ทีมทนาย “บิ๊กโจ๊ก” แถลงยืนยันคดีฟอกเงินเว็บพนัน BNK Master อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. ไม่ยืนยัน “บิ๊กโจ๊ก” จะไปพบพนักงานสอบสวนหรือไม่ เตรียมนำรายชื่อตำรวจ 30 คน ที่ยังไม่ถูกดำเนินการใดๆไปมอบให้ ป.ป.ช.-ดีเอสไอ-ผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายกรัฐมนตรี ยกเว้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสอบสวนต่อ ด้านอดีต ผบก.ศฝร.บช.น. ออกมาแฉมีนายพล ต.- ภรรยาและญาติๆเชื่อมโยงเส้นทางการเงินเว็บพนัน ขณะที่ “บิ๊กต่อ” ผบ.ตร. ท้าให้บอกชื่อมาเลย หากพูดลอยๆถือเป็นการด้อยค่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ ซอยสุขุมวิท 22 เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 มี.ค. นายณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ นายวราชันย์ เชื้อบ้านเกาะ ทนายความผู้รับมอบหมายจาก บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ร่วมกันแถลงชี้แจงกรณีศาลอาญา ออกหมายเรียก บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฟอกเงิน หลังพบความเชื่อมโยงกับเว็บพนัน BNK Master มีกำหนดนัดหมายที่ บก.น.2 ในวันที่ 21 มี.ค.
นายณัฐวิชช์เปิดเผยว่า ภายหลังทีมทนายความได้แถลงข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ ยังคงมีความพยายามออกหมายเรียกบิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาอีก ทั้งที่มีหลายเรื่องไม่ตรงกับความจริง ทั้งเรื่องการทำบุญทอดกฐินพระราชทานและการซื้อตั๋วเครื่องบินให้เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. สำหรับประเด็นความเชื่อมโยงทางการเงินของบิ๊กโจ๊กกับเว็บพนัน BNK Master ตรวจสอบพยานหลักฐานและเส้นเงินในบัญชีทั้งหมด 34 บัญชี สอบถามกับบิ๊กโจ๊กพร้อมเอกสารประกอบไม่พบความเชื่อมโยงแต่อย่างใด แต่กลับมีความพยายามนำไปผูกโยงกับคดีเว็บพนันมินนี่ คดีของ สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อให้ไปถึง บิ๊กโจ๊ก แต่เส้นทางการเงินของแอดมินผู้ทำเว็บในคดีมินนี่กลับไปเชื่อมโยงกับบัญชีของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ อดีตรอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ ลูกน้องของบิ๊กโจ๊ก และยังโอนเงินกว่าสิบล้านบาทไปยังผู้ต้องหาในคดีเว็บ BNK Master ของ สน.เตาปูน ดังนั้นคดีนี้จึงเกี่ยวข้องกับคดีมินนี่ ที่อยู่ในอำนาจการสอบสวนของ ป.ป.ช.ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจตรวจสอบ
...
นอกจากนี้วงเงินหมุนเวียนในบัญชีของคดีเว็บ BNK Master รวมกว่า 400-600 ล้านบาท ยังเข้าข่ายความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แต่กลับไม่มีการส่งเรื่องไปให้ คดีนี้มีบัญชีรายชื่อตำรวจรับเงินโอนรวมอยู่ด้วย แต่กลับออกหมายจับเพียงบางคน มีพฤติกรรมปกปิดข้อมูล ทำตัวเหมือนอินทรีเลือกเหยื่อหรือไม่ ที่ผ่านมามีการร้องขอความเป็นธรรมในการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนมาแล้วถึง 3 ครั้ง เพราะเกรงว่าจะทำงานอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่มีการตอบรับกลับมา ทั้งนี้ ทำเรื่องร้องขอไปยัง ป.ป.ช. ในการดำเนินคดีแล้วเช่นกัน
“ส่วนบิ๊กโจ๊กจะไปรายงานตัวตามหมายเรียกหรือไม่นั้น เจ้าตัวยังไม่ได้ตอบรับแต่ทีมทนายอยู่ระหว่างพิจารณาคณะทำงานของคดีนี้มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนทางคดีหรือไม่ แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมี เนื่องจาก ป.ป.ช.ได้รับเรื่องไปแล้ว” นายณัฐวิชช์กล่าว
ขณะที่นายวราชันย์กล่าวว่า สำหรับใบอนุโมทนาบัตรของบิ๊กโจ๊กนั้น ลงวันที่ 29 ต.ค.65 ในวันทอดกฐินพระราชทานที่เจ้าตัวเดินทางไปร่วมทำบุญด้วยตัวเอง พร้อมมอบเงินสดส่วนตัวกับเงินที่ได้รวบรวมมาไปทำบุญให้วัดศาลาปูน ก่อนจะออกใบอนุโมทนาบัตรในวันเดียวกัน ขณะนี้ทีมทนายความอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ที่นำ มาเผยแพร่ข้อมูล เนื่องจากใบอนุโมทนาบัตรดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีม้าแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังมีข่าวบิ๊กโจ๊กนำเงินที่ได้จากเว็บพนันไปซื้อตั๋วเครื่องบินให้กับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ในราคา 13,100 บาท ตรวจสอบแล้ว พบเป็นการซื้อตั๋วเครื่องบินแบบไป-กลับของ พ.ต.ท.คริษฐ์ จำนวน 3 ที่นั่ง เพื่อเดินทางไปกลับระหว่างกรุงเทพฯ-หาดใหญ่ โดยเดินทางไปวันที่ 11 มี.ค.65 กลับวันที่ 13 มี.ค.65 มีหลักฐานการสนทนาซื้อตั๋วกับตัวแทนผ่านทางไลน์ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.แต่อย่างใด
“ทีมทนายความเตรียมนำหลักฐานซึ่งเป็นข้อมูลทางการเงินทั้งหมดของผู้เกี่ยวข้องในคดีนี้อีก 30 คน จากทั้งหมด 34 คน เป็นรายชื่อตำรวจตั้งแต่ชั้นประทวนยศ ด.ต.ถึงนายพล ที่ยังไม่ถูกออกหมายเรียกหรือหมายจับ ส่งมอบให้กับ ป.ป.ช. ดีเอสไอ ผู้ตรวจการแผ่นดิน และนายกรัฐมนตรี ยกเว้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากมองว่าไม่มีความชอบธรรม เพื่อให้หน่วยงานดังกล่าวดำเนินการสอบสวนต่อไป” นายวราชันย์กล่าว
จากนั้นเวลา 11.45.น. พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ อดีต ผบก.ศฝร.บช.น.เผยว่า ในฐานะผู้ต้องหาของคดีมินนี่ ชี้แจงถึงความเชื่อมโยงในเส้นทางการเงินของแอดมินเว็บ BNK Master ซึ่งพบว่า เส้นการเงิน 1 เส้นพบความเชื่อมโยงไปยังบัญชีของนายพล “ต.” ภรรยา “ก.” พี่สาว “จ.” พี่ชาย “ช.” ส่วนเหตุที่ตนตกเป็นผู้ต้องหา สืบเนื่องมาจากการที่ตนได้เข้าไปทำสำนวนคดีเป้รักผู้การใน จ.ชลบุรี เรียกเงินเว็บพนันกว่า 100 ล้านบาท การสืบสวนในครั้งนั้นพบว่า มี พ.ต.อ.“ด.” มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำผิดกฎหมายและยังมีธุรกรรมทางการเงินไปยังบุคคลอื่นอีกหลายราย โดยจำนวนหนึ่งพบเป็นตำรวจหญิง 2 นาย ที่มีความสัมพันธ์กับตำรวจระดับสูง รวมถึงการทำคดีกำนันนก สาเหตุที่ออกมาพูดครั้งนี้ ถือเป็นจังหวะและโอกาส ตอนนี้ไม่กังวลแม้จะเกิดอะไรขึ้นก็พร้อมน้อมรับ ส่วนประเด็น พ.ต.ท.คริษฐ์ใช้บัญชีม้าทำธุรกรรมการเงินนั้น หากเป็นบัญชีม้าจริงก็ต้องถอนเงินสดออกหมดไม่ให้เห็นเส้นทาง แต่กรณีนี้มีเส้นทางการเงินให้เห็นทั้งหมด
“ส่วนประเด็นการแจ้งความดำเนินคดีกับ ผบ.ตร.ถือเป็นการใช้สิทธิ เพราะผมรับเงินโอนจาก พ.ต.ท.คริษฐ์เพียง 9 ครั้งก็ตกเป็นผู้ต้องหา แต่ในคดียังมีตำรวจบางนายที่รับโอนเงินมากกว่าผม แต่เหตุใดจึงไม่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีนี้ด้วย” พล.ต.ต.นำเกียรติกล่าว
...

อีกด้าน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีทีมทนายความของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ออกมาระบุมีเส้นเงินเชื่อมโยงตำรวจระดับสูงและเครือญาติในสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า ข้อมูลดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเส้นทางการเงินเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ตรวจสอบได้ กรณีที่ทีมทนายความของบิ๊กโจ๊ก และ พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ อดีต ผบก.ศฝร.บช.น. อ้างชื่อตัวย่อบุคคลนั้น อยากให้ออกมาเปิดเผยชื่อเลย เตรียมให้พนักงานสอบสวนเชิญตัวมาเพื่อตรวจสอบการกล่าวอ้างชื่อย่อตัวบุคคลต่างๆ ว่ามีจริงหรือไม่
“กรณีนี้ต้องตรวจสอบมีการดำเนินการแบบนั้นจริงหรือไม่ รวมทั้งการกล่าวอ้างเว็บพนันรู้จักกับนายตำรวจหญิง 2 นาย มีความสัมพันธ์กับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หากมีข้อมูลจริงก็ขอให้ออกมายืนยัน รวมทั้งการกล่าวอ้างว่ามีการจ่ายเงินให้กับนายพล ต. และเครือญาติ ต้องตรวจสอบเช่นกัน หากมีข้อมูลขอให้เปิดออกมาเลย เพราะหากเป็นการพูดลอยๆแบบนี้จะถือเป็นการด้อยค่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กล่าว
...
วันเดียวกัน ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล นายณัฐวิชช์ เนติจารุโรจน์ ทนายความของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. เดินทางไปยื่นหนังสือถึงนายกฯผ่านนายพันศักดิ์ เจริญ ผู้เชี่ยวชาญด้านมวลชน สำนักงานปลัดสำนักนายก รัฐมนตรี (สปน.) ขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ว่า ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือไม่ พร้อมขอให้แต่งตั้งผู้ทําหน้าที่ตรวจสอบจากบุคคลภายนอกที่เป็นกลางด้วย