นับเป็นการผนึกกำลังจิตอาสาทุกภาคส่วน ร่วมใจกันทำกิจกรรมแห่งความดีที่เป็นต้นแบบ โดยมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ ร่วมกับแพทยสภา, กระทรวงสาธารณสุข, สถาบันพระปกเกล้า และ นักศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรธรรมาภิบาลทางการแพทย์ สำหรับผู้บริหารระดับสูง รุ่นที่ 5 (ปธพ.5) ได้จัด โครงการหน่วยแพทย์อาสาเฉพาะทางร่วมใจเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้นำแพทย์เฉพาะทางกว่า 200 คน รวมทั้งบุคลากรทางแพทย์และจิตอาสา รวมกว่า 500 คน ไปเปิดคลินิกแพทย์เฉพาะทางรวม 22 สาขา เพื่อให้บริการทางการแพทย์แก่ผู้ป่วยในจังหวัดปราจีนบุรี และใกล้เคียง จำนวนกว่า 10,000 ราย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ซึ่งปักหมุดให้บริการที่ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร และที่ ร.ร.ปราจีนกัลยาณี จ.ปราจีนบุรี ระหว่างวันที่ 13-14 พ.ค.ที่ผ่านมา

...

กิจกรรมในโครงการนี้ได้รับการตอบรับอย่างดีจนมีประชาชนเข้ามารับบริการเกินเป้าหมาย โดยมีจำนวนถึง 14,510 คน ซึ่งผู้ลงทะเบียนล่วงหน้าและผู้ป่วยใหม่ ต้องมาจุดลงทะเบียน จากนั้นจะมีนักศึกษาแพทย์และจิตอาสา จะทำหน้าที่เนวิเกเตอร์ พาผู้ป่วยไปยังคลินิกเฉพาะที่อยู่ตามจุดต่างๆ ทั้งหมดกว่า 20 คลินิก อาทิ คลินิกศัลยกรรม, จักษุคลินิก, โรคหัวใจและหลอดเลือด, คลินิกสื่อความหมายและการได้ยิน, คลินิกผ่าตัดโรคหู, ส่องกล้องระบบทางเดินอาหารและตับแข็ง, โรคผิวหนัง, กายอุปกรณ์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีคลินิกปรึกษาด้านกฎหมาย และตรวจสอบสิทธิการรักษาอีกด้วย โดยในบางคลินิกได้นำเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยมาให้บริการ อาทิ เครื่องกระตุ้นกล้ามเนื้อและเส้นประสาท shock -wave, รถตรวจแมมโมแกรม, กล้องส่องม่านตา, กล้องส่องทางเดินอาหาร รวมถึงได้ติดตั้งระบบท่อกระสวยส่งเลือดจากห้องเจาะเลือดไปยังห้องแล็บเป็นครั้งแรกของ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งช่วยประหยัดเวลา สามารถรู้ผลภายใน 1 ชั่วโมง และยังเปลี่ยนโฉมห้องเจาะเลือดโดยใช้ระบบคิวลิ่งด้วย

ในการนี้ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.เกษม วัฒนชัย ประธานมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ พร้อมด้วย ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา นายกแพทยสภา, นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มาร่วมพิธีเปิดโครงการฯพร้อมตรวจเยี่ยมการทำงานตามคลินิกต่างๆ ซึ่ง “ศ.เกียรติคุณ นพ.เกษม” ได้กล่าวว่า โครงการนี้เป็นโครงการต่อเนื่องที่จัดขึ้นโดยหลักสูตร ปธพ. ที่นักศึกษาของหลักสูตรมีเจตนารมณ์อยากทำอะไรเพื่อสังคม ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 5 กิจกรรมของโครงการอาจจะเรียกได้ว่าเป็น “โครงการหมอมาหา” โดยการนำบริการทางการแพทย์ นำหมอเก่งเฉพาะทางไปหาคนไข้ ซึ่งการดำเนินงานได้ทำล่วงหน้ามากว่า 2 เดือน ไม่ใช่เพียงแค่ 2 วัน โดยมีการเตรียมการณ์มาอย่างน้อยครึ่งปี โครงการนี้ได้ทำในสิ่งที่เป็นตัวอย่างที่ดีงามและจับต้องได้ เพื่อประชาชน จึงอยากให้โครงการนี้เป็นเครื่องหมายแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และเป็นเครื่องหมายแสดงการมีน้ำใจต่อกันของคนไทย

ด้าน ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ นายกแพทยสภา ได้กล่าวว่า จากกิจกรรมของโครงการทำให้นักศึกษาปธพ.เข้าใจสถานการณ์ความยากลำบากและความเจ็บป่วยของประชาชน รวมทั้งทำให้แพทย์และผู้ที่ไม่ใช่แพทย์ ได้มาทำงานร่วมกัน ทำให้เข้าใจความหมายของคำว่า รู้รักสามัคคี ส่วน พล.อ.รศ.นพ.ชุมพล เปี่ยมสมบูรณ์ ประธาน ปธพ.5 กล่าวว่า กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมรวมใจแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้ลดปัญหาการเข้าถึงการรักษาในระดับทุติยภูมิและตติยภูมิ พร้อมทั้งเกิดการถ่ายทอดองค์ความรู้แก่แพทย์ในจังหวัดปราจีนบุรี รวมทั้งจะเป็นต้นแบบของการทำงานโรงพยาบาลภาคสนาม หากเกิดกรณีภัยพิบัติในอนาคตอีกด้วย

...

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร “นพ.จรัญ บุญฤทธิการ” เปิดเผยว่า สำหรับผลของโครงการนี้ ส่งผลให้ประชาชนได้รับการรักษาอย่างเป็นรูปธรรมไม่ต้องรอนาน มีการบริการแบบครบวงจร พร้อมทั้งได้เคลียร์คิวการผ่าตัด อย่างผ่าตัดตาไปจนหมด โดยมีผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดตาไปกว่า 100 ราย สามารถมองเห็นได้ตามปกติแล้ว และยังมีผ่าตัดโรคหัวใจ 7-8 ราย ซึ่งไปผ่าตัดที่กรุงเทพฯ และการผ่าตัดแก้วหู พร้อมยังได้ช่วยเหลือประชาชนที่เป็นโรคซับซ้อน ที่ทางโรงพยาบาลไม่มีแพทย์เฉพาะทางได้อีกจำนวนมาก

...

สำหรับประชาชนที่เข้ามารับบริการ อาทิ จำปา เรืองสูง บอกว่า ตั้งใจเดินทางมาร่วมโครงการนี้ตั้งแต่เช้า หลังจากทราบข่าวว่า เขามีตรวจโรคเฉพาะทาง ตั้งใจมาดูเรื่องกระดูกที่ด้านหลัง ซึ่งเป็นมานาน การมาครั้งนี้ก็ได้รับการบริการอย่างดีมาก จัดระบบได้ดี ดีใจที่โครงการแบบนี้มาจัดที่นี่ ส่วน หวิน จอมขวัญ ซึ่งเดินทางมากว่า 10 กม. เพื่อมาร่วมโครงการ บอกว่า กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมที่ดีมาก ได้เห็นน้ำใจของคนไทยที่มีต่อกัน มาช่วยเหลือกัน.