เป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่อนาคตไกล ที่ก่อร่างสร้างตัวด้วยลำแข็งของตัวเอง “จักรกฤษณ์ แสงแก้วสุข” ทำงานสามารถส่งตัวเองเรียนจนจบ และได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหารโครงการร้านค้า ด้วยความขยันมุ่งมั่นที่จะสร้างฝัน สร้างอนาคตด้วยสองมือของตัวเอง
จักรกฤษณ์ หรือ หยก หนุ่มนักธุรกิจวัย 26 ปี กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ท มีเดีย โซลูชั่น จำกัด ผู้บริหารโครงการร้านค้า ร้านอาหาร Eat Up สนามบินน้ำ ได้เล่าถึงเส้นทางชีวิตว่า ตนเป็นลูกคนสุดท้องในจำนวน 5 คน ที่บ้านค้าขาย ฐานะปานกลาง พ่อเคยทำธุรกิจแบ่งที่มาปล่อยเช่าให้พ่อค้าแม่ค้าขายของ ซึ่งตนก็ชอบค้าขายมาตั้งแต่เด็ก เคยขอพ่อแม่ (ประเสริฐสุดใจ แสงแก้วสุข) ขายเส้นก๋วยเตี๋ยว ไปโรงเรียนก็เคยเอาซีดีไปขายเพื่อน พอเรียนจบจาก ร.ร.เทพศิรินทร์ร่มเกล้า ไปสอบตรงที่คณะรัฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ โดยเลือกสอบที่เดียว ถ้าไม่ได้ก็ไม่มีที่เรียน เลยตั้งใจดูหนังสือเต็มที่ จนสอบเข้าได้ และเลือกเรียนด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะเป็นคนชอบการเจรจา ระหว่างที่เรียนด้วยความอยากหารายได้ เลยลงทุน 1,500 บาท ซื้อปรินเตอร์ ทำแผ่นโฆษณาหอพักรอบมหาวิทยาลัย และทำเว็บไซต์หอพัก www.horpaktu.com จากนั้นก็ขยายไปรับงานอีเวนต์ต่างๆ มีรายได้ส่งตัวเองเรียนตั้งแต่ปี 2 โดยไม่ต้องขอเงินที่บ้าน พอเรียนจบรู้ตัวว่าคงไม่เหมาะกับงานราชการ เลยลองไปสมัครงานด้านมาร์เกตติ้งดู ด้วยความที่เคยทำเงินระหว่างเรียนได้เดือนละ 3-4 หมื่น เลยเรียกเงินเดือนไป 5 หมื่น จึงไม่มีใครรับ ไม่มีโอกาสเป็นมนุษย์เงินเดือน แล้วจึงออกมาทำธุรกิจส่วนตัว
“ผมทำงานมาหลายอย่างจนกระทั่งมาทำโครงการร้านอาหาร และร้านค้า ซึ่งตอนนี้มี 4 แห่ง ล่าสุดที่เพิ่งเปิดคือ โครงการ Eat Up สนามบินน้ำ และกำลังจะเปิด Eat Up อีกที่ ที่เรวดี นอกจากนี้ยังทำร้านอาหาร “ตำยำแหลก” ที่ลาดกระบัง และร้าน “ปล้าร้า” ที่โครงการ Eat Up สนามบินน้ำ โดยร่วมกับพี่อิ่ม-วีรศักดิ์ ชุณหจักร ผมก็ลุยทำงานทุกอย่างล่ะครับ ทำงานเพื่อเติมความฝันตั้งแต่เด็กๆ ที่บ้านไม่ได้มีฐานะอะไร ปมในชีวิตอยากมีบ้านสวยๆ มีรถสวยๆ อยากให้ครอบครัวสบาย เพราะฉะนั้นเลยพยายามไขว่คว้าหาโอกาสต่างๆ ด้วยความที่คิดว่าเมล็ดพันธุ์พืชที่ดีอยู่ตรงไหนก็จะงอกงามได้เสมอ ซึ่งถ้าเรามีความสามารถ ขยันทำงาน เราก็จะสามารถสร้างเนื้อ สร้างตัวได้”
...
เมื่อชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หนุ่มสู้งานคนนี้จึงต้องลุยทำงานอย่างขยันขันแข็งทำงานโดยมีหลักยึดว่า “ผมว่าที่ผมมีได้ทุกวันนี้ เพราะผมทำงานด้วยความจริงใจ อย่างคนที่จะมาเช่าร้านในโครงการ ถ้าผมมองดูแล้วว่ามันจะลงทุนเกินตัวเขา แล้วไม่คุ้ม ผมก็จะไม่แนะนำเลยครับ แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดในการใช้ชีวิตคือ เราต้องมีทั้งความกตัญญูและเครดิตน่าเชื่อถือ ห้ามทำลายตัวเองเด็ดขาด เวลาเราเดือดร้อน ก็จะมีหลายคนพร้อมยื่นมือเข้ามาช่วย แล้วเราก็ต้องรู้จักบุญคุณคน”
และกว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ หยกนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงคนนี้ บอกทิ้งท้ายว่า “การทำธุรกิจก็ต้องมีความเสี่ยง มีความเครียดว่า จะเจ๊ง หมดตัวหรือเปล่า ต่างจากการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่มีความเครียดแค่ถูกหัวหน้าด่า แต่ด้วยความที่ผมชอบมองโลกในแง่บวก มองว่าทุกที่มีหนทางมีโอกาสเสมอ ถ้าเราไม่กล้าลงมือทำ เราก็จะไม่ได้เริ่ม ความเสี่ยงที่สุดคือ การไม่ทำอะไรเลย แล้วเราก็จะแพ้ตั้งแต่เรายังไม่ลงมือครับ”......หนึ่งใจที่สู้กับสองมือทำ จึงพาให้นักธุรกิจหนุ่มคนนี้มาถึงฝั่งฝันจนสำเร็จ.