ศาลอุทธรณ์ลงทัณฑ์ “ส.ต.ต.นรวิชญ์” ผู้ต้องหาขี่รถ จยย.ชน “หมอกระต่าย” เสียชีวิตคาทางม้าลายบนถนนพญาไท หนักขึ้น พิพากษาแก้ศาลชั้นต้นที่ตัดสินจำคุก 1 ปี 15 วันไม่รอลงอาญา เป็นจำคุก 5 ปี 1 เดือน ไม่รอลงอาญา เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ควรต้องเคารพกฎหมาย กลับทำผิดกฎหมายหลายบทซะเอง แถมหลังยื่น 3 แสนบาท ขอปล่อยตัวชั่วคราวสู้คดี ชั้นฎีกา ศาลมีความเห็นให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาคำร้อง ส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไปก่อน

ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 16 ม.ค. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีหมายเลขดำ อ.399/2565 อัยการคดีอาญา 3 และ นพ.อนิรุทธ์ สุภวัตรจริยากุล นางรัชนี สุภวัตรจริยากุล บิดามารดาหมอกระต่าย เข้าร่วมเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก อายุ 21 ปี ผบ.หมู่ กองร้อย 2 กองกำกับการ 1 กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน (กก.1 บก.อคฝ.) เป็นจำเลยความผิดฐานขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว อันอาจเกิดอันตรายต่อบุคคลหรือทรัพย์สิน กระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย นำรถที่มิได้ติดแผ่นป้ายทะเบียนมาใช้ในทางเดินรถ ฝ่าฝืนใช้รถที่ไม่ได้เสียภาษีประจำปี ใช้รถที่ไม่ได้จัดให้มีการประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัย นำรถไม่สมบูรณ์มาขับและไม่ติดกระจกมองข้าง ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย ขับรถ จยย.เร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น และขับรถโดยไม่ปฏิบัติตามเครื่องหมายบนพื้นทาง

อัยการฟ้องว่า เมื่อวันที่ 21 ม.ค.2565 เวลากลางวัน ส.ต.ต.นรวิชญ์ จำเลย ขี่จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ยี่ห้อดูคาติ รุ่นมอนสเตอร์ ทะเบียน 1 กผ 9942 เชียงราย ชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือหมอกระต่าย จักษุแพทย์ รพ.ราชวิถี ขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลายหน้า รพ.สถาบันไตภูมิราชนครินทร์ ถนนพญาไท แขวงและเขตราชเทวี เป็นเขตชุมชนด้วยความเร็ว 108-128 กม.เกินกว่ากฎหมายกำหนด 80 กม.ต่อชั่วโมง จน พญ.วราลัคน์ถึงแก่ความตาย ขอให้ศาลมีคำสั่งริบรถจักรยานยนต์ของกลาง และมีคำขอให้ศาลเพิกถอน หรือพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ของผู้ต้องหาด้วย

...

คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 25 เม.ย.2565 พิพากษาว่า ส.ต.ต.นรวิชญ์ จำเลย กระทำผิดตามฟ้องคงจำคุกรวม 1 ปี 15 วัน ไม่รอลงอาญา จำเลยได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ต่อมาโจทก์และโจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลกำหนดโทษหนักขึ้น จำเลยยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลรอการลงโทษ วันนี้จำเลยเดินทางมาศาล

ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์ว่า ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่น จำคุก 1 เดือน ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 15 วัน และลงโทษฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายจำคุก 2 ปี ลดโทษกึ่งหนึ่งคงจำคุก 1 ปี และไม่ปรับจำเลยข้อหานี้ โดยไม่รอการลงโทษ จำคุกให้แก่จำเลยนั้นเหมาะสมหรือไม่ เห็นว่าพฤติการณ์กระทำความผิดของจำเลยเป็นเรื่องร้ายแรง เนื่องจากขณะกระทำความผิดจำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยประชาชนและบังคับใช้กฎหมาย ควรต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

แต่จำเลยไม่เคารพยำเกรงกฎหมาย กระทำผิดกฎหมายเสียเอง ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตประชาชน และมีพฤติกรรมฝ่าฝืนกฎหมายขี่รถจักรยานยนต์ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน เมื่อกระทำผิดแล้วหลบหนีทำให้การติดตามตัวยากมากขึ้น จำเลยขี่รถ จยย.โดยไม่เสียภาษีประจำปี ไม่ได้ทำประกันความเสียหายสำหรับผู้ประสบภัยจากรถซึ่งกฎหมายบังคับให้ทำ เมื่อเกิดเหตุผู้ตายไม่ได้รับเยียวยาหรือสินไหมทดแทนเบื้องต้น จำเลยขี่รถโดยไม่มีกระจกมองข้างและขี่ด้วยความเร็วสูงถึง 108-128 กม.ต่อชั่วโมง อีกทั้งปรากฏทางม้าลายสำหรับคนเดินข้ามหน้าโรงพยาบาล ควรต้องลดความเร็ว แต่จำเลยกลับเร่งความเร็วแซงรถอื่น ทำให้รถชนผู้ตายตรงทางม้าลาย

พฤติการณ์จำเลยกระทำความผิดกฎหมายหลายประการ แสดงให้เห็นว่า จำเลยเข้าใจว่าการเป็นเจ้าพนักงานตำรวจไม่จำต้องกระทำให้ถูกต้องตามกฎหมายก็ได้ หน้าที่กระทำตามกฎหมายเป็นของประชาชนธรรมดาทั่วไป การกระทำของจำเลยยังทำให้ประชาชนทั่วไปหลงผิดเข้าใจว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมิได้ใส่ใจอบรมบุคลากรของตนให้คำนึงถึงหน้าที่ และความรับผิดชอบในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด

เห็นว่าโทษที่ศาลชั้นต้นลงแก่จำเลยมานั้นเบาเกินไป ไม่เหมาะสมและไม่ได้สัดส่วนกับความร้ายแรงการกระทำความผิดและอัตราโทษที่กำหนดโดยกฎหมาย มิฉะนั้นคงไม่มีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดในฐานนี้ที่ร้ายแรงยิ่งกว่านี้ที่จะลงโทษหนักกว่านี้ได้ สมควรลงโทษจำเลยหนักกว่าศาลชั้นต้น ไม่รอการกำหนดโทษและรอการลงโทษจำคุกจำเลย เพื่อไม่เป็นเยี่ยงอย่างทำให้สังคมมีความสงบและมั่นใจความปลอดภัยการข้ามถนนบริเวณทางม้าลายสำหรับความผิดฐานขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนผู้อื่น อุทธรณ์ของโจทก์และโจทก์ร่วมฟังขึ้นบางส่วน อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่นจำคุก 2 เดือน ความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายจำคุก 10 ปี ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งฐานขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้อื่นคงจำคุก 1 เดือน ฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายคงจำคุก 5 ปี เมื่อรวมกับโทษปรับในความผิดฐานอื่นตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้ว คงจำคุก 5 ปี 2 เดือน และปรับ 4 พันบาท นอกจากนี้แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ต่อมา ส.ต.ต.นรวิชญ์ บัวดก จำเลย ยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ยื่นเงินสด 3 แสนบาท เป็นหลักทรัพย์ ศาลพิจารณาแล้วมีความเห็นส่งคำขอให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาการปล่อยตัวชั่วคราว เบื้องต้นส่งตัวเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่