“เหตุการณ์กลุ่มคนร้ายจับตัวประกันเพื่อต่อรองให้ตัดสินคดีที่เกิดขึ้น นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่ไม่เคยเกิดขึ้นในศาลยุติธรรมมาก่อน ถือว่าเป็นเรื่องกระทบความเป็นอิสระในการพิจารณาพิพากษาคดีของผู้พิพากษา” นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการศาลยุติธรรม เผยถึงประเด็นคดี พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมว.พาณิชย์ กับพวก 6 นาย ข้อหาอุ้มฆ่า นายวีรชัย สกุนตะประเสริฐ พี่ชาย น.ส.พนิดา สกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาอาวุโส เจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้นนายชูวงษ์ ต่อรองกับคำตัดสินคดีของผู้พิพากษาเจ้าของคดี

เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของพี่น้องคนไทย ทั้งสะเทือนขวัญและบั่นทอนสถาบันตุลาการของไทย กลุ่มผู้ที่ร่วมก่อเหตุกระทำการอุกอาจ ท้าทาย และไม่ได้เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง

ทันทีที่ตำรวจกองปราบฯรับแจ้งความ พล.ต.ต.จิรภพ ผบก.ป. ลงมาคุมการสืบสวนคดีด้วยตนเอง รายงานคดีตรง พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.

...

พล.ต.อ.จักรทิพย์ มอบให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. นำชุดสืบสวน บช.น.ร่วมคลี่คลายคดี พล.ต.ต.จิรภพ สืบสวนทางลับ และรายงานให้ ผบ.ตร.และประธานศาลฎีกาที่ติดตามคดีมาตลอด เนื่องจากเหยื่อที่ถูกอุ้มเป็นพี่ชายของผู้พิพากษา และกลุ่มคนร้ายเป็นผู้มีอิทธิพลใช้เป็น “ตัวประกัน” ต่อรองคดี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผบช.ก. พล.ต.ท.ภัคพงษ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. มอบให้ พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยประดิษฐ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น.

หลังข้อมูลสืบสวนน่าเชื่อได้ว่ากลุ่มคนร้ายได้ลงมือฆ่าเหยื่อนายวีรชัย ตำรวจได้รวบรวมหลักฐาน ใช้โดรน บินหาจุดฆ่าอำพรางศพกว่า 5 วัน ได้เบาะแสจุดเผาเหยื่อ พล.ต.ต.จิรภพ นำข้อมูลเชื่อมโยงทั้งการติดต่อสื่อสาร กล้องวงจรปิด หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ขอศาลอนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.บรรยินกับพวก 6 นาย

ก่อนรายงาน พล.ต.อ.จักรทิพย์ พล.ต.อ.สุวัฒน์ และ พล.ต.ท.สุทิน นำชุด “หนุมาน” บุกรวบตัวผู้ต้องหายกทีม 6 คน พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ นายมานัส ทับนิล นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ นายชาติชาย เมณฑ์กูล นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข และ ด.ต.ธงชัย วจีสัจจะ หรือ ส.จ.อ็อด

ยึดหลักฐานรถยนต์และรถ จยย.ที่ใช้ก่อเหตุ ซากกระดูกผู้ตาย คำรับสารภาพของผู้ต้องหาที่นำชี้จุดก่อเหตุ เหลือ พ.ต.ท.บรรยิน ที่อ้างความบริสุทธิ์ ซึ่งตำรวจมีหลักฐานผลตรวจ “หยดเลือด” ในรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุตรงดีเอ็นเอของนายวีรชัยผู้ตาย

ปมฆาตกรรมของกลุ่มคนร้ายเริ่มจากศาลอาญากรุงเทพใต้ นัดอ่านคำพิพากษาคดีที่ ทายาทนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง โจทย์ฟ้อง พ.ต.ท.บรรยินกับพวก จำเลยข้อหา ปลอมแปลงเอกสารโอนหุ้นกว่า 300 ล้านบาท และ คดีฆาตกรรมอำพรางนายชูวงษ์ ซึ่ง น.ส.พนิดา สกุนตะประเสริฐ เป็นผู้พิพากษาเจ้าของคดีในวันที่ 20 มี.ค.

ผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ร่วมกันวางแผนอุ้มพี่ชายผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดี เพื่อต่อรองขอให้มีคำตัดสินยกฟ้องในคดี พ.ต.ท.บรรยิน จำเลยในคดีปลอมหุ้นและฆาตกรรมอำพราง

ผู้ต้องหาบางคนรับสารภาพว่า นัดประชุมวางแผน เฝ้าติดตามผู้พิพากษาตั้งแต่วันที่ 7 ม.ค. พ.ต.ท.บรรยิน เป็นคนสั่งแจกมือถือใช้ประสานงานให้นายมานัส ทับนิล นายณรงค์ศักดิ์ ป้อมจันทร์ นายชาติชาย เมณฑ์กูล นายประชาวิทย์ ศรีทองสุข นัดวางแผนที่บ้านพัก พ.ต.ท.บรรยิน ในซอยรัชดาภิเษก 33

นายชาติชาย เป็นคนที่ ด.ต.ธงชัยหรือ ส.จ.อ๊อด จัดหามาให้ พ.ต.ท.บรรยิน บอกทีมงานว่ามีงานให้ทำเป็น “งานอุ้มคนแก่” พร้อมจัดหาชุดหมวกให้กลุ่มผู้ต้องหาใช้อำพรางในการติดตามเหยื่อ ใช้รถ จยย.ที่นายมานัสและนายณรงค์ศักดิ์ นำมาจาก จ.นครสวรรค์ คนร้ายดัดแปลงเปลี่ยนแผ่นป้ายทะเบียนอำพรางตบตาเจ้าหน้าที่

...

คนร้ายติดตามพฤติกรรมประจำวันของผู้พิพากษาตลอดเดือน ม.ค.กว่า 9 ครั้ง จนทราบว่าในทุกวัน นายวีรชัยพี่ชายของผู้พิพากษาจะนั่งรถแท็กซี่มาส่งที่ศาลและรอรับผู้พิพากษา ทำให้คนร้ายมั่นใจว่านายวีรชัยเป็นคนสำคัญที่ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีเกรงใจ จึงตัดสินใจอุ้มตัวมาเพื่อต่อรองเรื่องคดีกับผู้พิพากษาหญิง

วันเกิดเหตุวันที่ 4 ก.พ. ผู้ต้องหารับว่า พ.ต.ท.บรรยินกับผู้ต้องหาอีก 3 คน ดักรออุ้มนายวีรชัย อยู่ซอยตรงข้ามศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ตำรวจพบหลักฐานกล้องวงจรปิดและคำรับสารภาพของกลุ่มผู้ต้องหาพบว่า พ.ต.ท.บรรยิน ใส่เครื่องแบบตำรวจสวมหมวกกันน็อกและหน้ากากอนามัย ปิดบังหน้าอยู่ในรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ภายในรถมีนายชาติชายและนายประชาวิทย์นั่งอยู่

เมื่อได้จังหวะทีมคนร้ายได้เข้ามาอุ้มตัวนายวีรชัยขึ้นรถยนต์ นายณรงค์ศักดิ์ ผู้ขับขี่รถ จยย.ดูลาดเลาเป็นคนล็อกตัว นายชาติชายดันตัวนายวีรชัยขึ้นรถยนต์ นายณรงค์ศักดิ์นั่งข้างคนขับ นายชาติชายและนายประชาวิทย์ นั่งประกบข้างนายวีรชัยใช้ผ้าเทป ปิดปาก ถุงผ้าคลุมศีรษะ ขับรถตามถนนพระราม 5 จ.สุพรรณบุรี และ จ.นครสวรรค์

...

พอผู้พิพากษารู้ว่าพี่ชายหายไป ได้ติดต่อที่โทรศัพท์มือถือพี่ชาย คนร้ายรับสายอ้างว่านายวีรชัยเกิดอุบัติเหตุ เมื่อติดต่อไปที่โรงพยาบาลต่างๆไม่พบข้อมูล เชื่อว่าพี่ชายถูกลักพาตัว

ต่อมานายณรงค์ศักดิ์ได้โทรศัพท์มาข่มขู่ผู้พิพากษาหญิง เพื่อให้ตัดสินยกฟ้องคดีนายชูวงษ์ หากไม่ทำตามเงื่อนไขกลุ่มคนร้ายจะลงมือฆ่าเหยื่อพี่ชายผู้พิพากษา สุดท้ายผู้พิพากษาตัดสินใจเข้าแจ้งกองปราบปราม

การเจรจาไม่เป็นผล ผู้ต้องหาซ้อมเหยื่อเพื่อกดดัน นายวีรชัยอายุมาก ทำให้เสียชีวิต คนร้ายต้องเปลี่ยนแผนนำศพไปเผาอำพรางคดีที่เขาใบไม้ ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์

ก่อนเกิดเหตุ พ.ต.ท.บรรยิน สั่งให้นายณรงค์ศักดิ์ ซื้อน้ำมันเบนซิน 95 แผ่นสังกะสี ยางรถยนต์ 4 เส้น เตรียมไว้แล้ว ตำรวจเชื่อว่าคนร้ายคิดว่าหากเจรจาไม่สำเร็จ ต้องอุ้มฆ่าอำพรางคดี มีการเตรียมการเผาอำพรางศพไว้ก่อน พ.ต.ท.บรรยินและนายณรงค์ศักดิ์ ขนอุปกรณ์เผานั่งยางไปที่จุดเกิดเหตุ ใช้รถกระบะที่นายมานัสจัดหามา ก่อนนำศพที่เผาไหม้ไม่หมด เถ้ากระดูก เถ้าถ่าน ไปทิ้งลงแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อทำลายหลักฐาน

ตำรวจร่วมกันสืบสวนปิดคดีสะเทือนขวัญที่ท้าทายกระบวนการยุติธรรมไทย

...

พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม”ว่า “คดีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษาถือเป็นคดีร้ายแรงที่กระทบต่อความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม หลังจากที่ตำรวจกองปราบปรามรับแจ้งความได้ทำการสืบสวนทางลับ ทำงานหนักมาตลอด เพื่อจะคลี่คลายคดี จนกระทั่งรวบรวม หลักฐานเชื่อมโยงคดีครบถ้วนแล้ว ได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับกลุ่มผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ก่อนที่ชุด “หนุมาน” จะเปิดปฏิบัติการเข้าจับกุม เบื้องต้นคนร้ายส่วนหนึ่งจำนนต่อหลักฐานให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี แม้คดีนี้จะยังไม่พบศพ แต่ผลตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ของชิ้นส่วนกระดูกที่พบเพียงพอต่อการดำเนินคดี คดีนี้ ผบ.ตร.มอบหมายให้ตำรวจกองปราบปราม เป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ”

ผลคดียังไม่รู้ว่าจะออกมาอย่างไร แต่เป็นเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นในกระบวนการยุติธรรมไทย ผบ.ตร. นำทีม กองปราบฯ นครบาล ตำรวจภาค 6 คลีคลาย “คดีอุ้มฆ่า” ต่อรองคำตัดสินคดีผู้พิพากษาในรูป “ทีมประเทศไทย”

ปิดฉากคดีร้ายแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในสังคมไทย.

ทีมข่าวอาชญากรรม