อัยการส่งฟ้อง “ลุงพล-ป้าแต๋น” คดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ เข้าสู่ กระบวนการพิจารณาของศาลจังหวัดมุกดาหาร ลุงพลโดนแจ้ง 4 ข้อหา ส่วนป้าแต๋นโดนพ่วง 1 ข้อหา คำฟ้องระบุ ลุงพลพาน้องชมพู่ไปทิ้งบนภูเหล็กไฟปล่อยให้ขาดน้ำ ขาดอาหารจนตายสมเจตนา ก่อนร่วมกับป้าแต๋นเคลื่อนย้ายศพไปถอดเสื้อผ้าจัดฉากว่าโดนข่มขืนฆ่า ศาลอนุญาตให้ประกันตัวทั้งสอง ลุงพลใช้หลักทรัพย์ 5 แสน ส่วนป้าแต๋น 1.8 แสน นัดพร้อมคู่ความ 22 พ.ย.นี้
มหากาพย์คดีการเสียชีวิตของ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือน้องชมพู่ วัย 3 ขวบ ที่หายตัวจากบ้าน ในหมู่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ก่อนจะพบเป็นศพเปลือยอยู่ในป่าบนภูเหล็กไฟ เมื่อวันที่ 14 พ.ค.63 เวลาล่วงเลยผ่านมานานถึง 1 ปี 4 เดือน ในที่สุดคดีก็เข้าสู่กระบวนการส่งฟ้องต่อศาล
ที่สำนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหาร เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 7 ก.ย. นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล น.ส. สมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น ลุงเขยและป้าของ น้องชมพู่ที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ พร้อมนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ เดินทางเข้าพบอัยการจังหวัดมุกดา หาร เพื่อส่งฟ้องต่อศาล โดยมีบรรดายูทูบเบอร์ ที่เกาะ ติดความเคลื่อนไหวของลุงพลและป้าแต๋นพากันมาให้กำลังใจกันเนืองแน่นเช่นเดิม นายรัชพล ศิริสาคร ทนาย ความเผยว่า ยืนยันจะต่อสู้คดีถึงที่สุด เพราะเชื่อว่า ลุงพลและป้าแต๋นคือผู้บริสุทธิ์ ด้านป้าแต๋นกล่าวว่า ตอนนี้มีความเครียดอยู่บ้างแต่จะเอาความ เครียดมาเป็นกำลังใจให้ตัวเองพร้อมที่จะสู้เพื่อให้ทุกคนรู้ว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
พ.ต.ท.นิเวศ เด่นนินนาท อัยการจังหวัดมุกดาหาร กล่าวว่า จะสั่งฟ้องทั้งลุงพลและป้าแต๋นในคดีน้องชมพู่ ต่อศาลจังหวัดมุกดาหารในวันนี้เลย ได้แจ้งให้ผู้ต้องหา ทั้งสองรับทราบแล้ว มีหลักฐานพร้อมสืบที่เชื่อมโยง ลุงพลในข้อหาทำให้คนตายโดยเจตนา ส่วนหลักฐานที่เชื่อมโยงป้าแต๋นข้อหาร่วมดัดแปลงสภาพศพมาจากหลักฐานทางวิทยาศาสตร์
...

ที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล อายุ 45 ปี เป็นจำเลยที่ 1 ในข้อหาฆ่าผู้อื่นตาย โดยเจตนา พรากเด็กอายุไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันควร ทอดทิ้งเด็กอายุไม่เกินเก้าปีไว้ ณ ที่ใด เพื่อให้เด็กนั้นพ้นไปเสียจากตน โดยประการที่ทำให้เด็กนั้นปราศจากผู้ดูแลเป็นเหตุให้ผู้ถูกทอดทิ้งถึงแก่ความตาย และร่วมกระทำการใดๆแก่ศพ หรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ส่วน น.ส.สมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น อายุ 41 ปี เป็นจำเลยที่ 2 ถูกแจ้งข้อหาร่วมกัน กระทำการใดๆแก่ศพ หรือสภาพ แวดล้อมในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้น ในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
ในคำฟ้องระบุว่า เมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 จำเลยที่ 1 ได้บังอาจพรากน้องชมพู่ไปจากมารดาโดยปราศจากเหตุอันสมควร หลังจากนั้นมีเจตนาฆ่าโดยนำน้องชมพู่ไปทอดทิ้ง ณ เขาภูเหล็กไฟ เพียงลำพัง เป็นเหตุ ให้ขาดอาหารและน้ำดื่มจนถึงแก่ความตายสมดังเจตนา ของจำเลยที่ 1 ต่อมาวันที่ 13-14 พ.ค.63 หลังจากน้องชมพู่ถึงแก่ความตายแล้ว ก่อนการชันสูตรพลิกศพ เสร็จสิ้น จำเลยทั้งสองได้บังอาจร่วมกันเคลื่อนย้ายศพ แล้วถอดเสื้อและกางเกงออกจากศพเพื่อให้เจ้าหน้าที่หรือผู้พบศพเข้าใจว่าน้องชมพู่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ และถูกทำร้ายจนถึงแก่ความตาย ในประการที่น่าจะทำให้ การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไปใน ชั้นสอบสวนจำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ศาลประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.1013/2564 และสอบคำให้การจำเลยทั้งสองแล้วแถลงให้การปฏิเสธขอต่อสู้คดี ศาลจึงนัดพร้อมคู่ความทั้งสองฝ่ายวันที่ 22 พ.ย.เวลา 09.30 น. ต่อมาทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นหนังสือรับรองกรมธรรม์ประกันอิสรภาพของบริษัทสินมั่นคงประกันภัย จำกัด (มหาชน) ยื่นขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนายไชย์พล หรือลุงพล จำเลยที่ 1 ในระหว่างพิจารณาโดยตีราคาประกัน 500,000 บาท ส่วน น.ส.สมพร หรือป้าแต๋น จำเลยที่ 2 ศาลตีราคาประกัน 180,000 บาท
นายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ เผยว่า การประกัน ตัวลุงพลและป้าแต๋นครั้งนี้ไม่มีเงื่อนไขการประกันตัวเหมือนรอบที่ผ่านมาที่ลุงพลต้องรายงานตัว กับผู้ใหญ่บ้าน กกกอกทุก 12 วัน ลุงพลกับป้าแต๋นใช้วิธีเช่าหลักทรัพย์ของบริษัทประกัน รวม 2 คนเสียค่าเช่า 68,000 บาท ทั้งคู่ยังคงมีกำลังใจดีในการ ต่อสู้คดี เพียงแต่รู้สึกเหนื่อยล้า กับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังได้รับ การประกันตัวเลยรีบกลับไปพักผ่อนที่บ้านกกกอก ทั้งนี้ ศาลนัดไต่สวนคดีน้องชมพู่นัดแรกในเวลา 09.30 น. วันที่ 22 พ.ย.นี้