูกจับกุมที่ประเทศอินโดนีเซีย ก็ถูกส่งตัวกลับถึงไทย ตำรวจอินโดนีเซียนำตัวขึ้นเครื่องบินมาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาตินครศรีธรรมราช ตำรวจระดมกำลังไปรับตัวไปสอบสวนดำเนินคดีที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช พร้อมวางมาตรการคุ้มกันอย่างแน่นหนา

ก่อนที่นักโทษคนสำคัญจะถูกส่งตัวมาถึงไทย ในช่วงเช้าวันที่ 4 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงการส่งตัวนายเชาวลิต หรือแป้ง นาโหนด กลับไทยว่า วันนี้ช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. จะมีการส่งตัวนายเชาวลิตไปยัง จ.นครศรี ธรรมราช เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ตำรวจจะควบคุมตัว 48 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นการจับกุมตามหมายแดง ส่วนขั้นตอนหลังจากนั้นอธิบดีกรมราชทัณฑ์จะขอตัวมาควบคุมที่เรือนจำบางขวาง หรือเรือนจำคลองเปรม ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างการประชุมหารือของ รรท.ผบ.ตร. คาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะได้ข้อยุติ จากนั้นเป็นเรื่องสำนวน เพราะคดีนายเชาวลิตส่วนหนึ่งมีหมายขังของศาลแล้ว สามารถนำตัวเข้าเรือนจำได้ทันที แต่เนื่องจากโดนหมายแดงต้องเข้าสู่กระบวนการก่อน

...

พ.ต.อ.ทวีกล่าวต่อไปว่า การดูแลความเรียบร้อยภายในเรือนจำ ยืนยันว่ามีมาตรฐาน และนายเชาวลิตไม่มีความเครียด เน้นย้ำว่าในส่วนของกระทรวงยุติธรรม เหตุการณ์การหลบหนีออกจากสถานที่ควบคุมต้องไม่เกิดขึ้นอีก ต้องสอบสวนและได้ข้อมูลจากนายเชาวลิตด้วย ที่ผ่านมามีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้อง มีการดำเนินคดีไปบ้างแล้ว ต้องไปสอบสวนดูว่าใครทำหน้าที่บกพร่องหรือมีส่วนอยู่เบื้องหลังต้องนำตัวมาให้หมด รวมถึงบุคคลที่ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับกระบวนการยาเสพติด มีการตั้งคณะกรรมการมาสอบสวนโดยเฉพาะ เนื่องจากประชาชนให้ความสนใจ และนายกรัฐมนตรีกำชับให้ดูเรื่องความรับผิดชอบของผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงกรณีที่นายเชาวลิตออกมาพูดถึงกระบวนการยุติธรรมที่จะทำให้ขาดความเชื่อมั่นว่ามีผู้ร่วมกระทำความผิด ต้องดูว่าตำรวจจะขยายผลอย่างไร หรืออาจต้องเป็นคดีพิเศษ

ต่อข้อถามว่าต้องแยกขังนายเชาวลิตหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ในเรือนจำมีระบบและอาจมีห้องรวมขนาดเล็ก มีผู้คุมดูแล ที่กังวลว่าผู้ต้องหาอาจทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายนั้น เขาจะอยู่ในความดูแลของผู้คุมตลอดเวลา มีกล้องวงจรปิดสามารถตรวจสอบได้ จะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นแน่นอน ส่วนกรณีการเปลี่ยนเช่าเครื่องบินเหมาลำนำตัวนายเชาวลิต

กลับไทย ทางอินโดนีเซียพร้อมอำนวยความสะดวกส่งตัว เขาอาสาตั้งแต่แรก ก่อนหน้านั้นไทยก็อาสาส่งตัวนักโทษอินโดนีเซียกลับประเทศเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีการประเมินเรื่องค่าใช้จ่ายและความปลอดภัยเป็นหลักจึงเลือกใช้ช่องทางดังกล่าว โดยใช้เจ้าหน้าที่ ของอินโดนีเซียควบคุมตัวทั้งหมด ก่อนส่งมอบที่สนามบินเป็นขั้นตอนของกระบวนการของไทย

รมว.ยุติธรรมกล่าวต่อไปว่า สำหรับเส้นทางการหลบหนีให้เป็นเรื่องของตำรวจในการสอบสวน ต้องรับฟังทุกฝ่าย ใครจะพูดอะไรก็ได้แต่ต้องยึดตามพยานหลักฐาน หากพูดไปอาจทำให้คนอื่นเกิดความเสียหาย การหลบหนีจากประเทศไทยไปอินโดนีเซียถือเป็นกระบวนการหนึ่งที่ต้องสืบสวน แต่การที่เขาไปอยู่ที่อินโดนีเซียอย่างไรนั้น ตำรวจอินโดนีเซียให้ข้อมูลมาครบแล้ว ส่วนที่นายเชาวลิตระบุว่าไปมาหลายประเทศก่อนจะมาอยู่ที่อินโดนีเซีย และไม่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยาเสพติดนั้น ถือเป็นเพียงคำกล่าวอ้าง การพิสูจน์เรื่องนี้ไม่ยาก ต้องมีหลักฐานมาค้ำยัน อย่างไรก็ตามต้องให้เครดิตตำรวจไทยที่สามารถค้นหาผู้หลบหนีและนำตัวกลับมาได้

เมื่อถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์โจมตีว่าแห่ไปรับนายเชาวลิตเหมือนเป็นผู้ทรงเกียรติ พ.ต.อ.ทวี กล่าวยืนยันว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น เป็นเพียงมุมมองของคนจะมองเช่นไรก็ได้ คงไม่ใช่แห่ไปรับ เพราะการจับกุมในต่างประเทศต้องอาศัยเจ้าหน้าที่ของประเทศนั้น ต้องมีการประสานข้อมูล ใช้เวลาเพียง 6 วัน ในการควบคุมตัวถือว่ามีความสามารถ เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าตำรวจไทยเป็นสายให้นายเชาวลิตจึงไม่สามารถจับกุมได้ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ไม่น่าจะใช่ การหนีไปต่างประเทศการจับกุมไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ตำรวจต่างประเทศจับกุม

ที่ จ.นครศรีธรรมราช ในช่วงบ่าย หลังทราบกำหนดการที่ตำรวจอินโดนีเซียจะนำตัวนายเชาวลิตขึ้นเครื่องบินเดินทางมาถึงในช่วงเย็น พล.ต.ต.สมชาย ซื่อต่อตระกูล ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช สั่งการตำรวจตั้งจุดตรวจจุดสกัด บริเวณทางเข้าออกรอบสี่มุมเมือง โดยเฉพาะจุดสี่แยกเบญจม เส้นทางที่จะนำตัวนายเชาวลิตออกจากท่าอากาศยานนานา ชาตินครศรีธรรมราช ไป สภ.เมืองนครศรีธรรมราช มีการตั้งด่านตรวจเข้มรถทุกคันเพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิด

พล.ต.ต.สมชายเผยว่า ตำรวจ สภ.เมืองนคร ศรีธรรมราช เตรียมพร้อมสถานที่รับตัวเสี่ยแป้งไว้แล้ว สั่งการให้นำชุดปฏิบัติการพิเศษ หรือ SWAT จาก บก.สส.ภ.8 จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการพร้อมยานพาหนะ ชุดปฏิบัติการพิเศษ (ราชเดช) จาก กก.สส.ภ.จ.นครศรีธรรมราช 1 ชุดปฏิบัติการ และกำลังฝ่ายสืบสวนอีกหลายสิบนาย สนธิกำลังกับสายตรวจและชุดสืบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช กระจายกำลังควบคุมพื้นที่ตลอดเส้นทางตั้งแต่ท่าอากาศยานนานาชาตินครศรีธรรมราช ไปจนถึง สภ.เมืองนคร ศรีธรรมราช ระยะทางประมาณ 23 กม.

ขณะที่นายกษิดิ์ชาติ ทองด้วง อายุ 53 ปี พี่ชายนายเชาวลิต พร้อมญาติรวมเกือบ 10 คนเดินทางไปรอน้องชายอยู่ที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ยืนยันไม่มีแผนชิงตัวแน่นอน ดีใจที่น้องชายยังมีชีวิตและปลอดภัย แม้จะมีหลายคดีก็พร้อมสู้คดีไปตามกระบวนการ จะอยู่กับน้องชายตลอดการสอบสวนพร้อมทนายความที่จัดเตรียมมาพร้อมแล้ว

...

ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเวลา 11.30 น. ตำรวจอินโดนีเซียควบคุมตัวนายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด ออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอินโดนีเซีย นำตัวไปยังสำนักงานตำรวจสากลอินโดนีเซีย (อินเตอร์โปล) ท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา เข้าสู่ขั้นตอนตรวจคนเข้าเมืองของอินโดนีเซีย มีการตรวจเช็กร่างกาย และมีตำรวจไทยจาก บช.ภ.9 และสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองร่วมยืนยันตัวตนนายเชาวลิต สื่อมวลชนไทยมีโอกาสได้พูดคุยกับนายเชาวลิตเพียงช่วงสั้นๆ เจ้าตัวบอกว่า “แหวนเพชรหาย ตำรวจบาหลีเอาไป” หลังจากนั้นมีอีกหลายคำถามแต่นายเชาวลิตไม่ได้ตอบ เนื่องจากถูกควบคุมตัวออกไปเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับประเทศไทย

...

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางการอินโดนีเซียจัดเตรียมเครื่องบินเจ็ตเช่าเหมาลำในการส่งตัวนายเชาวลิตกลับไทย เดินทางออกจากกรุงจาการ์ตาเวลา 15.00 น. คาดว่าจะถึงสนามบินนครศรีธรรมราชเวลา 17.30 น. มีผู้โดยสารบนเครื่อง 10 คน ประกอบด้วย นายเชาวลิต และตำรวจอินโดนีเซีย 9 นาย นำโดย พ.ต.อ.ออดี้ ซอนนี่ ลาตูเฮรู ตำรวจสากลอินโดนีเซีย หัวหน้าแผนกอาชญากรรมระหว่างประเทศ การเดินทางส่งตัวผู้ต้องหาครั้งนี้คณะตำรวจของไทยไม่ได้เข้าร่วมด้วยเนื่องจากเป็นภารกิจของตำรวจอินโดนีเซีย ทั้งนี้ก่อนออกเดินทาง ตำรวจสากลอินโดนีเซียมีการแถลงข่าวการดำเนินการส่งตัวนักโทษชายเชาวลิตให้กับทางการไทย ยืนยันว่าทรัพย์สินของนักโทษชายเชาวลิตที่พบนั้น ส่งกลับไทยหมดแล้ว ทั้งกระเป๋าเดินทาง โทรศัพท์มือถือ และของใช้ทุกชิ้น

กระทั่งเวลา 17.40 น. เครื่องบินเจ็ตเช่าเหมาลำจากอินโดนีเซียนำตัวนายเชาวลิต มาลงที่ท่าอากาศยานนานาชาตินครศรีธรรมราช อ.เมืองนครศรีธรรมราช ทันทีที่เครื่องบินลงแตะรันเวย์สนามบินแล้ว พล.ต.ต.ทรงโปรด ศิริสุข ผบก.ตม.6 พ.ต.ท.วรรณชัย สุขแจ่ม สว.ตม.จ.นครศรีธรรมราช นำกำลังตำรวจ ตม.เข้าไปรับตัวนายเชาวลิตจากเครื่องบิน คุมตัวเข้ามายังห้องรับรองพิเศษที่สนามบินจัดเตรียมไว้ ดำเนินการตามขั้นตอนตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจ ตม.แสดงหมายแดงแจ้งข้อหาออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตแก่นายเชาวลิต จากนั้นตำรวจ สภ.เมืองนคร ศรีธรรมราช เข้ามาแสดงหมายจับนายเชาวลิต ในข้อหาหลบหนีการคุมขัง และข้อหา พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขั้นตอนที่สนามบินนครศรีธรรมราชใช้เวลาแจ้งข้อกล่าวหาและบันทึกการจับกุมประมาณ 50 นาที ตำรวจเปลี่ยนเสื้อให้นายเชาวลิต จากที่นั่งเครื่องมาใส่เสื้อสีน้ำเงิน เปลี่ยนเป็นเสื้อแขนยาวสีดำ สวมเสื้อเกราะกันกระสุน กางเกงขายาวสีดำ รองเท้าแตะ สวมหมวกโม่งปิดปากและจมูก สวมใส่กุญแจมือไพล่หลัง ควบคุมตัวออกจากสนามบินไปขึ้นรถตู้ของหน่วยสวาทที่เตรียมไว้ด้านหน้าทางออกจากสนามบิน มีขบวนรถตำรวจนำหน้าและตามหลังกว่า 10 คันคอยคุ้มกันอย่างแน่นหนาตลอดเส้นทางจากสนามบินไปถึง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช การรับตัวนักโทษคนสำคัญรายนี้ มี พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 พร้อมทั้งนายตำรวจระดับสูงในพื้นที่ รวมถึงผู้ช่วยทูตสาธารณรัฐอินโดนีเซียประจำประเทศไทย มาร่วมด้วย

...

พล.ต.ท.สุรพงษ์ ถนอมจิตร ผบช.ภ.8 กล่าวว่า วันนี้เตรียมพร้อมรับมือไว้หมดแล้วไม่มีปัญหาอะไร ในส่วนของการประกันตัวก็เป็นสิทธิของญาติผู้ต้องหาที่จะขอยื่นประกันตัวได้ แต่ตำรวจไม่อนุญาตให้ประกันตัว เป็นดุลพินิจของศาลเท่านั้นที่จะพิจารณาในการประกันตัวในชั้นศาล ทั้งนี้ หลังจากตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช สอบปากคำและควบคุมตัวผู้ต้องหาครบ 48 ชม.แล้วจะรีบฝากขังต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ก็เสร็จขั้นตอนของตำรวจ หลังจากนี้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ที่มีอำนาจควบคุมตัวจะพิจารณาคุมตัวนายเชาวลิตไปขังที่เรือนจำความมั่นคงแห่งใดแห่งหนึ่งตามความเหมาะสมต่อไป

หลังจากตำรวจคุมตัวนายเชาวลิตไปถึง สภ.เมืองนครศรีธรรมราช มีพนักงานสอบสวนจาก 3 ท้องที่ ใน จ.พัทลุง มาขออายัดตัวตามหมายจับอีก 3 หมาย ประกอบด้วย สภ.ตะโหมด ข้อหาพยายามฆ่าและต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน หลังยิงปะทะเจ้าหน้าที่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาบรรทัด เมื่อวันที่ 8 พ.ย.66 สภ.กงหรา ข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยนายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ หลังยิงปะทะแล้วเจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ในวันที่ 10 พ.ย. ยึดปืนสงครามได้ 2 กระบอกและปืนสั้นอีก 2 กระบอก จากเพิงพักใกล้จุดปะทะ และท้องที่ สภ.ป่าบอน ข้อหา มีและพกพาอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ หลังตำรวจบุกเข้าจับกุมผู้ต้องหาได้ 5 ราย ที่เป็นคนนำพาหลบหนีออกจากพื้นที่ จ.พัทลุง ไปยัง จ.สตูล ยึดปืนเอชเคได้ 1 กระบอก พร้อมกระสุนอีกหลายร้อยนัด ตรวจลายนิ้วมือพบเป็นของนายเชาวลิตที่ฝังดินไว้ในสวนยางพารา หลังจากหนีลงจากยอดเขาในวันที่ยิงปะทะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจนำตัวนายเชาวลิตเข้าห้องสอบปากคำอย่างเคร่งเครียด คาดว่าใช้เวลานานหลายชั่วโมงหรือเกือบตลอดทั้งคืน หลังเสร็จสิ้นกระบวนการสอบปากคำและแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมแล้วก็นำตัวเข้าไปควบคุมไว้ในห้องขังบนโรงพัก แยกขังเดี่ยวไม่ให้ปะปนกับผู้ต้องหาคนอื่น หลังจากนั้นในช่วงเช้าวันที่ 5 มิ.ย. จะนำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนจะส่งตัวไปเข้าเรือนจำที่กรุงเทพฯต่อไป

ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กรมราชทัณฑ์ ได้ประสานมายัง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เพื่อให้ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) สนับสนุนภารกิจรับตัวนายชวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด จากท่าอากาศยานนานาชาตินคร ศรีธรรมราช มายังเรือนจำกลางบางขวาง จ.นนทบุรี ในวันที่ 5 มิ.ย. เวลา 09.00 น. ขอให้จัดกำลังหนุมานกองปราบฯ พร้อมอาวุธครบมือ เป็นชุดควบคุมตัว 4 นาย ประกบผู้ต้องหาบนอากาศยานกองบินตำรวจ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์มายังท่าอากาศยานทหารดอนเมือง จากนั้นตำรวจ บก.ป.จะจัดรถยนต์สายตรวจนำขบวน โดยใช้ตำรวจสายตรวจกองปราบ 2 นาย รถยนต์ 1 คัน และรถอาวุธ ประกอบด้วยหนุมานกองปราบฯ 1 ชุด 4 นาย รถยนต์ 1 คัน ร่วมขบวนขนย้ายนักโทษจากท่าอากาศยานทหาร บน.6 ไปยังเรือนจำบางขวาง ขณะนี้อยู่ระหว่างกำหนดเส้นทางการนำส่งขบวนขนย้ายนักโทษอย่างเป็นทางการ

ที่สำนักงาน ป.ป.ส.ดินแดง พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวถึงขบวนการยาเสพติดของนายเชาวลิต ทองด้วง หรือแป้ง นาโหนด ว่า จากการขยายผลในเชิงข้อมูลพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการนำยาเสพติดประเภทยาไอซ์ ยาบ้า จากพื้นที่ชายแดนภาคเหนือไปยังชายแดนภาคใต้ ก่อนส่งไปยังประเทศอินโดนีเซีย จากที่หารือกับทางการอินโดนีเซียด้านยาเสพติดพบข้อมูลที่เป็นจิ๊กซอว์ความเชื่อมโยงกัน จะนำข้อมูลทั้งหมดไปคุยกับหน่วยงานด้านยาเสพติดของอินโดนีเซียที่จะมาร่วมหารือกันในวันที่ 5 มิ.ย. ยอมรับว่าเครือข่ายขายยาเสพติดของแป้ง นาโหนด ยังเคลื่อนไหวในพื้นที่แต่มีบางส่วนที่ถูกจับกุมได้แล้วก่อนหน้านี้ จากเส้นทาง ป.ป.ส.มีข้อมูลแล้ว เร็วๆนี้จะมีการออกหมายจับเครือข่ายแป้ง นาโหนด เพิ่มเติมตามที่ รมว.ยุติธรรม กล่าวไว้ก่อนหน้า

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่