หลังจากแอปเปิล (Apple) เปิดตัว iPhone 14 ซีรีส์ไปเรียบร้อยเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา ตลาดประเทศไทยเปิดให้จองเมื่อวันที่ 9 ก.ย. และวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 16 ก.ย. นับเป็นครั้งแรกที่ตลาดไทยถูกเลื่อนอันดับไปอยู่ใน Wave 1 หรือกลุ่มประเทศแรกที่จะได้สั่งซื้อสัมผัสก่อนใครทำให้แคมเปญการตลาดรุ่นนี้จึงคึกคักเป็นพิเศษ ยอดจองล้นทะลักจนไม่พอจำหน่ายโดยเฉพาะรุ่นโปรที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เนื่องจากฟีเจอร์และลูกเล่นใหม่ๆที่น่าตื่นเต้นกับการสนุกในการใช้งานไปจนถึงการอัปเกรดในระบบกล้องครั้งใหญ่ iPhone 14 ซีรีส์ มี 4 รุ่น เริ่มจาก iPhone 14 จอ 6.1 นิ้ว ราคาเริ่มต้น 32,900-45,900 บาท, iPhone 14 Plus จอ 6.7 นิ้ว ราคา 37,900-50,900 บาท ทั้ง 2 รุ่นมี 5 สีให้เลือก ได้แก่ สีมิดไนท์, สตาร์ไลท์, ม่วง, แดง (PRODUCT) RED ในความจุ 128 GB, 256 GB และ 512 GB, iPhone 14 Pro จอ 6.1 นิ้ว ราคา 41,900-63,900 บาท และ iPhone 14 Pro Max จอ 6.7 นิ้ว ราคา 44,900-66,900 บาท มี 4 สี สีม่วงเข้ม (ใหม่), เงิน, ทอง และสีดำสเปซแบล็ก มีความจุ 128 GB, 256 GB, 512 GB และ 1TBทีมงานไซเบอร์ เน็ตได้รับเครื่องมาเรียบร้อยเป็น iPhone 14 Pro Max ขนาด 1TB สีม่วงเข้ม ซึ่งเป็นสีขายดีที่สุดในขณะนี้ และ iPhone 14 สีฟ้า ขนาด 512 GB เมื่อแกะกล่องออกมาทั้ง 2 รุ่นจะมีเพียงสายชาร์จ USB-C to Lightning และเอกสาร การใช้งาน คู่มือรับประกัน เข็มช่วยถอดถาดซิมการ์ด แอป Music ทำงานบน Dynamic Island จะแสดงเป็นแถบใหญ่หรือแถบเล็กด้านบนจอก็ได้Dynamic Island ลูกเล่นใหม่สุดล้ำiPhone 14 ในรุ่นโปรถูกดีไซน์หน้าจอใหม่หมด จากรอยบากที่เคยเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กัน เปลี่ยนจอฝังแบบแคปซูลยา และรูปกลม โดยจุดเด่นที่เรียกความสนใจมากที่สุดก็คือฟีเจอร์ Dynamic Island เป็นวิธีการใหม่ที่สามารถโต้ตอบกับการแจ้งเตือนและกิจกรรมต่างๆได้นับเป็นครั้งแรกที่สมาร์ทโฟนใช้ลูกเล่นนี้ได้ เป็นดีไซน์ระหว่างฮาร์ดแวร์กับซอฟต์แวร์เพื่อปรับการทำงานแบบเรียลไทม์ในการแสดงการแจ้งเตือนการใช้งานในแอป พลิเคชันต่างๆได้ Dynamic Island ถูกออกแบบให้แจ้งเตือนได้ทั้งในรูปแบบแถบขนาดเล็ก หรือจะกดค้างให้แสดงจอใหญ่ขึ้น โดยไม่ไปรบกวนแอปอื่นๆบนจอ ในช่วงแรกจะใช้งานได้ในฟีเจอร์หลักๆ และแอปของ iPhone เช่น แอปเพลง แผนที่ จับเวลา โชว์สถานะการโทรศัพท์และอื่นๆ เป็นต้น ทาง Apple ยืนยันด้วยว่าในอนาคตอันใกล้จะมีแอปจากผู้พัฒนาอื่นๆ ใช้ได้เพิ่มเติมอีกมากมายจอภาพปรับสว่างได้สูงสุด 2,000 นิตในรุ่นโปรใช้จอภาพ Super Retina XDR ใหม่ จอ Pro motion อัตรารีเฟรชเรต 120 Hz ให้ความสว่างสูงสุด 2,000 นิต หรือสว่างกว่า iPhone 13 Pro ถึง 2 เท่า พร้อมกับหน้าจอแบบติดตลอดหรือ Always-On Display ให้ความสว่างที่ 500 นิต ซึ่งเพียงพอต่อการชำเลืองมองจอระหว่างที่ไม่ใช้งานได้ การทนน้ำและฝุ่นที่ช่วยปกป้องเครื่องจากน้ำหกใส่และอุบัติเหตุต่างๆตามมาตรฐาน IP68 ระบบกล้องอัปเกรดใหม่กล้องหลักบน iPhone 14 Pro เพิ่มความละเอียดเป็น 48 MB จะต้องตั้งค่าที่ ProRaw ก่อน ถ้าถ่ายปกติความละเอียดจะอยู่ที่12 MB โดย Apple ใช้เซ็นเซอร์แบบ Quad-pixel มาใช้ จะรวมพิกเซลทุก 4 จุด ให้กลายเป็น 1 ควอดพิกเซลขนาดใหญ่ เทียบเท่ากับขนาด 2.44 µm จึงสามารถถ่ายภาพในสภาวะแสงน้อยได้อย่างสวยงาม โดยรูปภาพจะยังคงที่ความละเอียด 12 MB ซึ่งเหมาะกับการใช้งานจริงจากการทดสอบการถ่ายภาพ ProRaw ความละเอียด 48 MB จะได้ไฟล์ขนาด 70.9 MB ซึ่งมือถ่ายระบบโปรสามารถนำไปใช้งานต่อไป แต่ถ่ายปกติความละเอียด 12 MB จะได้ไฟล์ขนาด 2.4 MB ขณะที่เพิ่มการซูมกล้องที่ 2X แบบออปติคัล ช่วยให้การถ่ายภาพระยะไกลแต่ให้ความชัดเจนและสีสันสวยงาม นอกจากนี้ การประมวลผลภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์ ด้วย Photonic Engine ที่ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพในสภาวะแสงน้อยถึงปานกลาง นำ Deep Fusion มาใช้ในช่วงแรกของการประมวลภาพจึงเก็บรายละเอียดและสีสันดีขึ้นสำหรับการถ่ายวิดีโอ โหมดแอ็กชันใหม่เพื่อวิดีโอที่ดูลื่นไหลด้วยการปรับภาพให้สอดคล้องกับการส่ายไปมา การเคลื่อนไหว และการสั่นในระดับมากๆ แม้จะเป็นการถ่ายวิดีโอในจังหวะแอ็กชันก็ตาม สำหรับโหมดภาพยนตร์หรือ Cinematic มีให้ใช้งานในระดับ 4K ที่ 30 fps และระดับ 4K ที่ 24 fpsชิป A16 Bionic เร็วและแรง ในรุ่นโปรได้ใช้ชิป A16 Bionic ชิปใหม่เพิ่มขีดความสามารถการประมวลดียิ่งขึ้นไปอีกโดยที่แบตเตอรี่ทำงานได้นานตลอดวัน การประมวลซีพียู 6 คอร์ แบ่งเป็นใช้รีดประสิทธิภาพ 2 คอร์ และประหยัดพลังงาน 4 คอร์ ส่วนการประมวลผลจีพียู 5 คอร์ ด้วยแบนด์วิดท์หน่วยความจำเพิ่มมากขึ้น 50% เหมาะกับเกมและแอปที่เน้นกราฟิก และ Neural Engine แบบ 16 คอร์ใหม่ ประมวลผลได้เกือบ 17 ล้านล้านรายการต่อวินาที จากการทำงานทั้งหมดร่วมกันกับระบบกล้องใหม่ ประมวลผลได้สูงสุดถึง 4 ล้านรายการต่อภาพสำหรับ iPhone 14 ใช้ชิป A15 Bionic แบบ 5 คอร์ มี Photonic Engine ช่วยปรับปรุงการถ่ายภาพในสถานที่แสงน้อย อัปเกรดกล้องหลักใหม่กับรูรับแสง ƒ/1.5 ที่ใหญ่ขึ้น และพิกเซลขนาด 1.9 µm ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมสำหรับทั้งภาพถ่ายและวิดีโอในทุกสถานการณ์แสง โหมดแอ็กชันใหม่ และโหมดภาพยนตร์เช่นเดียวกับรุ่นโปร คุณสมบัติการตรวจจับรถรุนแรงและโทร.ติดต่อบริการฉุกเฉินโดยอัตโนมัติในยามที่ผู้ใช้หมดสติหรือไม่สามารถหยิบ iphone ได้ตรวจจับรถชนกันและระบบฉุกเฉินผ่านดาวเทียมiPhone 14 ซีรีส์ทั้งหมดมีระบบการตรวจจับรถชนกันแบบรุนแรงและทางศูนย์ของ Apple จะช่วยโทร.บริการฉุกเฉินอัตโนมัติ ซึ่งในประเทศไทยจะติดต่อผ่าน 191 เมื่อผู้ใช้หมดสติหรือไม่สามารถหยิบ iPhone ได้ โดยระบบจะใช้อุปกรณ์ตรวจจับเคลื่อนไหวแบบ Dual-core ใหม่ที่สามารถตรวจวัดแรง G ได้สูงสุดถึง 256 พร้อมด้วยไจโรสโคปที่มีช่วงไดนามิกสูง รวมถึงคุณสมบัติ SOS ฉุกเฉินผ่านดาวเทียมในจุดที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ สามารถเชื่อมต่อกับดาวเทียมได้โดยตรง ในเบื้องต้นจะให้บริการประเทศสหรัฐฯและแคนาดาก่อน ในเดือน พ.ย.ที่จะถึงนี้บทสรุปการทดสอบในช่วงแกะกล่องและใช้งานคร่าวๆ เห็นได้ชัดว่าระบบกล้องดีขึ้นมาก แค่ถ่ายปกติธรรมดาไม่ต้องถ่ายแบบ RAW ที่ 48 MP มองด้วยตาเปล่าแทบจะไม่แตกต่างกันเลย โหมดแอ็กชันช่วยให้วิดีโอดูลื่นไหลดีแม้ตอนถ่ายจะอยู่บนรถที่โคลงไปมา การถ่ายภาพกลางคืนที่แสงน้อยระบบซูม 2X ชัดเจน สวยงาม เห็นรายละเอียดได้ดี เมื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพซีพียูผ่าน Geekbench 5 คะแนนของ iPhone 14 Pro Max นำโด่งชิป 16 ใหม่ รีดประสิทธิภาพซิงเกิล คอร์สูงถึง 1,893 คะแนน มัลติ คอร์ 4,833 ขณะที่ iPhone 14 ซิงเกิล คอร์ 1,743 คะแนน มัลติ คอร์ 4,640 คะแนน ส่วน iPhone 13 Pro Max ที่ใช้ชิป A15 เหมือนกัน มีคะแนนใกล้เคียงกันที่ชอบมากที่สุดก็คือ Dynamic Island ที่เป็นนวัตกรรมใหม่แสดงผลการแจ้งเตือนแบบใหม่ที่น่าสนใจ.