โผล่อีกจีนอุ้มจีนรีดเงิน คราวนี้เหยื่อเป็นสาวนักท่องเที่ยววัย 25 ปี เจอหนุ่มชาติเดียวกันในงานสงกรานต์สถานบันเทิงย่านวังทองหลางก่อนใช้แอปพลิเคชันสานต่อสัมพันธ์ เหยื่อสาวหลงกลให้ไปเพราะเห็นว่าอัธยาศัยดี ก่อนคนร้ายจะวางแผนเช่าห้องหรูชั้น 35 คอนโดมิเนียมย่านพระราม 9 ลวงเหยื่อให้มาหากลางดึก จากนั้นร่วมกับเพื่อนอีกคนที่รออยู่แล้วจับมัดมือมัดเท้า ถอดเสื้อผ้าบังคับให้โอนเงินหยวนคิดเป็นเงินไทย 4.2 แสนบาท ก่อนทั้งคู่บินหนีไปกัมพูชาในเช้าวันรุ่งขึ้น ส่วนเหยื่อสาวใช้เวลาช่วยเหลือตัวเองอีก 1 วันถึงแก้มัดได้แล้วมาแจ้งความตำรวจ
เหตุจีนอุ้มจีนรีดเงินรายล่าสุด เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 22 เม.ย. ที่ สน.ห้วยขวาง พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ร่วมกันแถลงกรณีมีเหตุคนร้ายชาวจีนร่วมกันอุ้มรีดทรัพย์เหยื่อหญิงชาวจีนเหตุเกิดในท้องที่ สน.ห้วยขวาง พล.ต.ต.นพศิลป์เผยว่า เมื่อเย็นวันที่ 19 เม.ย. รับแจ้งจาก พ.ต.อ.สุกฤต มังคละสวัสดิ์ ผกก.สน.ห้วยขวาง มีหญิงชาวจีนถูกจับตัวไปรีดทรัพย์ หลังก่อเหตุคนร้ายหลบหนี ผู้เสียหายปลอดภัยและเข้าแจ้งความที่ สน.ห้วยขวาง จากนั้นชุดสืบสวนนำโดย พล.ต.ต.ธีรเดช และ กก.สส.บก.น. 1 ร่วมกันนำ น.ส.หลิน (นามสมมติ) อายุ 25 ปี ผู้เสียหายไปชี้ที่เกิดเหตุที่ถูกจับตัวไปขัง เป็นห้องหรูบนชั้น 35 คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งย่านถนนพระราม 9
น.ส.หลินให้การว่าเมื่อวันที่ 13 เม.ย. ได้ไปเที่ยวสงกรานต์ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านวังทองหลาง พบคนร้ายเป็นชายชาวจีนทราบชื่อนายจาง จี้ หลิง รูปร่างผอม มีอัธยาศัยดี ได้พูดคุยและแลกเปลี่ยนการสื่อสารผ่าน Application telegram กระทั่งค่ำวันที่ 17 เม.ย. ได้ติดต่อกันทางแอปพลิเคชันดังกล่าว ฝ่ายชายชักชวนให้มาเที่ยวที่ห้องพักที่คอนโดมิเนียม แห่งนี้ น.ส.หลินเดินทางมาถึงเวลาประมาณ 5ทุ่ม คนร้ายซื้อสุราและน้ำดื่มก่อนพาขึ้นลิฟต์ไปที่ห้องชั้น 35 แต่เมื่อเข้าไปในห้องพบชายชาวจีนอีก 1 คน รูปร่างอ้วน ทราบชื่อต่อมาว่า นายซู เหว่ย ก่อนคนร้ายทั้งคู่จะใช้มีดขู่ ทำร้ายร่างกาย จับถอดเสื้อผ้า มัดมือ มัดเท้าด้วยเชือกและเทปใส บังคับให้โอนเงินหยวนผ่านแอปพลิเคชัน เอ็มแชท คิดเป็นเงินไทย 427,500 บาท และนำโทรศัพท์ iPhone 14 จำนวน 1 เครื่องของผู้เสียหายไป และลงลิฟต์ขึ้นรถ จยย. Zoomer X ออกไป ขณะที่ น.ส.หลินแก้มัดเชือกช่วยเหลือตัวเองออกจากห้องพักได้ในวันที่ 18 เม.ย. เข้าแจ้งความกับตำรวจ สน.ห้วยขวาง ในวันรุ่งขึ้น
...
พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด นายจาง จี้ หลิง ได้ขึ้นแท็กซี่ไปสนามบินสุวรรณภูมิ เดินทางไปประเทศกัมพูชา เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 เม.ย.66 ส่วนนายซู เหว่ย ขี่รถ จยย.ไปยังบ้านพักแห่งหนึ่งในซอยสุทธิสาร ฝ่ายสืบสวนพิสูจน์ทราบ พบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีชายชาวจีนเป็นเจ้าของ ได้ตรวจยึดรถ จยย. และสอบถามข้อมูลโดยยอมรับว่า เป็นเพื่อนกับนายซู เหว่ย จากการตรวจค้นพบเสื้อลายการ์ตูน เสื้อฮู้ดที่นายซูเหว่ย ใส่ในวันก่อเหตุ พร้อมสำเนาพาสปอร์ต เมื่อชุดสืบสวนให้ น.ส.หลิน ผู้เสียหายดู ยืนยันเป็นผู้ก่อเหตุร่วมกับนายจาง จี้ หลิง อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดหาเบาะแสการหลบหนี พบว่านายซู เหว่ย ได้เดินทางไปประเทศกัมพูชา เที่ยวบินเดียวกันกับนายจาง จี้หลิง เมื่อเช้าวันที่ 18 เม.ย.ด้วย
รอง ผบช.น.กล่าวต่อว่า สำหรับห้องชั้น 35 คอนโดมิเนียมที่เกิดเหตุ พบว่านายจาง จี้ หลิง เป็นคนทำสัญญาเช่าห้องเมื่อวันที่ 16-19 เม.ย. ตรวจสอบพาสปอร์ตไม่พบการเดินทางเข้าออกประเทศ แต่พบว่านายจาง จี้ หลิง ใช้พาสปอร์ตอีก 1 เล่ม ใช้ชื่อนายถัง ซี่ เหว่ย ออกจากประเทศแทน ฝ่ายสืบสวนรวบรวมหลักฐานประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อขอออกหมายแดง ติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองต่อไป
พล.ต.ต.นพศิลป์กล่าวว่า สำหรับการก่อเหตุของคนร้ายทั้งสองคนน่าเชื่อว่า เป็นการวางแผนมาก่อนหว่านแหหาผู้เสียหาย เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุเป็นที่จัดงานสงกรานต์ จากนั้นสานสัมพันธ์คุยกันผ่าน Application telegram นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่าผู้เสียหายถูกทำร้ายร่างกายมีบาดแผลที่แขน ไหล่ และโดนตบใบหน้า ขอประชาสัมพันธ์ถึงประชาชน หากพบชาวจีนลักษณะเหมือนบุคคลในคดีนี้ หรือพบกลุ่มชาวจีนที่มีลักษณะส่งเสียงดังมีพฤติกรรมที่ต้องสงสัย ใช้รถหรืออยู่รวมกันจำนวนมาก ขอให้แจ้งเบาะแสเป็นข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจทางสายด่วน 191