คดีอุกฉกรรจ์มือปืนกระหน่ำยิงคู่รักหนุ่ม-สาว ที่ที่ทำบุญวันเกิดที่ลานจอดรถฝั่งตรงข้ามพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 29 ก.ค. พื้นที่รับผิดชอบ สภ.นาจอมเทียน จ.ชลบุรี ท่ามกลางความตื่นตกใจของชาวบ้านและพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ร่วมในเหตุการณ์คนร้ายลงมือฆ่าเหยื่อสุดโหดเหี้ยม
เป็นคำถามที่เกิดขึ้นในสังคม เหตุเกิดช่วงบ่ายๆที่มีคนพลุกพล่านอยู่ในชุมชน มีอะไรที่เป็นมูลเหตุจูงใจให้กลุ่มคนร้ายลงมือฆ่าเหยื่อ 2 หนุ่มสาวโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ให้ พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง ผบช.ภาค 2 พล.ต.ต.เชษฐา โกมลวรรธนะ รอง ผบช.ภาค 2 พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.ภ.จ.ชลบุรี พร้อมชุดสืบสวนกองพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่เกิดเหตุ
พบร่างผู้เสียชีวิต 2 ราย นายอนันตชัย หรือฟอส จริตรัมย์ อายุ 21 ปี ถูกยิงด้วยกระสุนปืนขนาด 9 มม. เข้าที่ข้อมือซ้าย ขมับซ้าย เอวด้านขวา รวม 3 นัด และ น.ส.ปวีณา หรือปลาย นาเมืองรักษ์ อายุ 20 ปี ถูกยิงด้วยกระสุนปืนที่แผ่นหลัง ท้ายทอย ขมับซ้าย และใต้ราวนมด้านขวา รวม 4 นัด เสียชีวิตในที่เกิดเหตุทั้งคู่

...
ที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนกระจัดกระจายกว่า 10 ปลอก ก่อนที่คนร้ายจะใช้รถยนต์ฮอนด้าป้ายแดงขับหลบหนีออกมาทางสุขุมวิท สอบถามเพื่อนผู้ตายที่มาเที่ยวด้วยกันได้ความว่า ผู้ตายทั้งคู่โทรศัพท์มาชวนให้ไปเที่ยวพัทยาเป็นงานวันเกิดฝ่ายหญิง นัดเจอกันที่ กทม.เพื่อมาทำบุญที่เขาชีจรรย์ พัทยา ก่อนถูกยิงเสียชีวิต
ถือเป็นคดีสะเทือนขวัญ ไม่ใช่คดีธรรมดา คนร้ายวางแผนมาล่วงหน้า รู้ที่เกิดเหตุไม่มีกล้องวงจรปิด แต่ยังมีพิรุธที่คนร้ายยิงผู้หญิง 4 นัด เหมือนมีเหตุโกรธแค้นมาก่อน ซึ่งมือปืนอาชีพไม่ทำแบบนี้
เป็นโจทย์ที่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ลงพื้นที่ด่วนเรียกประชุมทีมงานตำรวจในพื้นที่ และตำรวจกองปราบ ลงพื้นที่ร่วมสืบสวนตรวจสอบกล้องวงจรปิด เก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุหาความเชื่อมโยง มูลเหตุแรงจูงใจ ชุดสืบสวนได้ข้อมูลคนตายทั้งคู่เคยทำงานในสถานบันเทิงที่ภูเก็ต ก่อนย้ายมาทำงานที่ จ.นครปฐม และพฤติการณ์ของมือปืนที่จงใจยิงใส่เหยื่อหญิงสาว เป็นอีกเบาะแสที่ทำให้เกิดแนวทางสืบสวนหาตัวคนร้าย
พล.ต.ต.นันทชาติ นักสืบมือดีลงมาทำคดีเอง ประกาศว่า “คดีนี้ต้องจับให้ได้ คนร้ายจะเป็นผู้มีอิทธิพล มีเงินขนาดไหน ก็ซื้อตำรวจไม่ได้”

ตำรวจชุดสืบสวนใช้เวลาไม่นานรู้ตัวบงการ ขออนุมัติศาลจังหวัดพัทยาออกหมายจับผู้ต้องหา 6 ราย ได้แก่ นายปัญญา หรือเสี่ยอ้วน ยิ่งดัง อายุ 39 ปี เจ้าของสถานบันเทิงชื่อดังใน จ.ภูเก็ต ผู้จ้างวาน ถือเป็นผู้มีอิทธิพล มีนิสัยกล้าได้กล้าเสีย ใจนักเลง นายเกียรติศักดิ์ หรือบอล สุรางค์แสงมีบุญ อายุ 35 ปี คนขับรถให้เสี่ยอ้วนกับมือปืน นายณรงค์ หรือบ่าว วรินทรเดช อายุ 22 ปี มือปืนร่วมสังหาร นายสายันต์ ศรีสุข อายุ 43 ปี ชาวนครศรีธรรมราช คนชี้เป้า นายจิรศักดิ์ อุนัยบัน อายุ 34 ปี ชาวภูเก็ต คนขับรถคุ้มกัน และ นายกฤษณะ หรือมด สีสุข อายุ 22 ปี ทำหน้าที่เช่าบ้านวางแผน และนั่งมาในรถคุ้มกัน
ก่อนรวบตัวนายสายันต์ได้คนแรก พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ลงพื้นที่สอบปากคำด้วยตนเอง ทราบว่าเหตุจูงใจประเด็นชู้สาวและทวงหนี้ น.ส.ปวีณา ผู้ตายเป็นหญิงหน้าตาดี ทำงานอยู่กับเสี่ยอ้วนที่สถานบันเทิง จ.ภูเก็ต เสี่ยอ้วนติดพันผู้ตาย บอกว่าต้องการได้เป็นภรรยา และสนับสนุนเรื่องการเงิน แต่ผู้ตายไม่ยินยอม เพราะเห็นว่าเสี่ยอ้วนเป็นคนอารมณ์รุนแรง ชอบใช้ความรุนแรง และเป็นคนที่มีอิทธิพลมากใน จ.ภูเก็ต

...
ช่วงหลังมีปากเสียงทะเลาะกันบ่อย ทุกครั้งที่เสี่ยอ้วนเห็น น.ส.ปวีณาอยู่ในกลุ่มเพื่อน จะถูกฉุดกระชาก บีบคอ ทำร้ายร่างกาย ปลายปี 60 น.ส.ปวีณาทนไม่ไหวหลบหนีมาทำงานที่ จ.นครปฐม คบหากับนายอนันตชัย แต่เสี่ยอ้วนตามมาหา จนช่วงต้นปี 61 เสี่ยอ้วนโอนเงินให้ไปซื้อรถยนต์ 1 ล้านบาท รวมเงินที่ดูแลอีก 4 ล้านบาท
สาเหตุความหึงหวง เสี่ยอ้วนได้ลงทุนกับผู้ตายไปมาก แต่ถูกปฏิเสธในเรื่องความรัก
ก่อนเกิดเหตุเสี่ยอ้วนวางแผนให้ทีมงานขับรถจาก จ.ภูเก็ต มาลงมือฆ่าเหยื่อที่ชลบุรี ให้นายสายันต์แฝงตัวตีสนิทเป็นแฟนกับเพื่อนผู้ตาย ร่วมเดินทางมาเที่ยวที่เมืองพัทยาช่วงวันหยุด คอยรายงานความเคลื่อนไหว
จุดสุดท้ายที่นัดกันมาไหว้พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ เป็นโอกาสลงมือฆ่าเหยื่อ โดยไม่สนว่าจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งชุดสืบสวนมีข้อมูลว่าเสี่ยอ้วนเป็นคนลงมือยิงเหยื่อ จากเดิมวางแผนให้อุ้ม น.ส.ปวีณา ผู้ตาย ที่ จ.นครปฐม แต่ภายหลังเสี่ยอ้วนเปลี่ยนแผนเป็นการฆ่าเหยื่อทั้งสองคนด้วยความแค้นที่หึงหวง
ตำรวจขยายผลจับกุม นายเกียรติศักดิ์ หรือบอล ซึ่งเป็นผู้ขับรถกระบะพาเสี่ยอ้วน ผู้บงการและมือปืนที่ลั่นไก หลบหนีเข้าประเทศกัมพูชาฝั่งชายแดน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว แต่รถเสียหลักตกลงข้างถนน ก่อนให้ญาติมารับโดยไม่ทราบหลบหนีไปทางใด ชุดสืบสวนตามค้นบ้านเกิดเสี่ยอ้วนที่ อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ พบรถยนต์ฮอนด้า ทะเบียนภูเก็ต ซึ่งเป็นรถที่ใช้กระทำผิดและหลบหนีหลังก่อเหตุ ยึดอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนกว่า 129 นัด

...
ตำรวจกดดันกลุ่มผู้ต้องหาอย่างหนัก นายจิรศักดิ์ หรือป๊อปปี้ เข้ามอบตัวต่อตำรวจ จ.ภูเก็ต รับสารภาพเป็นคนขับรถคุ้มกันเสี่ยอ้วน อีกวัน นายกฤษณะ หรือมด คนที่เช่าบ้านขอมอบตัวกับตำรวจที่ จ.นครศรีธรรมราช และรวบตัว นายณรงค์ หรือบ่าว มือปืน ส่วน เสี่ยอ้วน มือปืนคนบงการ ผู้ต้องหาคนสำคัญ หลบซ่อนตัวอยู่ในบ่อนกาสิโน ฝั่งประเทศกัมพูชา อยู่ระหว่างประสานตามตัวมาดำเนินคดี
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “ผู้ต้องหาที่หนีหมายจับมี 2 ทางเลือกเท่านั้นคือ ทางตันกับทางตาย มีแค่นั้นเอง และยิ่งคนร้ายมีปืนด้วย มอบตัวดีที่สุด ที่พูดไม่ได้ส่งสัญญาณอะไร เขามีปืนฆ่าได้แม้กระทั่งผู้หญิงจะให้ทำอย่างไร ต้องบอกลูกน้องป้องกันตัวไว้ก่อน ดูมาตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาจะไปทางไหน”
พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า “คดียิงผู้ตายเสียชีวิต 2 ราย ที่เขาชีจรรย์ จ.ชลบุรี ถือเป็นคดีอุกอาจท้าทายกฎหมายมาก ตำรวจได้ทำงานอย่างหนักจนทราบตัวผู้บงการและลงมือคือนายปัญญา หรือเสี่ยอ้วน ยิ่งดัง เจ้าของสถานบันเทิงในภูเก็ตกับพวก 6 ราย ที่แบ่งหน้าที่กันทำ วางแผนตั้งแต่ต้น ขณะนี้ตำรวจจับกุมได้ 5 ราย เหลือ 1 ราย คือเสี่ยอ้วน ที่อยู่ระหว่างติดตามตัวมาดำเนินคดี และได้สั่งให้ตรวจสอบธุรกิจของเสี่ยอ้วนที่ภูเก็ตว่าเข้าข่ายผิดกฎหมาย หรือเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลหรือไม่ คดีนี้ตำรวจทำเต็มที่ไม่ปล่อยให้ใครมาใช้อิทธิพลอยู่เหนือกฎหมาย และหากเกี่ยวข้องผู้ใดจะดำเนินคดีทุกราย”

...
ปิด ฉากคดีอุกฉกรรจ์กระหน่ำยิงโหดเหี้ยมหน้าเขาชีจรรย์ ของผู้มีอิทธิพลที่ถูกตำรวจไล่ล่าปิดคดีเอาตัวผู้ร่วมกระทำผิดมาลงโทษ ไม่ยอมให้ “อำนาจเงิน” และ “อิทธิพลเถื่อน” มาอยู่เหนือกฎหมาย.
ทีมข่าวอาชญากรรม