ตำรวจไล่ล่าตีนแมวบุกโจรกรรมบ้านเศรษฐินี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง กวาดเงินสด เครื่องเพชร ทองรูปพรรณกว่า 40 ล้านบาท เชื่อเป็นฝีมือคนใน รู้ทางหนีทีไล่ในบ้าน ฉวยโอกาสตอนเจ้าของบ้านไปดูงานที่เชียงใหม่ ส่วนลูกสาวและลูกเขยไปต่างประเทศ กลับถึงบ้านพบพิรุธแม่กุญแจลิ้นชักถูกเปลี่ยนใหม่ ทุบดูแทบช็อกทรัพย์สินมีค่าราคาแพงอันตรธานหายไป เหลือแต่ธนบัตรสะสมและข้าวของอีกไม่กี่ชิ้น ชุดสืบสวนเรียก 17 ผู้ต้องสงสัยสอบเรียงตัว มั่นใจได้ตัวโจรแสบเร็วๆนี้

ตำรวจระดมกำลังล่าตีนแมวยกเค้าบ้านเศรษฐินีนักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง กวาดเงินสดและทรัพย์สินไปเกลี้ยงกว่า 40 ล้านบาท เปิดเผยช่วงสายวันที่ 5 พ.ค. พ.ต.อ.กานต์ ธรรมเกษม รอง ผบก.ภ.จ.เพชรบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.วันชัย ขาวรัมย์ ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี นำเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเข้าเก็บหลักฐานลายนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอ ไล่ล่าคนร้ายบุกโจรกรรมทรัพย์สินภายในบ้านเลขที่ 6/9 หมู่ 5 ต.บ้านหม้อ อ.เมืองเพชรบุรี ของนางวิรัลพัชร วิจิตตปัญญารักษ์ หรือเจ๊งิ้ม อายุ 68 ปี นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างชื่อดังเจ้าของ หจก. ปัญญารักษ์การโยธา ได้เงินสด เครื่องเพชร ทองรูปพรรณ และทรัพย์สินมีค่าต่างๆมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท เหตุเกิดคืนวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา

พ.ต.อ.วันชัย ขาวรัมย์ ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี เปิดเผยว่า เบื้องต้นผู้เสียหายพุ่งเป้าไปที่บุคคลใกล้ชิด เนื่องจากรู้ข้อมูลช่องทางการเข้าออกภายในบ้าน อีกทั้งยังรู้จุดที่เก็บทรัพย์สินเป็นอย่างดี ที่สำคัญระบบกล้องวงจรปิดภายในบ้านและจุดใกล้เคียงยังชำรุดอีก ทั้งนี้ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการสายตรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ อีกทั้งนำตำรวจพิสูจน์หลักฐานเก็บพยานหลักฐานลายนิ้วมือแฝง พร้อมเรียกตัวผู้ต้องสงสัย 17 คนตามที่ผู้เสียหายพุ่งเป้าคนใกล้ชิดอยู่ในข่ายต้องสงสัยมาสอบปากคำ เพื่อหาข้อมูลการเชื่อมโยงทางคดี รวมถึงเก็บลายนิ้วมือและดีเอ็นเอเพื่อนำไปเทียบเคียงดีเอ็นเอและลายนิ้วมือแฝงที่พบในบ้านที่เกิดเหตุ คาดว่าจะได้ตัวคนร้ายในเร็วๆนี้

...

ทั้งนี้ มีรายงานว่าในส่วนของบุคคลใกล้ชิดที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยทั้ง 17 คน ที่พนักงานสอบสวนเชิญตัวมาสอบปากคำในครั้งนี้ ทั้งหมดเป็นพนักงานและแม่บ้านทำงานอยู่ในบริษัทรับเหมาก่อสร้างหลายคนเจ้าของบ้านไว้วางใจ สามารถเข้าออกภายในบ้านได้ สำหรับบ้านหลังเกิดเหตุตรวจสอบพบว่าติดกล้องวงจรปิดไว้ถึง 16 ตัว แต่กล้องชำรุดมาประมาณ 1 ปีแล้ว ทำให้ไม่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะคนร้ายลงมือก่อเหตุได้ อีกทั้งละแวกใกล้เคียงก็ไม่มีกล้องวงจรปิด อย่างไรก็ตาม ในส่วนของผู้ต้องสงสัย 1 ใน 17รายที่ถูกเรียกตัวมาสอบสวน ขณะนี้ตำรวจเฝ้าประกบตัวไว้แล้ว เนื่องจากเจ้าของบ้านเชื่อว่าน่าจะอยู่ในข่ายกระทำความผิดหรือมีส่วนรู้เห็นกับคนร้ายมากที่สุด

เหตุคนร้ายบุกขโมยเงินและทรัพย์สินบ้านเศรษฐินีรายนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 4 พ.ค.พ.ต.ต.ปัญญาพล ศรีเมฆ สว. (สอบสวน) สภ.เมืองเพชรบุรี รับแจ้งเหตุลักทรัพย์บ้านเลขที่ 6/9 หมู่ 5 ต.บ้านหม้อ ไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.วันชัย ขาวรัมย์ ผกก.สภ.เมืองเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดเพชรบุรี ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนสองชั้นหลังใหญ่ พบนางวิรัลพัชร วิจิตตปัญญารักษ์ หรือ “เจ๊งิ้ม” อายุ 68 ปี เจ้าของบ้านและผู้บริหาร หจก.ปัญญารักษ์การโยธา พาเจ้าหน้าที่ตรวจดูร่องรอยงัดแงะและทรัพย์สินภายในบ้าน

นางวิรัลพัชรให้การเบื้องต้นว่า ตนเดินทางไปทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ จ.เชียงใหม่ ตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เพิ่งเดินทางกลับบ้านวันนี้ ช่วงที่ตนไม่อยู่บ้านมีลูกสาวคือ น.ส.อัญชลี วิจิตตปัญญารักษ์ อายุ 47 ปี กับลูกเขย นายมานพ บุญพาไสว อายุ 41 ปี คอยดูแล แต่ช่วงเกิดเหตุลูกสาวกับลูกเขยเดินทางไปต่างประเทศ หลังเดินทางกลับเมืองไทยก็ไปรับตนที่ จ.เชียงใหม่ หลังกลับถึงบ้านเดินไปที่ชั้น 2 สังเกตเห็นลิ้นชักตู้นอกห้องนอนถูกเปลี่ยนแม่กุญแจใหม่ ส่วนแม่กุญแจตัวเก่าไม่รู้ไปไหน ตัดสินใจทุบกุญแจออกพบเงินสดในลิ้นชักที่เก็บไว้ราว 5 แสนบาท พร้อมทองรูปพรรณหนักกว่า 30 บาทหายไป ใกล้กันพบถุงกระดาษใส่เงินของธนาคาร ถุงผ้าใส่ทอง และกระเป๋าใส่ทองถูกทิ้งเอาไว้

เจ้าของบ้านให้การอีกว่า เมื่อเข้าไปในห้องนอนพบลิ้นชักตู้มีรอยการถูกงัดและรอยของมีคมฟัน ส่วนแม่กุญแจถูกเปลี่ยนทั้ง 2 ลูก และล็อกปิดสนิท เมื่องัดเปิดดูพบกล่องใส่เครื่องเพชร ทองวางอยู่ในลักษณะเดิม แต่ทรัพย์สินของมีค่าราคาสูงหายไปทั้งหมด เหลือแต่ของราคาไม่แพง และธนบัตรสะสมบางส่วนที่คนร้ายไม่ได้เอาไป ตรวจสอบพบเงินสดหายไป 1 ล้านบาท แหวนเพชรมูลค่าวงละกว่า 1 ล้านบาท 20 วง รวมราคาประมาณ 20 ล้านบาท ทองคำรูปพรรณกว่า 50 บาท มูลค่าประมาณ 2,100,000 บาท หยก 7 เม็ด รวมมูลค่าประมาณ 1,890,000 บาท สร้อยเพชร 7 เส้น มูลค่าราคาประมาณ 14 ล้านบาท และพระเครื่องเลี่ยมทองจำนวนหนึ่ง รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมดที่ถูกขโมยไปกว่า 40 ล้านบาท

“เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือคนในที่รู้พื้นที่ในบ้านและรู้พฤติกรรมคนในบ้านเป็นอย่างดี มีข้อสังเกตหลายประเด็น เช่น ประตูหลังบ้านที่คนร้ายเข้ามาเป็นประตูเหล็กขนาดใหญ่ ต้องมีวิธีถึงจะเปิดประตูเข้ามาได้ง่าย พิรุธที่ 2 กล้องวงจรปิดแม้ว่าจะเสียมาเป็นปี คนร้ายทั่วไปไม่มีทางรู้ ไม่มีการตัดสายออกหรือปรับเปลี่ยนมุมกล้อง ส่วนเครื่องมือที่ใช้งัดทำลายแม่กุญแจเดิมก็น่าจะเป็นเครื่องมือช่างในบ้านแล้วนำแม่กุญแจใหม่มาใส่แทน และที่สำคัญคนร้ายไม่ได้รื้อค้นหรือสนใจทรัพย์สินอื่น เจาะจง 3 ลิ้นชักที่เก็บทรัพย์สินมีค่าเท่านั้น” นางวิรัลพัชรกล่าว

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่