มีรายงานทางวิทยาศาสตร์หลายฉบับที่เชื่อถือได้โดยไม่ได้รับทุนจากบริษัทเบียร์ พบว่าเบียร์มีประโยชน์สำหรับสุขภาพ

ประวัติศาสตร์ของเบียร์เริ่มมาจากยุคที่มนุษย์รู้จักการเพาะปลูกเพื่อนำธัญพืชมากินจากเดิมที่ล่าสัตว์อย่างเดียวเพื่อหาอาหาร ประมาณเวลาว่าน่าจะหลังจากยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายจบลง คือประมาณ 10,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช จุดเริ่มต้นคือดินแดนเมโสโปเตเมียซึ่งคืออิรัก ตุรกี และซีเรียในปัจจุบัน

ธัญพืชเหล่านี้ไม่เหมาะกับการกินดิบๆ จึงมีการผสมน้ำร่วมกับเครื่องปรุง เช่น ปลา ถั่ว และผักผลไม้ต่างๆในภาชนะที่ทำจากตะกร้าพอกด้วยน้ำมันดินหรือผงปูน และทำให้ร้อนโดยใส่หินผ่านการเผาไฟลงไป ธัญพืชเหล่านี้จะแตกตัวออกและปล่อยคาร์โบไฮเดรต

คือแป้งลงไปในซุป ซึ่งน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของอาหารที่เรียกว่าโจ๊ก ต่อมาพบว่าข้าวที่ถูกแช่น้ำทิ้งไว้และเริ่มมียอดอ่อนแทงออกมาจะมีรสหวาน คือจุดเริ่มต้นของสิ่งที่เรียกว่ามอลต์ ซึ่งได้จากการแช่เมล็ดข้าวในน้ำก่อนจะนำไปตากให้แห้ง

มนุษย์ในอดีตพบว่าเมื่อทิ้งโจ๊กไว้ 2-3 วัน จะเกิดการบูด เมื่อกินเข้าไปจะมีรสซ่าเล็กน้อย เกิดอาการมึน และถ้าโจ๊กถ้วยนั้นมีส่วนผสมของมอลต์จะทำให้รสดีขึ้น นี่คือที่มาของเบียร์ซึ่งเริ่มต้นจากโจ๊กบูดนี่เอง

...

ข้อมูลทางประวัติศาสตร์บางชิ้นบ่งชี้ว่าเบียร์อาจจะไม่ใช่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดแรกที่มนุษย์รู้จัก เพราะก่อนหน้านี้พบว่า การหมักน้ำกับน้ำผึ้งทำให้ได้ mead ซึ่งเรารู้จักกันดีในปัจจุบันคือเหล้าหมักจากน้ำผึ้ง ซึ่งทั้งเบียร์และ mead ก็ได้จากความบังเอิญที่มนุษย์ไปกินโจ๊กและน้ำหมักน้ำผึ้งที่บูด

ภาชนะที่ใช้ในการหมักยุคแรกมักเป็นตะกร้าบุด้วยยางไม้ น้ำมันดินหรือผงปูน ไม่ก็กระเพาะสัตว์ ท่อนไม้ที่เจาะให้เป็นหลุม เปลือกหอยขนาดใหญ่

จากนั้นก็มีการพัฒนาต่อมาโดยใส่มอลต์มากขึ้นเพื่อให้เบียร์มีฤทธิ์แรงขึ้น ยิ่งหมักบ่มนานก็ยิ่งแรง รวมถึงการต้มให้ทั่วถึงก็ทำให้เบียร์แรงขึ้นเช่นกัน เพราะทำให้เอนไซม์ถูกกระตุ้นด้วยอุณหภูมิที่สูงจึงเปลี่ยนแปลงเป็นน้ำตาลได้มากขึ้น ยีสต์ก็เปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น

ภาชนะก็เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ คนโบราณพบว่าถ้าใช้ภาชนะเดิมหมักเบียร์จะทำให้ได้รสชาติที่ดีและคงที่ ดังนั้นเวลาเดินทางจึงมีภาชนะหมักติดตัวไปด้วยเสมอ การใช้ภาชนะซ้ำกันสามารถอธิบายได้จากยีสต์ไปสะสมอยู่ตามรอยแยกของภาชนะทำให้การหมักได้ผลดีมากขึ้น และต่อมาก็เรียนรู้การเติมส่วนประกอบเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นลูกไม้ป่า น้ำผึ้ง สมุนไพร เครื่องเทศต่างๆ เป็นที่มาของความหลากหลายของเบียร์ในปัจจุบัน

ส่วนประกอบที่สำคัญคือฮอปส์นั้นถูกเพิ่มขึ้นมาภายหลังช่วงที่มีการขนส่งเบียร์มาทางเรือแล้ว ไม่สามารถควบคุมการเน่าเสียของเบียร์ได้เพราะสมัยนั้นยังไม่มีห้องเย็นจึงใช้ฮอปส์เพื่อเป็นวัตถุกันเสีย.

คลิกอ่านคอลัมน์ "สุขภาพหรรษา" เพิ่มเติม