ยุค AI Search Ads เปลี่ยนเกมการช็อปปิ้ง หมดยุคค้นหาแบบเดิม ระบบโฆษณาอัจฉริยะปิดการขายได้เอง

Tech & Innovation

Tech Companies

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ยุค AI Search Ads เปลี่ยนเกมการช็อปปิ้ง หมดยุคค้นหาแบบเดิม ระบบโฆษณาอัจฉริยะปิดการขายได้เอง

Date Time: 5 มิ.ย. 2568 15:43 น.

Video

ทองคำถึงเวลา "ตักตวง" หรือ "เทขาย" ? จบรอบขาขึ้นหรือยัง ? | Night Stand EP.2

Summary

รายงาน GenAI Search Advertising Trends 2025 เผยสถิติใหม่ เมื่อผู้เผยแพร่เนื้อหาและเว็บไซต์ต่างๆ เริ่มได้รับผลกระทบจาก “AI search” ชี้แบรนด์เริ่มทุ่มเงินมหาศาลให้กับ “AI Search Ads” พบงบโฆษณาพุ่งแตะพันล้านดอลลาร์ เตือนนักการตลาด ห้างร้าน แบรนด์ เตรียมพร้อมรับมือยุคโฆษณายุคใหม่ที่การวัดผลจะซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

Latest


EMARKETER เผยแพร่รายงาน “GenAI Search Advertising Trends 2025” ที่ได้คาดการณ์ว่า ภายใน 4 ปี ค่าใช้จ่ายโฆษณาที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในสหรัฐฯ จะพุ่งแตะ 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 1 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้ ด้วยแรงขับเคลื่อนของการนำ AI มาใช้ในวงกว้าง โดยเฉพาะในเรื่องการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนและแม่นยำมากยิ่งขึ้น

รายงานระบุว่า ในปีนี้ AI-Powered Search Ads คิดเป็นเกือบ 1% ของการใช้จ่ายโฆษณาเพื่อการค้นหาทั้งหมด และจะเพิ่มขึ้นเป็น 13.6% ภายในปี 2029 ซึ่งเป็นอัตราที่เติบโตเร็วกว่า Search Ads และ Social Ads แบบที่ผ่านมา

ตามข้อมูลของ EMARKETER พบว่าอุตสาหกรรมที่มีการปรับใช้ AI ได้รวดเร็ว นำโดย บริการทางการเงิน เทคโนโลยี โทรคมนาคม และสุขภาพ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่เห็นประโยชน์ชัดเจนในการปรับปรุงกลยุทธ์โฆษณา ขณะที่ภาคค้าปลีกยังปรับตัวช้า

โดย Minda Smiley นักวิเคราะห์จาก Emarketer เปิดเผยว่า บริษัทหรือธุรกิจที่ยังพึ่งพารูปแบบการโฆษณาจากการค้นหาที่ใช้คีย์เวิร์ดแบบเดิม อาจเผชิญกับรายได้ลดลง เนื่องจากระบบโฆษณาที่ขับเคลื่อนค้นหาด้วย AI นำเสนอประสบการณ์ใช้งานที่สะดวกและน่าดึงดูดยิ่งกว่า

AI ยิ่งสร้างความได้เปรียบในการถูกค้นพบ

รายงานฉบับนี้ออกมาในช่วงที่มีความกังวลเพิ่มขึ้นว่า ผู้ใช้งานหันไปใช้แชตบอต AI มากขึ้นสำหรับการค้นหาข้อมูลแบบสนทนา ซึ่งอาจสั่นคลอนโมเดลรายได้ของยักษ์ใหญ่ด้านเสิร์ชอย่าง Google ของ Alphabet และ Bing ของ Microsoft ที่ต่างก็เร่งเพิ่มความสามารถด้าน AI

รวมถึงแพลตฟอร์มอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบ เช่น Chegg แพลตฟอร์มการศึกษาออนไลน์ที่ได้เปิดเผยเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า บริษัทเตรียมเลิกจ้างพนักงานประมาณ 248 คน เพื่อลดต้นทุนและปรับองค์กรให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลง หลังจากนักเรียนหันไปใช้ ChatGPT แทนเครื่องมือการเรียนรู้แบบเดิม

รายงานอธิบายถึงการพัฒนาของเบื้องหลังแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่กำลังเชื่อมโยงฟีดสินค้าที่มีโครงสร้าง ผสานเข้ากับอินเตอร์เฟซของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLMs) อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ Catalog API ใหม่ของ Shopify ที่เปิดตัวเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งช่วยให้ Agent AI ของ Perplexity สามารถเข้าถึงข้อมูล ชื่อสินค้า ราคา และจำนวนคงคลังแบบเรียลไทม์ ได้ทันที โดยไม่ต้องพึ่งการดึงข้อมูลแบบ Scraping

ขณะเดียวกัน ประสบการณ์การช้อปปิ้งผ่าน AI เช่น ChatGPT หรือระบบ “Buy for Me” ของ Amazon ก็กำลังแสดงศักยภาพของเอเจนต์ที่สามารถค้นหา เปรียบเทียบ และชำระเงิน ได้ในบทสนทนาเดียว หรือ Google ที่ได้ขยายความสามารถด้าน AI ในระบบเสิร์ชให้รองรับการช็อปปิ้ง ผ่านการอัปเกรด Google Shopping เพื่อเจาะกลุ่มตลาดใหม่ด้วย AI อย่างเต็มรูปแบบ

เตรียมพร้อมรับมือยุคโฆษณาค้นหา AI

AI-Powered Search Ads แตกต่างจากโฆษณาจากการค้นหาแบบเดิมที่มักแสดงเคียงข้างลิงก์สีน้ำเงิน โดยจะแสดงโฆษณาภายในคำตอบของบทสนทนาโดยตรง หรือเรียกได้ว่าเป็น “คำตอบแบบมีสปอนเซอร์” กล่าวคือ การกล่าวถึงแบรนด์หรือการแทรกลิงก์พันธมิตรในคำตอบจาก AI

สิ่งเหล่านี้กำลังเปลี่ยน "คำตอบแบบสนทนา" ให้กลายเป็น “พื้นที่โฆษณาที่สามารถซื้อได้จริง” แอปฯ เสิร์ชอย่าง ChatGPT, Perplexity หรือ Copilot สามารถดึงข้อมูลชื่อ ราคา คุณสมบัติ สต็อก หมวดหมู่ และรายละเอียดเพิ่มเติมได้แบบเรียลไทม์ ไม่ต้อง scraping และไม่มีความล่าช้า

อย่างไรก็ตามรายงานได้เตือนถึงการวัดผลการโฆษณาในยุค AI ที่จะซับซ้อนมากยิ่งขึ้น (Media Attribution) ยกตัวอย่าง ถ้าผู้ใช้ Perplexity ค้นหา “หูฟังไร้สายไม่เกิน 200 ดอลลาร์สหรัฐ” ผู้ใช้จะได้รับคำแนะนำจาก AI แล้วซื้อผ่าน Shop Pay ได้ทันที คำถามคือ งบนี้ควรนับเป็น Search, Retail media หรือ Affiliate

กรณีเหล่านี้จะทำให้ทีมการตลาดต้องสร้างเฟรมเวิร์กใหม่เพื่อวัดผลและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานบนอินเตอร์เฟซแบบสนทนา ซึ่งอาจดึงข้อมูลสินค้าจากหลายร้าน เปรียบเทียบราคา และปิดการขายในระบบต่างกันอย่างสิ้นเชิง

โดย EMARKETER ได้คาดการณ์เรื่องนี้ไว้ว่า แบรนด์ที่บูรณาการกลยุทธ์โฆษณาและข้อมูลสินค้าจะเป็นผู้นำในตลาดนี้ ฟีดข้อมูลสินค้าที่เคยใช้กับเว็บเปรียบเทียบราคา จะขับเคลื่อนด้วยระบบ AI ที่สามารถค้นหา แนะนำ และปิดการขายได้โดยอัตโนมัติ (AI Shopping Agents)

ดังนั้นแบรนด์ต้องเพิ่มประสิทธิภาพของข้อมูลสินค้าและคอนเทนต์ให้พร้อมสำหรับ LLMs พร้อมทั้งสร้างระบบที่ทดลองความร่วมมือกับแพลตฟอร์ม AI ตั้งแต่วันนี้ โดยแบรนด์ที่บูรณาการกลยุทธ์โฆษณาและข้อมูลสินค้าจะเป็นผู้นำในตลาดและอยู่รอดได้ต่อไป

อ่านเพิ่มเติม

อ้างอิงข้อมูลจาก ReutersForbes 

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ