หาอะไรทำแก้เบื่อ อาทิตย์ก่อน คุณดั๊มพ์-รศนา สุวรรณะชฎ เทียวขับรถไปซื้อต้นไม้ที่เมืองนนท์ และสะดุดตาบ้านสวย สไตล์โคโลเนียลสีเหลือง หลังคาแดง ซึ่งหลังใหญ่มากจนต้องจอดดู พอเห็นประตูไม้แกะสลักบานใหญ่เปิด จึงขับรถพุ่งเข้าไปหาข้อมูลว่าเป็นบ้านเจ้าคุณสายไหน ใครครอบครอง โชคดีเจอกลุ่มช่างไม้ กำลังซ่อมเรือนไม้โบราณทรงคลาสสิก จึงรู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นของ คุณวาวา-จิณฑาทิพ ศิลโสภิต เจ้าของการ์เม้นท์ ส่งออกยุโรปอเมริกา และยังทำอสังหาริมทรัพย์ พอช่างไม้บอกว่า วันนี้เจ้าของก็มาดูงาน

คุณดั๊มพ์ จึงให้พาไปพบ ซึ่ง คุณวาวา ก็ต้อนรับอย่างดี ทั้งที่ไม่รู้ว่าเป็นใครมายังไง พอคุยกัน ถึงรู้ว่าเธอใช้เวลากว่าสิบปี เพื่อสร้างบ้านสไตล์โคโลเนียล ยุครัชกาลที่ 5 ที่ใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆ โดยปลูกบนที่ดินผืนสิบกว่าไร่ ซึ่งเคยเป็นบึงบัวคุณวาวา เล่าว่า บ้านหลังนี้ เกิดจากที่เธอเป็นโปลิโอมาตั้งแต่เด็ก ต้องไปทำกายภาพที่โรงพยาบาลวชิระ ซึ่งต้องนั่งรถผ่านสถานที่สวยงาม ทั้งวังเก่า และบ้านโบราณ สมัยรัชกาลที่ 5-6 จึงเกิดความใฝ่ฝัน อยากสร้างบ้านสไตล์นี้ จากนั้น ถ้ารู้ว่าบ้านเก่าหลังไหนขาย ก็จะตามไปซื้อ เก็บสะสมบานหน้าต่าง ประตู กรอบประตูไม้เก่าๆ ได้จากบ้านหลายสิบหลัง ซึ่งใช้สิบล้อเป็นสิบคันรถขน ที่ คุณดั๊มพ์ ทึ่งมากคือ การก่อสร้างบ้าน คุณวาวา เป็น “สถาปนึก” ออกแบบเองว่า บานประตูหรือหน้าต่างสไตล์ไหน ควรอยู่ตรงไหน โดยมีสถาปนิกให้คำปรึกษา ได้บ้าน 3 ชั้น ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์วินเทจยุโรป ที่ค่อยๆสะสมมา พอบ้านเสร็จ คุณวาวา ก็ตกแต่งเองทุกมุม
ซึ่งแต่ละห้องมีที่มา เช่น เธอศรัทธา รัชกาลที่ 5 มาก จึงจำลองบรรยากาศห้องจีน เพื่อประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ และยังมีห้องยุโรปที่ชั้น 3 ประดิษฐานพระบรมสาทิสลักษณ์

...

ความพิเศษของบ้านหลังนี้ คือคุณวาวา ทำ “ของเล่น” ไว้ด้วย โดยจำลองตรอกสำเพ็ง และนำของเก่าที่เก็บสะสมมาตั้งแต่ยังเด็ก มาจัดวางตกแต่งเป็นร้านค้าเหมือนสมัยก่อน เช่น ร้านตัดผมโบราณ ร้านกาแฟโกปี๊ ร้านขายทอง ร้านทำฟัน ฯลฯ ให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในย่านการค้ายุคก่อนจริงๆ

พอถามว่ามูลค่าของบ้าน คุณวาวา บอกว่า จดๆไว้ ว่าซื้ออะไร ทำอะไร แต่ไม่เคยจำตัวเลข เพราะได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จ ก็ปลื้มเป็นความสุขทางใจที่สุดแล้ว--พอคุยกันจบ คุณดั๊มพ์ จึงบอกว่า เป็น บก. Liftstyle นิตยสาร แพรว อยากจะขอถ่ายเปิดบ้าน ทำให้ คุณวาวา ดีใจมาก เพราะอ่าน แพรว มานานแล้ว จึงอนุญาตทันที และให้ลูกชายลูกสาว หลานชาย 2 มาถ่ายรูปด้วย เพื่อเก็บภาพประวัติศาสตร์ทางใจของผู้หญิงคนหนึ่งที่พากเพียร สร้างบ้านอลังการได้อย่างใจฝัน.

——————————————

หลังย้าย GAIN CLINIC จากคริสตัล พาร์ค ไปอยู่หัวมุม ทาวน์อิน ทาวน์ ซึ่งมีพื้นที่มากกว่า 3 เท่า หมอเกน-ฐาปนีย์ วณิชไพสิฐ เบ็ญจมะโน ก็ได้ใช้วิชาชีพอย่างเต็มที่ ทั้งความรู้การแพทย์เกียรตินิยมจาก มศว วุฒิบัตรโสต ศอ นาสิกวิทยาศิริราช วุฒิบัตรศัลยกรรมตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้าจากจุฬาฯ ประกาศนียบัตรเลเซอร์เพื่อความงามจากญี่ปุ่น ประกาศนียบัตรผิวหนังจาก ม.แม่ฟ้าหลวง และประสบการณ์ทำงานกับอาจารย์หมอศัลยกรรมชื่อดังไทย-เกาหลี--นอกจากขึ้นชื่อว่าทำตาสวย เป็นธรรมชาติ “ไม่เยอะ” แก้ไขรูปตา แก้หนังตาบนตก ทำตาสองชั้นอย่างมือเบาสุดๆ หมอเกน ยังมีพื้นที่เปิดโซนนวัตกรรมสวยๆงามๆได้อีกหลายสิ่ง ที่เด่นมาก คือคอร์สนวดหน้าทองคำ ซึ่งได้เทคนิคและทองคำแท้ รางวัลมาตรฐานมาจากโซล

ตั้งแต่มาอยู่คลินิกใหม่ ซึ่งใกล้บ้าน หมอเกน จึงสบายใจที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง พอเกิดโรคระบาด ต้องปิดคลินิกหลายรอบ หมอเกน จึงหาเรื่องอื่นๆทำ เริ่มจาก สมุดภาพ ซึ่งเป็นความชอบส่วนตัว แต่ไม่มีเวลาทำจริงจัง คราวนี้จึงตั้งต้นใหม่ จัดเต็ม ติดต่อศิลปินวาดภาพ หาโรงพิมพ์ฯลฯ และระหว่างนั้น ก็พบเรื่องน่าสนใจใหม่ คือการนำจุลินทรีย์มาแก้ไขบำบัดน้ำเสีย ซึ่งเพื่อนเจ้าของโรงงาน เห็น หมอเกน สนใจมากมาย จึงเปิดโอกาสให้ร่วมธุรกิจ หมอเกน จึงคิดการใหญ่ เตรียมทำธุรกิจขายตรง จะจัดประชุม รับสมัครตัวแทน ฯลฯ ระหว่างนี้
ก็ปรึกษาผู้ใหญ่ในเรื่องต่างๆ

แต่จู่ๆ หมอเกน ซึ่งปกติจะคุยๆๆเรื่องธุรกิจใหม่ก็เงียบไป ผู้ใหญ่จึงถามว่าทำไปถึงไหนแล้ว แล้วขำ เมื่อ หมอเกน ขอปรึกษาปัญหาครอบครัวแทน ว่าถูกสามี (ที่คงเหล่มานาน) โนติสว่า อยากให้ทำงานพอประมาณ เลิกงานแล้วไม่ต้องนั่งคิดแผนธุรกิจอื่นต่อ เพราะผมและลูกๆ น้องอิ๊ก น้องคิว รออยู่บ้าน วันหยุดก็อยากให้ หมอเกน ไปบ้านนครสวรรค์ด้วยกันเหมือนก่อนนี้ ไม่ใช่ทำแต่งานอยู่กรุงเทพฯ ให้พ่อลูกไปกันลำพัง--ผู้ใหญ่จึงบอกว่าจบข่าว ให้ หมอเกน เลิกคิดขยายงานใหม่ และทำตามที่สามีน่ารัก สุเมธ วณิชไพสิฐ เจ้าของ KT OPTIC ซึ่งมี 170 สาขา พูดว่า “เกน จะทำงานหนักไปทำไม เพราะแค่เอาใจ อ้อนผม ก็ได้เงินใช้สบายๆแล้ว”.

...

โสมชบา