ตำรวจไซเบอร์รวบ 2 ผู้ต้องหาตุ๋นจองที่พัก รายแรก หนุ่มหัวใสอาศัยเป็นอดีตนายหน้ารับจองที่พักเปิดเพจพูลวิลล่าปลอมหลายบัญชีหลอกลูกค้าโอนเงินค่ามัดจำ มีผู้เสียหายหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อกว่า 40 ราย สูญเงินเฉียด 8 แสน สอบประวัติมีหมายจับติดตัวถึง 4 หมาย อีกรายหนุ่มวัย 20 ปลอมเพจโรงแรมดังจนมีผู้ติดตามกว่า 20,000 ราย แถมลงทุนซื้อพื้นที่โฆษณาในเฟซบุ๊กเพื่อสร้างความมั่นใจ มีคนหลงกลมาติดกับจองที่พักถึง 117 ราย เสียหายกว่า 6 แสน
ตำรวจทลาย 2 เครือข่ายปลอมเพจโรงแรมตุ๋นจองที่พัก เปิดเผยเมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 2 ก.พ. ที่ห้องประชุมชั้น 4 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. ร่วมกับ พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอง ผบช.ทท. พล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผบก.สอท.3 พล.ต.ต.จิตติพนธ์ ผลพฤกษา ผบก.สอท.4 พ.ต.อ.สรกฤช พันธ์ศรี ผกก.3 บก.สอท.3 พ.ต.อ.อดิชาต อมรประดิษฐ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.3 เจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวแห่ง ประเทศไทยและกรมการท่องเที่ยวและสมาคมโรงแรมไทยร่วมแถลงผลปฏิบัติการ “BOOKING GONE” ทลาย 2 เครือข่ายมิจฉาชีพเปิดเพจโรงแรมปลอม หลอกเหยื่อจองห้องพัก ยึดเงินสดกว่า 6 แสนบาท
พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์รับร้องเรียนจากผู้เสียหาย หลายรายกรณีโอนเงินจองที่พักผ่านเพจเฟซบุ๊กของโรงแรมแล้วไม่สามารถติดต่อและเข้าพักตามที่จองได้ มิจฉาชีพมักปลอมเฟซบุ๊กอ้างชื่อโรงแรมและรีสอร์ตชื่อดังที่ตั้งอยู่ในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว มีการตั้งชื่อให้คล้ายกับที่พักของจริง รวมทั้งมีการโพสต์ภาพของสถานที่จริงเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ จากการตรวจสอบพบว่าช่วงปลายปี 66 และต้นปีที่เป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) มีเฟซบุ๊กแฟนเพจที่พักปลอมลักษณะนี้จำนวนมาก
...
ต่อมาชุดสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับกุมผู้กระทำผิดได้ 2 เครือข่าย รายแรกนายสุนทร ศิริสมบูรณ์ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65/25 หมู่ 5 ต.รัษฎา อ.เมืองภูเก็ต ผู้ต้องหารายนี้เป็นอดีตนายหน้ารับจองที่พัก ก่อนผันตัวมาเป็น เจ้าของเฟชบุ๊กแฟนเพจที่พักประเภท Pool Villa ของปลอมหลายบัญชี ถูกชุดสืบสวนจับกุมได้หน้าห้องเช่าในพื้นที่หมู่ 9 ต.ทุ่งยาว อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ จากฐานข้อมูลของ “เช็กก่อน.com” พบว่าผู้ต้องหารายนี้มีผู้ร้องเรียนทั่วประเทศกว่า 40 ราย สร้างความเสียหายรวมเกือบ 800,000 บาท นอกจากนี้ยังพบอีกว่าผู้ต้องหารายนี้มีหมายจับถึง 4 หมาย ประกอบด้วยศาลจังหวัดธัญบุรี ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ศาลจังหวัดสิงห์บุรี และศาลจังหวัดสมุทรสาคร
จากการสอบสวนทราบว่า นายสุนทรใช้วิธีสร้างเพจที่พักประเภท Pool Villa หลายเพจ โดยใช้ชื่อแตกต่างกันไป แต่จะเลี่ยงการใช้ชื่อโรงแรมจริง จากนั้นจะโพสต์ภาพสถานที่จริงที่โหลดมาจากแพลตฟอร์มออนไลน์ของโรงแรมต่างๆ เน้นห้องพักที่มีวิวน่าดึงดูดใจเพื่อให้เหยื่อสนใจ จากนั้นจะแปะช่องทางการติดต่อไว้ที่หน้าเพจ ทั้งเบอร์โทรและบัญชีไลน์ที่สามารถติดต่อได้จริงทุกช่องทาง เมื่อเหยื่อต้องการจองห้องพัก นายสุนทรใช้วิธีให้เหยื่อโอนเงินมัดจำเพียงครึ่งเดียวเพื่อสร้างความไว้ใจ แล้วส่งพิกัดของที่พัก รวมถึงข้อมูลห้องพักต่างๆให้เสมือนห้องพักมีอยู่จริง เหยื่อสามารถติดต่อกับนายสุนทรได้จนกว่าเหยื่อไปถึงสถานที่จริงแล้วไม่ได้เข้าพัก หรือจนกว่าเหยื่อจะรู้ตัวจึงบล็อกการติดต่อ
“จากการสืบสวนพบว่า นายสุนทรยังหลอกผู้อื่นมาเป็นบัญชีม้าด้วยการโพส์ต์รับสมัครงานในกลุ่มเฟซบุ๊กหางานในตำแหน่งแอดมินเพจเฟซบุ๊ก ทำหน้าที่ประสานงานและรับจองห้องพัก นายสุนทรหลอกผู้สมัครว่าต้องใช้บัญชีธนาคารของผู้สมัครงานเป็นช่องทางการรับเงินค่าจองห้องพัก ขณะที่ผู้สมัครงานก็ไม่ทราบว่าโรงแรมที่ตนรับจองให้เหยื่อไม่มีอยู่จริง สุดท้ายผู้สมัครงานกลายเป็นบัญชีม้าโดยไม่รู้ตัว” รอง ผบช.สอท.กล่าว
ส่วนเครือข่ายที่สองจับกุมนายบุริณ อินทะปัญญา อายุ 20 ปี อยู่บ้านเลขที่ 292 หมู่ 11 ต.แม่สาย อ.แม่สาย จ.เชียงราย ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงขอนแก่น ที่ จ.316/2566 ลงวันที่ 14 ก.ย.2566 ผู้ทำหน้าที่กดเงินพร้อมของกลางเงินสด 691,000 บาทและเครือข่ายบัญชีม้าของเพจโรงแรม MYS Khaoyai ของปลอม มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 117 คดี สร้างความเสียหายรวมกว่า 601,219 บาท โดยจับได้ที่ห้องพักในพื้นที่ ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย หลังจากกดเงินจากตู้เอทีเอ็มเพื่อเตรียมส่งข้ามชายแดน และยังจับเครือข่ายบัญชีม้าในพื้นที่ จ.ระยอง อีกหลายราย สำหรับเพจปลอมโรงแรม MYS Khaoyai ดังกล่าวมีผู้ติดตามกว่า 20,000 ราย มิจฉาชีพได้ดาวน์โหลดวิดีโอคลิปและภาพจากเพจโรงแรมของจริงแล้วนำมาอัปโหลดลงเพจปลอมที่สร้างขึ้น พร้อมซื้อพื้นที่โฆษณาในเฟซบุ๊กเพื่อเพิ่มการเข้าถึงของประชาชน คนร้ายจะเสนอโปรโมชันที่ทำให้จ่ายถูกกว่าปกติ เมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินจองที่พักให้แล้วก็จะไม่สามารถติดต่อกับเพจโรงแรมปลอมดังกล่าวได้อีกต่อไป
พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์กล่าวด้วยว่า หลังสอบปากคำเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 2 รายในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยการแสดงตนเป็นคนอื่น, นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน,สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน”
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่