หมายเหตุประเทศไทย : หลุมดำในตลาดหุ้นไทย

Investment

Capital Market

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

หมายเหตุประเทศไทย : หลุมดำในตลาดหุ้นไทย

Date Time: 19 ธ.ค. 2562 05:04 น.

Summary

  • ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี คนดีมีความรู้แต่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีในยุคการเมืองแบบนี้ ไปพูดเรื่อง “ตลาดทุนไทยจะรับมืออย่างไร ในวันที่โลกเปลี่ยนไป”

Latest

กัลฟ์เปิดงบลงทุน 5 ปีแสนล้าน แจงผู้ถือหุ้นควบอินทัชสถานะดีขึ้นทุกด้าน 

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี คนดีมีความรู้แต่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีในยุคการเมืองแบบนี้ ไปพูดเรื่อง “ตลาดทุนไทยจะรับมืออย่างไร ในวันที่โลกเปลี่ยนไป” ในงาน SEC Capital Market Symposium 2019 จัดโดย ก.ล.ต. วันวาน ได้พูดถึง “ด้านมืด” ของตลาดหุ้นไทย ชนิดที่ไม่มีใครกล้าพูดมาก่อน

เป็นการชี้ให้เห็นถึง ด้านมืดของตลาดหุ้นไทย ที่จะต้อง แก้ไขเป็นการเร่งด่วน จากรัฐบาลทั้ง กระทรวงการคลัง ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า แม้ตลาดหุ้นไทยจะเติบโตเป็นตลาดหุ้นชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน มีสภาพคล่องสูงกว่าตลาดหุ้นสิงคโปร์ แต่ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทย กลับติดอยู่ใน “หลุมดำ” ทำให้นักลงทุนที่เข้ามาโดยไม่รู้เท่าทันผู้ที่ได้ประโยชน์ ทำให้มีนักลงทุนรายย่อยจำนวนมากเสียประโยชน์และไม่กล้าเข้ามาลงทุนอีก เนื่องจาก ตลาดหุ้นไทย ยังมีคำว่า “เจ้า” และ “ปั่นหุ้น” หลงเหลืออยู่ แม้ว่า ตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต. จะมีการตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่สามารถที่จะขจัดให้หมดไปได้

สิ่งนี้อาจเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงตลาดหุ้นไทยที่เปิดให้บริการมากว่า 30 ปี มีจำนวนนักลงทุนกว่า 1.7 ล้านบัญชี แต่มีผู้ซื้อขายจริงในตลาดเพียง 300,000 บัญชีเท่านั้น (แต่ที่แอ็กทีฟจริงๆมีการซื้อขายหุ้นอย่างสม่ำเสมอมีน้อยกว่า 300,000 บัญชี)

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวว่า หากขจัดความมืดในตลาดหุ้นไทยออกไปได้บ้าง ก็จะช่วยดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาซื้อขายในตลาดได้มากขึ้น และ ควรสร้างคุณภาพสินทรัพย์ในตลาดให้ดีมากขึ้น ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์กว่า 700 บริษัท แต่มีหลายๆบริษัทไม่มีการเคลื่อนไหวและเติบโตขึ้น ขณะเดียวกันตลาดหลักทรัพย์ยังคงผลักดันนำบริษัทใหม่ๆเข้ามา ซึ่งจะต้อง วางเป้าหมายให้บริษัทที่จะเข้ามา ต้องมีการเติบโตเพื่อเป็นสินทรัพย์ที่ดี และสร้างความน่าสนใจให้กับนักลงทุนมากขึ้น

ผมขอชม ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกฯ ที่กล้าพูดความจริง และหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นประเด็นอีกครั้ง เพราะวันนี้ “เจ้า” และ “การปั่นหุ้น” ในตลาดหลักทรัพย์ยังมีอยู่จริง แต่เปลี่ยนฐานะไปจากเดิมและไม่มีการปิดบังตัวเองเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว หุ้นใหม่ที่ตั้งราคาไอพีโอสูงๆยังต้องส่งหุ้นไปให้ “รายใหญ่” ดูแลราคาเหมือนเดิม เพื่อช่วยสร้างราคาให้อยู่เหนือราคาจอง หรือประคองราคาไม่ให้หลุดจากราคาจอง

บ่อยครั้งที่ “เจ้าของบริษัท” กลายเป็น “ผู้ปั่นหุ้นเสียเอง” เพราะกว่า ตลาดหลักทรัพย์ และ ก.ล.ต. จะหาหลักฐานลงโทษผู้ปั่นหุ้นได้ ใช้เวลานานมาก และลงโทษปรับห้ามเป็นกรรมการบริษัท แต่ก็รวยไปแล้ว ส่วน นักลงทุนรายย่อยที่ถูกหลอกก็เสียเงินและไม่ได้เงินคืน นี่คือ “หลุมดำ” ที่ ตลาดหลักทรัพย์ ก.ล.ต. และ กระทรวงการคลัง จะต้องแก้ไขกฎหมาย ให้มีการอายัดเงินและทรัพย์สินของผู้ปั่นหุ้นก่อนคดีจบสิ้น เมื่อคดีจบแล้วจะได้มีเงินไปชดใช้ค่าเสียหายให้นักลงทุนรายย่อย เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม

ส่วน ปัญหาการเมืองในปัจจุบัน และ แฟลชม็อบ ที่เกิดขึ้น ดร.กอบศักดิ์ มองว่า ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นในระยะสั้น นักลงทุนไม่ควรตื่นตระหนก เพราะพื้นฐานบริษัทจดทะเบียนไทยยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่เท่าที่ผมสังเกตใน ช่วงไตรมาส 4 นี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นออกไปเยอะมาก เดือนธันวาคมที่ผ่านมาสองสัปดาห์ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิมาตลอด สัปดาห์ที่แล้วขายสุทธิหนักมากหมื่นกว่าล้านบาท สัปดาห์นี้วันจันทร์ก็ขายไปเกือบ 5 พันล้านบาทแล้ว

ปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจไทย วันนี้ คือ กับดักการเมืองน้ำเน่า ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ใจไม่ถึง ไม่กล้าขัดใจพรรคร่วมรัฐบาล ปล่อยให้มือยาวสาวได้สาวเอา เห็นที คนไทย 70 ล้านคน คงจะต้องรับชะตากรรมเศรษฐกิจตกต่ำ ต่อไปในปีหน้าอย่างแน่นอน.

“ลม เปลี่ยนทิศ”


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ