ชาวนาสองคน

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ชาวนาสองคน

Date Time: 9 ธ.ค. 2564 05:18 น.

Summary

  • เรื่องเล่าแบบร้อยเนื้อทำนองเดียว เป็นบทสนทนาของคนสองคนต่อไปนี้ ดูจะเล่าต่อๆกันแพร่หลาย เจตนาจะสอนใคร เจ้าสัวแสนล้าน หรือคนเดินดินกินข้าวแกงหาเช้ากินค่ำ ลองอ่านกันดู

Latest

“ไทยกูลิโกะ” เจ้าของขนมในตำนานที่ไม่เคยหลุดเทรนด์ กางแผนครบรอบ 55 ปี เดินเกมรุกกลยุทธ์ “5 New”

เรื่องเล่าแบบร้อยเนื้อทำนองเดียว เป็นบทสนทนาของคนสองคนต่อไปนี้ ดูจะเล่าต่อๆกันแพร่หลาย เจตนาจะสอนใคร เจ้าสัวแสนล้าน หรือคนเดินดินกินข้าวแกงหาเช้ากินค่ำ ลองอ่านกันดู

ชาวนาที่คนในตำบลเดียวกัน ดูแคลนว่าเขามีฐานะยากจน ทำมาหาได้แต่พอมีอยู่มีกิน ขณะที่คนอื่นๆยุ่งกับการทำนา หรือไม่ก็ทำอาชีพเสริม ก็มักเห็นเขานอนผึ่งลมอยู่ใต้ต้นไม้

ดูเอาเถิด นี่ก็ย่างเข้าฤดูหนาว เขาก็ดูจะไม่รู้ร้อนรู้หนาว

วันหนึ่ง เพื่อนบ้านผู้หวังดี ก็อดทนต่อไม่ไหว หลุดปากเตือน “แกไม่ควรใช้ชีวิตแบบนี้”

(เรื่องคมๆ ความหมายชวนคิด เรื่องที่ 17 ชาวนาผู้บรรลุ สุริยเทพ ไชยมงคล สำนักพิมพ์อินสไปร์ พ.ศ.2553)

“แล้วจะให้ข้าใช้ชีวิตแบบไหน” เขาถามกลับ

เพื่อนผู้หวังดี ได้ทีระบายความในใจ “แกต้องขยันกว่านี้ อย่าขี้เกียจในฤดูใบไม้ผลิ อย่ากลัวร้อนในฤดูร้อน นอนให้ดึกตื่นแต่เช้า ใช้เวลาในนาให้มาก เพื่อให้ท้องนาของแกเต็มไปด้วยรวงข้าว”

ชาวนาผู้นั้นฟังด้วยความตั้งใจ ถามต่อ “แล้วหลังจากนั้นเล่า?”

เพื่อนก็ยังตั้งใจดี อธิบาย “ถึงฤดูใบไม้ร่วง แกก็จะเก็บเกี่ยวข้าว มีปลาก็จับปลา หาอาหารให้มากๆ”

“ถ้าแกรู้จักกินอยู่อย่างประหยัด ก็จะเหลือข้าวให้เอาไปขาย พอมีเงินมากพอก็ซื้อที่นาเพิ่มขึ้น ก็จะปลูกข้าวได้มากขึ้น ขายข้าวได้มากขึ้นเรื่อยๆ”

ชาวนายังสงบใจฟัง ขณะที่เพื่อนผู้หวังดีสาธยาย “เมื่อแกมีเงินมากขึ้น ภายในเวลาไม่กี่ปี แกก็จะปลูกบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่โตโอ่อ่า ซื้อวัวควายมาไถนา จ้างคนมาทำงาน

ตัวแกเองก็ไม่ต้องทำงานให้เหนื่อย เพราะมีลูกจ้างทำอะไรแทนให้ทุกอย่าง”

ชาวนาพยักหน้า ทำท่าเห็นด้วย แล้วก็ยังใช้คำถามเดิม “แล้ว ข้าต้องทำอะไรต่อไปอีก”

“ถึงเวลานั้น แกร่ำรวยขนาดนั้น แกก็ไม่ต้องทำอะไร เอาเวลาทั้งหมดมานอนผึ่งลมชมวิวใต้ต้นไม้ไปวันๆ”

จบคำเตือนจากเพื่อนผู้หวังดี ชาวนายิ้มแล้วบอก “แล้วตอนนี้แกคิดว่าข้ากำลังทำอะไรอยู่เล่า!”

จบเรื่องคมๆ มีคำอธิบายความหมายชวนคิด...ว่า ในงานเลี้ยงฤดูใบไม้ผลิในสวนของศิษย์คนหนึ่ง หลีไป่ กวีเอกของจีน เขียนบทกวี ที่มีคนจดจำไว้มากมายบทหนึ่ง

“โลกนี้เป็นที่พักสรรพสิ่ง ชีวิตสั้นดังฝันไป ยังสุขได้อีกกี่วาร...”

ความหมายของบทกวีนี้ ชี้ให้คิด ชีวิตเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว จะมัวแต่ซึมเศร้าหรือหลงโลภอยู่ทำไม ควรสร้างความสุขให้ตัวเอง ทุกย่างก้าวจะดีกว่า

ผมอ่านเรื่องนี้จบ คิดถึงคำพูดประโยคหนึ่งของคุณธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวซีพี เจ้าของธุรกิจใหญ่ที่กำลังมีข่าวควบรวม
กิจการ จนถูกผู้รู้ทักท้วง จะเป็นการผูกขาดธุรกิจ เอาเปรียบชาวบ้าน หรือไม่?

“ความสำเร็จในธุรกิจหนึ่ง ไม่ว่าจะใหญ่แค่ไหน ดีใจแค่วูบเดียว”

ในแต่ละความสำเร็จนั้น ต้องแลกด้วยความมุ่งมั่น เหนื่อยหนักของลูกจ้าง...ในงานควบรวมธุรกิจหนึ่ง...นานมาแล้ว เพื่อนคนหนึ่ง เคยสารภาพกับผม เพิ่งรู้ซึ้งถึงคำว่า “เหนื่อยจนตาแตก”

เส้นเลือดสายตาเขาแตก ต้องเข้าโรงพยาบาล ขณะหักโหมอยู่กับงานนั้น

ผมรู้อยู่ว่า ฐานะเพื่อนมั่นคงแข็งแรงพอ ก็แนะนำตรงๆให้เขาลาออก

ผมเชื่อของผมมานาน ชีวิตแบบชาวนา ผู้ที่นอนผึ่งลมชมวิวใต้ต้นไม้ มีความสุขกว่าชาวนาอีกมากมาย ที่หวังร่ำรวยกับอาชีพแบบเอาหลังสู้ฟ้าเอาหน้าสู้ดิน.

กิเลน ประลองเชิง


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ