กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (MDES) หนึ่งในกระทรวงที่น่าสนใจสำหรับสังคมไทยเป็นอย่างมากว่าจะมี สส.คนไหนมานั่งเก้าอี้นี้ หลังจากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล โดยมี นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ล่าสุดได้รายชื่อของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ติดโผมาอย่างร้อนแรง ทั้งนี้มาติดตามดูกันว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง มีประวัติ การศึกษา และมีประสบการณ์ทำงานอะไรมาบ้าง

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และเป็น ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของจังหวัดนครราชสีมา โดย นายประเสริฐ  มีการศึกษาระดับมัธยมปลายจากโรงเรียนอำนวยศิลป์ พระนคร, ปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเศรษฐศาสตร์ (บริหารธุรกิจ) จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และจบปริญญาโท มหาบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ถือเป็นหัวเรือใหญ่ของ สส.พรรคเพื่อไทย ในโคราช (จ.นครราชสีมา) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเขตที่ทำให้พรรคเพื่อไทย ได้คะแนนการเลือกตั้งมาอย่างมากมาย โดยประเสริฐ จันทรรวงทอง มีประสบการณ์การทำงานอย่างมากมาย โดยนอกจากเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันปราบปรามฟอกเงิน และยาเสพติด ในสภาผู้แทนราษฎร, รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมา ปี 2544, 2548, 2550, 2554, 2562 ร่วม 5 สมัยด้วยกัน

โดยในสถานการณ์ปัจจุบันของรัฐบาลชุดใหม่นี้ ได้เปิดโผของรัฐมนตรีมาบางส่วนแล้ว โดยชื่อของ ประเสริฐ จันทรรวงทอง กลับมาอีกครั้งในฐานะของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งนายประเสริฐ นั้นจะมีบทบาทอย่างมากกับนโยบายของพรรคเพื่อไทย ใน 3 หมุดหมายสำคัญอย่าง ดิจิทัลเพื่อประชาชน เพิ่มความโปร่งใส และประสิทธิภาพ, อาชญากรรมไซเบอร์ และเทคโนโลยีและนวัตกรรม

...

นโยบายดิจิทัลเพื่อประชาชน เพิ่มความโปร่งใส และประสิทธิภาพ มี 4 เป้าหมายสำคัญดังนี้

Digital Government ในการเปลี่ยนจาก “รัฐอุปสรรค” เป็น “รัฐสนับสนุน” เพื่อปลดล็อกศักยภาพของประชาชน และผู้ประกอบการให้เป็นฟันเฟืองขับเคลื่นเศรษฐกิจไปด้วยกัน ในขณะเดียวกันยังเป็นการลดช่องทางการคอร์รัปชัน
การสร้าง One Stop Service สำหรับการให้บริการภาครัฐ การขออนุญาต อนุมัติต่างๆ จะต้องง่ายสะดวกอยู่ในแพลตฟอร์มเดียว
ลดดุลพินิจเจ้าหน้าที่ สร้างกฎเกณฑ์ชัดเจนโดยใช้ระบบเข้ามาเป็นตัวจด เช่น การใช้ Smart Contract เพื่อลดโอกาสในการคอร์รัปชัน
กำหนดระยะเวลาในการอนุมัติให้แน่นอน เพื่อความสะดวก รวดเร็ว และตัดปัญหาการเตะถ่วงและปิดช่องการเรียกเก็บค่าอนุมัติ 

จากนโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่ให้การสนับสนุน Central Bank Digital Currency (CBDC) ในการเดินหน้าพัฒนาร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นแพลตฟอร์มเปิดสำหรับประชาชน และยกระดับระบบการเงินของประเทศเพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล

นโยบายเกี่ยวกับอาชญากรรมไซเบอร์

หนึ่งในทุกข์ของประชาชนที่ถูกสร้างความเสียหาย ด้วยการหลอกลวง ขโมยเงินจากบัญชีธนาคารที่มีสถิติสูงขึ้น ทำให้หน้าที่ในการปกป้องประชาชน ด้วยการใส่ใจ จัดการอย่างเฉียบขาด ทันการ ทันที เท่าทันโลก ทันเทคโนโลยี โดยการวางระบบป้องกันภัยไซเบอร์อย่างมีประสิทธิภาพ 

โดยธนาคารส่งข้อมูลกรณีกลโกงอาชญากรไซเบอร์ให้ทันการณ์ อาชญากรรมจากเทคโนโลยีจะต้องใช้เทคโนโลยีที่เท่าทันเข้าสู้ ไม่ปล่อยอาชญากรรมไซเบอร์ลอยนวล และขยายตัวออกไปสร้างความเสียหายต่อประชาชนซ้ำซากรายวัน สูญเสียทั้งทรัพย์สิน และชีวิตอีกต่อไป ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ของ รมว.ดีอีเอส ที่จะต้องเข้ามาแก้ไขปัญหาภัยไซเบอร์นี้

นโยบายเทคโนโลยีและนวัตกรรม

Blockchain จะเป็นโครงข่ายสำคัญที่จะทำให้ Fintech เทคโนโลยีทางการเงินหรือเติบโต และจะทำให้คนไทยสามารถระดมทุนจากทั่วโลกได้ โดยเฉพาะ SME หรือ StartUp ทั้งหลาย รวมทั้งการระดมทุนให้กับเกษตรกร และการขายสินค้าล่วงหน้า เปิดโอกาสให้ผู้ที่มีความสามารถทางศิลปะและการออกแบบ ได้ขายผลงานในตลาดโลกได้ง่ายขึ้น แล้วประเทศไทยจะกลายเป็น Blockchain Hub และ Fintech Center ของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักๆ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม

ทั้งหมดนี้จึงเป็นบทบาทที่น่าสนใจสำหรับ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ที่เปลี่ยนบทบาทการทำงานอย่างน่าสนใจ ให้ประชาชนได้ติดตามกันต่อไป และยิ่งไปกว่านั้น ประเด็นจากทางสังคมที่พูดถึง นโยบายจากพรรคไทย ที่ประกาศชัดในช่วงเดินหน้าหาเสียงว่าจะมีการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยเชื่อว่านโยบายนี้จะสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ โดยมีกำหนดการที่จะเริ่มโครงการในช่วงต้นปี 2567 และเป็นหนึ่งหน้าที่สำคัญในการพิสูจน์ตนเองของ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ในบทบาท รมว.ดีอีเอส และรัฐบาลชุดใหม่อย่างแท้จริง ว่าสุดท้ายแล้วจะสามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริงหรือไม่

ข้อมูล และ ภาพ : พรรคเพื่อไทย