ตำรวจนครบาลล็อก ด.ต.อดีตสายสืบคันนายาว ร่วมกับพวกตำรวจในราชการและพลเรือนอุ้มรีด 5 นักท่องเที่ยวชาวจีนไปตบทรัพย์โดยจี้จากโรงแรมกลางกรุงขึ้นรถพาไปขู่กรรโชกทรัพย์ในสโมสรตำรวจ ข้างสนามฟุตบอลบุณยะจินดา แฟลต บก.อคฝ.และสนามยิงปืน บช.ศ. กล่าวหาว่ามีเครื่องรูดบัตรผิดกฎหมาย เรียก 4 ล้านบาทแลกอิสรภาพ แต่ผู้เสียหายต่อรองเหลือ 2.5 ล้านบาท ให้เพื่อนที่กัมพูชาโอนเข้าบัญชีดิจิทัลก่อนปล่อยตัว ล่าสุดออกหมายจับแล้ว 5 รายจาก 11 คน จับได้แล้ว 3 ราย คือ ด.ต.อดีตสายสืบหัวโจก และ ส.ต.อ.ประจำศูนย์ผ่านฟ้า กับล่ามเจรจา
รวบอดีตดาบสายสืบตั้งแก๊งอุ้มรีดนักท่องเที่ยวจีน 2.5 ล้านบาท เปิดเผยขึ้นเมื่อช่วงสายวันที่ 3 พ.ค. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริ ปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.ศักยะ แสงวรรณ รอง ผบก. น.1 พ.ต.อ.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ ผกก.สส.2 บก.สส. บช.น. พ.ต.อ.วิชัย สนสกุล ผกก.สส.บก.น.1 พ.ต.อ.ภษิต กะเตื้องงาน ผกก.สน.ดินแดง นำกำลังจับกุม ด.ต.อรรถวุฒิ หรือบอส สุมนรัตนกูล อายุ 52 ปี อดีต ผบ.หมู่ สส.สน.คันนายาว ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันกรรโชกทรัพย์, ร่วมกันแสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและกระทำการเป็น เจ้าพนักงานโดยตนเองมิได้เป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจนั้น, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย” หลังร่วมกับพวกที่ถูกออกหมายจับคดีเดียวกันอีก 2 คน คือนายธีรชัย เฉลิมวันเพ็ญ อายุ 36 ปี และนายนภสินธุ์ นุ่มมาก อายุ 39 ปี ที่ยังหลบหนี หลังร่วมกันก่อเหตุอุ้มนักท่องเที่ยวจีนรีดเงิน 2.5 ล้านบาท จับกุมได้ที่บ้านผู้ต้องหาย่านคู้บอน
หลังจับกุม ชุดสืบสวนคุมตัว ด.ต.อรรถวุฒิ มาสอบปากคำที่ สน.ดินแดง เบื้องต้นทราบว่า ถูกให้ออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.66 ระหว่างคุมตัวมาถึงโรงพัก ด.ต.อรรถวุฒิ สวมหมวกปิดบังใบหน้าและสวมแมสก์ เนื่องจากป่วยเป็นโควิด- 19 ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด.ต.อรรถวุฒิ ได้แต่ตอบปฏิเสธไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะถูกคุมตัวไปสอบสวนต่อในห้องสืบสวน สน.ดินแดง
...
ต่อมาเวลา 16.40 น. วันเดียวกัน พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ได้ประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบรถยนต์เบนซ์ อี 300 สีดำ ทะเบียน 8 กส 7770 กรุงเทพมหานคร ของผู้ต้องหาที่ใช้ก่อเหตุ และชุดสืบสวนตามยึดมาเป็นของกลาง เวลาไล่เลี่ยกัน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส. บช.น. พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.ภษิต กะเตื้องงาน ผกก.สน.ดินแดง พร้อมชุดสืบสวน ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี
หลังประชุมนาน 15 นาที พล.ต.ต.นพศิลป์เผยว่า นายหวัง เซิน อายุ 37 ปี ผู้เสียหายชาวจีนเข้าเมืองไทยเมื่อวันที่ 19 เม.ย. ไปพักที่พัทยาถึงวันที่ 20 เม.ย.จากนั้นวันที่ 21 เม.ย. มาที่กรุงเทพฯ พักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในซอยประชาสงเคราะห์ 2 พื้นที่ สน.ดินแดง ผู้เสียหายมีเพื่อนมาร่วมพักด้วยรวม 5 คน ก่อนเกิดเหตุมารวมตัวกันที่ห้องผู้เสียหายเพื่อที่จะแลกเงินสดใช้จ่าย กลุ่มเพื่อนได้ติดต่อประสานให้คนที่รู้จักเป็นสาวชาวลาวมาพบที่ห้องช่วงเวลา 20.00 น. วันที่ 25 เม.ย.จากนั้นไม่เกิน 8 นาที กลุ่มคนร้ายรวมตัวกันไปที่โรงแรมและพยายามขึ้นไปบนห้องผู้เสียหาย แต่โรงแรมไม่ให้ขึ้นและทำทีเข้าพักโรงแรมเพื่อเปิดห้องพัก
รอง ผบช.น.กล่าวว่า กระทั่งกลุ่มผู้ต้องหาขึ้นมาที่ห้องพักผู้เสียหายได้ 3 คน อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมแสดงบัตรตำรวจให้ผู้เสียหายดู บอกว่าทั้งหมดทำความผิดเกี่ยวกับเครื่องรูดการ์ด ฝ่ายผู้เสียหายตกใจ ถูกชาย 3 คนบังคับขู่เข็ญลงมาด้านล่าง จากกล้องวงจรปิดพบรถยนต์ที่ใช้ในการกระทำผิด 4 คัน นำตัวผู้เสียหายทั้ง 5 คน ออกจากโรงแรมขับไปตามถนนวิภาวดีรังสิต ขณะผู้เสียหายถูกนำตัวขึ้นรถโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว นำตัวมาข้างสนามฟุตบอลบุญยะจินดา บอกว่าเป็นผู้กระทำความผิดต้องจ่ายเงินให้ตำรวจ ผู้เสียหายขอดูบัตรข้าราชการเพราะสงสัยเป็นตำรวจจริงหรือไม่ กลุ่มคนร้ายให้ดูแป๊บเดียวแล้วเก็บเข้ากระเป๋าตอนนั้นผู้เสียหายยังไม่ยินยอม กลุ่มคนร้ายพาไปที่แฟลต บก.คฝ. หนึ่งในกลุ่มคนร้ายได้ขึ้นไปบนแฟลต เอากุญแจมือลงมาบังคับขู่เข็ญ ผู้เสียหายยังไม่หลงเชื่อจึงพาไปจุดสุดท้าย ที่สนามยิงปืน บช.ศ.อ้างจะพาไปคุยกับบอส เมื่อพบกับบอสได้เรียกร้องเงินก้อนแรก 5 ล้านบาทก่อนเจรจาลดเหลือ 3 ล้านบาท ผู้เสียหายติดต่อเพื่อนชาวจีนที่อยู่ในประเทศกัมพูชาโอนเงินดิจิทัลให้แก่บัญชีกลุ่มผู้ต้องหา 65,000 USDT พร้อมเอาเงินสดในตัวผู้เสียหายไปอีก 90,000 บาท จากนั้นถึงได้รับการปล่อยตัว
รอง ผบช.น.กล่าวว่า ทั้งนี้ กลุ่มผู้เสียหายยังรู้สึกระแวงว่าเป็นตำรวจจริงหรือไม่ ช่วงแรกยังไม่มีการแจ้งความ กระทั่งในกลุ่มเพื่อนเริ่มติดต่อคนไทยให้รับมอบอำนาจแจ้งความ กระทั่งวันที่ 29 เม.ย.ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความที่ สน.ดินแดง พนักงานสอบสวนได้สืบหาข้อเท็จจริงพบว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ต่อมาวันที่ 1 พ.ค.เวลา 20.30 น. ผู้เสียหายได้เข้าให้การกับพนักงานสอบสวนและให้ความร่วมมือชี้จุดตั้งแต่โรงแรมจนถึงสนามยิงปืน บช.ศ. ขณะที่เพื่อนชาวจีนอีก 4 คนเดินทางกลับไปก่อน ชุดสืบสวนได้ไล่กล้องวงจรปิดอย่างครบถ้วน จึงรอออกหมายจับ 3 ราย ที่พิสูจน์ตัวตนได้ ขณะนี้จับกุมได้แล้ว 1 รายเมื่อช่วงเช้า เป็นอดีตตำรวจ สน.คันนายาว ลาออกเมื่อวันที่ 1 ม.ค.66 มีประวัติ ถูกจับกุมข้อหาพยายามลักทรัพย์ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าวว่า อดีต ด.ต.รายนี้เป็นหัวหน้าแก๊ง ในกลุ่มผู้ต้องหามีทั้งหมด 11 คน วันนี้ได้ขยายผลขอหมายจับกุมเพิ่มอีก 2 ราย รวมเป็น 5 ราย ใน 2 รายดังกล่าวเป็นตำรวจที่ยังอยู่ในราชการ สังกัด บช.น. ขณะนี้จับกุมไว้ได้ 1 นาย อยู่ระหว่างสอบสวนที่ บก.สส.บช.น. โดยยอมรับว่าเป็นหนึ่งในขบวนการ ส่วนตำรวจที่เหลืออีก 1 ราย ยังอยู่ในราชการ มอบหมายให้ กก.สส.บก.น. 1 ติดตามตัวจับกุม ขณะนี้พยายามเร่งรัดรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหาที่เหลือทั้งหมดต่อไป
พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าวว่า นักธุรกิจชาวจีนผู้เสียหายมีแต่บัตรเครดิตมา แต่ไม่มีเครื่องรูดบัตรได้ติดต่อชาวลาวมาเพื่อจะขอรูดบัตรเพื่อแลกเงินสดไปใช้จ่าย ตำรวจมีข้อสงสัยว่า ชาวลาวเกี่ยวข้องกับคดีด้วยหรือไม่ ในส่วนตัวผู้เสียหายทั้ง 5 คนยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบของ ตม.ว่าเข้ามาในเมืองไทย เมื่อไหร่ อย่างไร มาทำธุรกิจอะไร ทั้งนี้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดยังมีประเด็นข้อสงสัยของตำรวจชุดสืบสวนว่าผู้เสียหายทั้ง 5 คนถูกนำตัวไปทั้งหมดหรือไม่ เพราะพบในกล้องวงจรปิดเพียง 4 คน เป็นจุดที่ชุดสืบสวนต้องคลี่คลาย สำหรับกระเป๋าเงินดิจิทัลวอลเล็ต กลุ่มคนร้ายคาดว่าตำรวจไม่สามารถตรวจสอบหรือยึดเงินคืนได้ ทั้งนี้ได้ประสานกับผู้ให้บริการซื้อขายเงินดิจิทัลเพื่อที่จะอายัดเงินให้ได้ทันทีหลังเกิดเหตุ จากเส้นเงินพบว่าคนร้ายโอนเข้าบัญชีเป็นทอดๆต่อเนื่องกัน ส่วนหนึ่งโอนมาให้ ด.ต.หัวหน้าแก๊ง 700,000 บาท ที่เหลือจะตรวจสอบและขอหลักฐานกับทางธนาคารต่อไป สำหรับตำรวจที่อยู่ในราชการร่วมกระทำความผิด เสนอให้ผู้บังคับ บัญชาสอบสวนวินัยและให้ออกจากราชการไว้ก่อน
...
มีรายงานว่า สำหรับตำรวจที่ถูกออกหมายจับอีก 2 นายร่วมแก๊งอุ้มรีดเงินชาวจีน คือ ส.ต.อ.ภูวเดช เด็กหลี เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์วิทยุผ่านฟ้า และ จ.ส.ต.วีรยุทธ เพชรรัตน์ ผบ.หมู่ จร.สน.พญาไท ชุดสืบสวน บก.สส.บช.น.จับกุม ส.ต.อ.ภูวเดช ได้อยู่ระหว่างสอบปากคำ
ล่าสุดเมื่อเวลา 20.40 น. ชุดสืบสวนติดตามจับกุมนายธีรชัย เฉลิมวันเพ็ญ อายุ 36 ปี ได้เพิ่มอีก 1 ราย โดยทำหน้าที่เป็นล่ามพูดคุยกับกลุ่มชาวจีน เบื้องต้นให้การว่า พูดภาษาจีนได้ทำหน้าที่เจรจาสื่อสารกับกลุ่มชาวจีนได้ค่าจ้าง 15,000 บาท