สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่หนักกว่าเดิมหลายเท่าตัว จำนวนผู้ที่ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นหลักพันมาต่อเนื่องและตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นรายวัน มีผู้ป่วยที่รอเตียงเสียชีวิต สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนในการบริหารจัดการสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ของรัฐบาล

เป็นปัญหาหนักที่โถมเข้าใส่ตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จนต้องโดดลงมาควบคุมสั่งการด้วยตนเอง ขยับหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้ามาช่วยสนับสนุนงานกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะตำรวจต้องมารับงาน “เผือกร้อน” ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของคนไทย แม้จะไม่ใช่งานในหน้าที่ตำรวจ แต่ด้วยศักยภาพของตำรวจที่เรียนรู้แก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว ไม่เคยบ่นเรื่องงบประมาณ พร้อมรับทุกปัญหาใหญ่ของประเทศ

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. รับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลเพื่อประสานมาตรการช่วยเหลือการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และการดูแลข้าราชการตำรวจกว่า 2.3 แสนนายทั่วประเทศที่อยู่ในความสุ่มเสี่ยงกับการติดเชื้อไวรัสร้ายแรง

ขณะนี้ทั่วประเทศมียอดจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กว่า 600 นาย โดยเฉพาะกรณีล่าสุดนายดาบตำรวจเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนของ บช.ภ.7 ที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 หลังเข้าสืบสวนทำคดีติดตามผู้ต้องหาและตำรวจสันติบาลเสียชีวิตเพียงลำพังในห้องพัก เป็นสิ่งที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกน้องตำรวจ ได้สั่งให้ “ถอดบทเรียน” เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมาอีก

...

ผบ.ตร.กำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นลงไปช่วยเหลือดูแลเจ้าหน้าที่ตำรวจในทุกระดับ รวมถึงครอบครัวตำรวจในสังกัด ตั้งแต่มาตรการป้องกันการติดเชื้อ และดูแลรักษาตำรวจที่ป่วย

มอบให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร.เข้ามาขับเคลื่อนศูนย์ 191 รองรับการโทร.แจ้งของประชาชนขอรับการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 และมาตรการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนไม่สวมหน้ากากอนามัย พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. ดูแลงานบริหารงาน รพ.ตร.และงบประมาณ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. ร่วมกับ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จตช. ดูแลเรื่องกำลังพลตำรวจ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ แพทย์ใหญ่ รพ.ตร. คอยสนับสนุน

ภารกิจสำคัญที่ ผบ.ตร.เน้นย้ำคือ การดูแลรักษาตำรวจและครอบครัวที่ป่วยติดเชื้อไวรัส

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดศูนย์ 191 ทั่วประเทศ เพิ่มช่องทางในการรับแจ้งเหตุผู้ป่วยโควิด-19 ส่งต่อข้อมูลให้หน่วยงานทางการแพทย์ ช่วยแบ่งเบาภาระสายด่วน 1168, 1669, 1330 ศูนย์วิทยุ 191 มี 1,200 คู่สาย เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานตลอด 24 ชม. โดยใช้ระบบ Government Big Data Institute ซึ่งเป็นระบบฐานข้อมูลที่กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวง DE พัฒนาร่วมกันเพื่อเป็นตัวกลางในการรวบรวมข้อมูลผู้ป่วยโควิด-19

ผู้ป่วยโควิด-19 ติดต่อที่ศูนย์ 191 เจ้าหน้าที่จะสอบถามข้อมูลผู้แจ้งจากชุดคำถามที่กำหนดโดยกรมควบคุมโรค บันทึกข้อมูลลงระบบ แจ้งไปยังศูนย์ 1668 และ 1669 ทันที หากเป็นผู้ป่วยฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ศูนย์ 191 จะวิทยุสื่อสารไปยังศูนย์เอราวัณ 1669 เพื่อจัดรถฉุกเฉินรับตัวผู้ป่วยโดยเร็วที่สุด

หลังรับแจ้งเหตุ 30 นาที จะมีการ Call Back ไปยังผู้แจ้ง สอบถามสถานะรับตัวผู้ป่วยอีกครั้งว่าได้รับการบริการหรือยัง หากยังจะช่วยประสานใกล้ชิด กรณีผู้ป่วยไม่ยินยอมเข้ารับการรักษาหรือกักตัวตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรค ตำรวจกับเจ้าพนักงานควบคุมโรคจะเข้าชี้แจงทำความเข้าใจเชิญตัวผู้ป่วยหรือผู้ที่สัมผัสผู้ติดเชื้อมารักษา หากผู้ป่วยเจตนาหลบเลี่ยงการติดต่อจากเจ้าพนักงานควบคุมโรค เช่น ปิดโทรศัพท์ หรือจงใจไม่รับโทรศัพท์

ตำรวจจะเข้ามาช่วยสนับสนุนสืบสวนหาตัวผู้ป่วยมาเข้ารับการรักษาไม่ให้เชื้อแพร่คนอื่น

ส่วนการปฏิบัติงานของตำรวจอยู่ในภาวะที่เสี่ยง พล.ต.อ.สุวัฒน์เข้าใจและห่วงใยความเป็นอยู่ของผู้ใต้บังคับบัญชาและครอบครัว กำชับให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นดูแลเต็มที่ มอบ พล.ต.อ.ปิยะ และ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ เตรียมพร้อมรองรับตำรวจและครอบครัวที่มีโอกาสสุ่มเสี่ยงติดเชื้อจากการปฏิบัติหน้าที่

พล.ต.อ.ปิยะเตรียมโรงพยาบาลสนามไว้ 2 แห่งคือ อาคารอเนกประสงค์วิทยาลัยพยาบาลตำรวจ จำนวน 96 เตียง และ รพ.ดารารัศมี จำนวน 20 เตียง รวมทั้งการจัดตั้ง Hospitel ส่วนข้าราชการตำรวจกลุ่มเสี่ยงได้เตรียมสถานพักฟื้นและตากอากาศบางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี รองรับตำรวจและครอบครัว ติดตามอาการและตรวจรักษาใกล้ชิด โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “สถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดเพิ่มขึ้นนี้มีมาตรการเร่งด่วน 2 ข้อคือ 1.ตำรวจต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน ตลอดจนผู้ป่วยในยามนี้ และพร้อมสนับสนุนการทำงานของหน่วยแพทย์ 2.การดูแลคนของเราให้มีขวัญในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชน โดยผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องใส่ใจโดยเพิ่มมาตรการป้องกัน หากทราบว่าลูกน้องป่วยต้องมีการอัปเดตยอดทุกวัน และรายงานเพื่อพร้อมลงไปช่วยเหลืออย่างรวดเร็ว”

...

รัฐบาลจำเป็นมาอาศัยความพร้อมของตำรวจกับศูนย์ 191 ที่พร้อมทั้งเครื่องมือที่ทันสมัย และบุคลากร แบ่งเบาภาระกระทรวงสาธารณสุข คลายความกังวลและช่วยเหลือผู้ติดเชื้อส่งให้ถึงมือแพทย์

ด้วยภารกิจที่หนักของตำรวจต้องทำงานในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งงานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม สืบสวนจับกุมคนร้าย การบังคับใช้กฎหมายกับผู้ฝ่าฝืนมั่วสุม สุ่มเสี่ยงแพร่ระบาดเชื้อ ซึ่งเป็นงานที่สุ่มเสี่ยงกับการติดเชื้อไวรัสร้ายแรงที่ติดต่อแพร่ระบาดได้ง่ายและมีโอกาสแพร่ติดต่อคนในครอบครัว

งานนี้คนเป็นนายตั้งแต่ ผบ.ตร.และรอง ผบ.ตร.ลงมาดูแลเต็มที่ ไม่ทอดทิ้งลูกน้องตำรวจ มองเป็นครอบครัวเดียวกัน ด้วยความเข้าใจลูกน้องตำรวจ แม้จะอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงขนาดไหน ตำรวจหลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ทุกคนพร้อมเดินหน้าร่วมกันแก้ปัญหาใหญ่ของประเทศ

จะเห็นว่าทุกครั้งที่ประเทศไทยมีปัญหาใหญ่ ตำรวจเป็นที่พึ่งหลักของทุกรัฐบาล.

ทีมข่าวอาชญากรรม