จนมุมแล้ว รปภ.โหดฆ่าเศรษฐินีเจ้าของสวนทุเรียนเปลือยศพโยนสระน้ำ ชุดสืบสวนตามแกะรอยจากภาพวงจรปิดรถกระบะต้องสงสัย ก่อนบุกตะครุบได้ขณะหนีไปกบดานที่บ้าน สารภาพอ้างขอยืมเงินผู้ตาย 1 แสนบาท ไม่ยอมให้ ยัวะบีบคอหมดสติคารถชิงทองหนัก 3 บาท ก่อนใช้เชือกกางเกงมัดมือไพล่หลัง จัดการถอดเสื้อผ้านำศพไปทิ้งน้ำอำพราง ตำรวจแจ้ง 3 ข้อหาหนัก ขณะถูกคุมตัวไปฝากขังลูกชายผู้ตายปรี่เข้าไปชกหน้าด้วยความแค้น

จากคดีฆาตกรรมอำมหิตนางฉวีวรรณ ใจช่วย หรือป้าอี๊ด อายุ 60 ปี เศรษฐินีเจ้าของสวนทุเรียน อยู่บ้านเลขที่ 209 หมู่ 10 ต.กองดิน อ.แกลง จ.ระยอง ถูกฆาตกรโหดฆ่าเปลือยโยนศพทิ้งสระน้ำภายในสวนทุเรียน ริมถนนไร่อ้อย-เขายายพริ้ง หมู่ 4 ต.กองดิน อ.แกลง สภาพถูกมัดมือไพล่หลัง มีกางเกงพันรอบศีรษะและถุงพลาสติกครอบ หลังเกิดเหตุตำรวจเรียกสอบลูกชายและคนใกล้ชิดพุ่งเป้าไปที่นายเจริญหรือแดง งอยภูธร อายุ 55 ปี รปภ.ธ.ก.ส.สาขาจันทบุรี ที่สนิทสนมกับผู้ตาย มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพรถกระบะฟอร์ดสี่ประตู ของนายเจริญขนกล่องพลาสติกลักษณะคล้ายกับที่ครอบหัวป้าอี๊ด ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างนำตัวมาสอบสวนคลี่ปมมรณะ

ในที่สุดตำรวจได้ตัว รปภ.ทมิฬสารภาพลงมือฆ่าโหดเศรษฐินีเจ้าของสวนทุเรียนนำศพไปทิ้งน้ำอำพราง โดยเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 9 มี.ค. พ.ต.อ.วราวุธ เจริญชนม์ รอง ผบก.สส.ภ.2 นำกำลังชุดคลี่คลายคดีจากทีมสืบสวนภาค 2 ภ.จ.ระยอง และตำรวจ สภ.ปากน้ำประแสร์ อ.แกลง ท้องที่เกิดเหตุ นำหมายจับศาลจังหวัดระยองไปจับกุมนายเจริญ งอยภูธร ได้ที่บ้านเลขที่ 12 ถนนสฤษดิเดช ต.วังใหม่ อ.เมืองจันทบุรี เมื่อไปถึงพบผู้ต้องหานอนอยู่ในบ้านยินยอมให้ควบคุมตัวโดยดี ไม่ได้ต่อสู้หรือขัดขืนใดๆ เจ้าหน้าที่ตรวจยึดรถกระบะฟอร์ดสี่ประตู สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 3ขญ6905 กรุงเทพมหานคร ของนายเจริญ เป็นคันเดียวกับรถกระบะต้องสงสัยที่ขับเข้าออกจุดพบศพ เมื่อวันที่5มี.ค.

...

จากนั้นคุมตัวนายเจริญไปลงบันทึกการจับกุมที่ สภ.เมืองจันทบุรี ก่อนนำกลับมาสอบปากคำที่ สภ.ปากน้ำประแสร์ ระหว่างถูกคุมตัวผู้ต้องหามีสีหน้าเรียบเฉย ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนฆ่านางฉวีวรรณอ้างว่ารู้จักผู้ตายเมื่อครั้งไปใช้บริการที่ธนาคาร ธ.ก.ส.สาขาที่ตนทำงานอยู่ ที่ผ่านมาเคยไปรับผู้ตายไปส่งธนาคารหลายครั้ง ก่อนเกิดเหตุช่วงเช้าวันที่ 5 มี.ค. ขับรถกระบะไปรับผู้ตายที่บ้านและพาไปธนาคารเหมือนที่ผ่านมา ระหว่างนั้นได้ขอยืมเงินนางฉวีวรรณ

จำนวนหนึ่ง แต่ผู้ตายไม่ให้ เกิดบันดาลโทสะใช้มือบีบคอจนแน่นิ่ง แล้วใช้เชือกมัดมือไพล่หลัง ชิงสร้อยคอทองคำ 1เส้น กับโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง กระทั่งพบว่านางฉวีวรรณสิ้นใจแล้ว รอให้ค่ำมืดจึงนำศพไปทิ้งสระน้ำเพื่ออำพรางคดี เสร็จแล้วขับรถกลับบ้าน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาเคยเป็นทหารผ่านศึกและเคยต้องคดียาเสพติดมาก่อน

ช่วงสายวันรุ่งขึ้นพนักงานสอบสวนสอบปากคำนายเจริญ ผู้ต้องหา อย่างละเอียดอีกครั้ง พ.ต.อ.พิมุข นาคขำพันธ์ ผกก.สภ.ปากน้ำประแสร์ เปิดเผยภายหลังว่า จากการสอบสวนนายเจริญยอมรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุคนเดียวด้วยการบีบคอแล้วมัดมือไพล่หลัง ก่อนนำศพไปทิ้งสระน้ำ ส่วนสาเหตุแรงจูงใจในการฆ่ามาจากเรื่องขอยืมเงินผู้ตาย 1 แสนบาทเพื่อจะนำไปไถ่ถอนที่ดิน ที่ผ่านมาเคยเอ่ยปากขอยืมมาแล้ว 1 ครั้ง แต่ป้าอี๊ดไม่ยอมให้ วันเกิดเหตุได้ขอยืมเงินอีกครั้ง ป้าอี๊ดยังยืนกรานไม่ให้เหมือนเดิม ทำให้โมโหบีบคอในรถนานประมาณ 10 นาทีจนหมดสติ ก่อนใช้เชือกกางเกงที่ผู้ตายสวมใส่มัดมือไพล่หลังเอาศพนอนในรถไปทิ้งน้ำ แต่ก่อนโยนศพผู้ต้องหาอ้างว่าได้ถอดเสื้อผ้าผู้ตายออกเพื่ออำพรางไม่ให้ใครจำเสื้อผ้าของผู้ตายได้ หลังสอบปากคำตำรวจแจ้ง 3 ข้อหาคือ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.ซ่อนเร้นอำพรางศพ และ 3.ลักทรัพย์ เบื้องต้นผู้ต้องหาไม่ประสงค์จะทำแผนประกอบคำรับสารภาพ แต่ต้องการขอขมาศพผู้ตาย เสร็จแล้วจะนำไปฝากขังศาลต่อไป

ต่อมาตำรวจพานายพรชัย ใจช่วย อายุ 26ปี ลูกชายคนสุดท้องของป้าอี๊ดนำรูปผู้ตายมาให้นายเจริญขอขมาในห้องสอบสวน โดยให้นายพรชัยนั่งถือรูปแม่อยู่บนโซฟาและให้ผู้ต้องหานั่งคุกเข่าถือธูป 1 ดอกต่อหน้า ปรากฏว่าขณะนายเจริญพนมมือกล่าวคำขอขมา นายพรชัยระงับอารมณ์โกรธไม่ไหวยกแผ่นกระดาษรูปแม่ขว้างใส่หน้าผู้ตายพร้อมลุกขึ้นพุ่งจะเข้าทำร้าย ตำรวจรีบเข้าไปห้ามพาผู้ต้องหาออกจากห้องทันที นายพรชัยเผยว่า ไม่มีวันอโหสิกรรมให้กับผู้ต้องหาที่มีพฤติกรรมสุดโหดเหี้ยม จริงๆแล้วไม่อยากให้ติดคุก เพราะจะสบายเกินไป ไม่สาสมกับการกระทำที่ตัวเองก่อขึ้น แค่แม่ไม่ให้ยืมเงิน 100,000 บาท ถึงกับต้องมาฆ่ากันแบบนี้

หลังขอขมาเสร็จเจ้าหน้าที่คุมตัวนายเจริญไปฝากขังที่ศาลจังหวัดระยอง จังหวะจะนำตัวขึ้นรถยนต์ นายพรชัยลูกชายผู้ตายปรี่เข้าไปพยายามจะชกหน้าผู้ต้องหาจนเกิดเหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายเล็กน้อย ขณะที่นายศราวุฒิ ใจช่วย อายุ 39 ปี ลูกชายคนที่3 ของผู้ตาย กล่าวว่า ตนและพี่น้องต่างพุ่งเป้าไปที่นายเจริญเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด เพราะมีคนเห็นไปกับแม่ก่อนหายตัวไป แต่ที่ไม่พูดกับนักข่าวตอนนั้น เพราะเสียใจและเครียดที่ตำรวจและสังคมพุ่งเป้าไปที่น้องชาย จึงไม่อยากพูดอะไร ทรัพย์สินของแม่ที่หายไปมีสร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือ และแหวนทอง น้ำหนักรวม 3 บาท สำหรับผู้ต้องหามาสนิทกับผู้ตายตอนแม่ไปธนาคาร นายเจริญจะมาช่วยเหลือตลอด ทำให้แม่ไว้ใจไม่คิดว่าจะโหดร้ายถึงเพียงนี้ ครอบครัวไม่ขออโหสิกรรมให้เด็ดขาด

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่