ตามหลักโหราศาสตร์จีนเชื่อว่า “เทพไท้ส่วยเอี๊ย” เป็นผู้คุ้มครองดวงชะตาชีวิต ในทุกปีดวงชะตาของคนจะเปลี่ยนแปลงไปทั้ง 12 นักษัตร หากปีใดเป็น “ปีชง” หมายถึงนักษัตรเป็นปฏิปักษ์กับปีนั้น อาจทำให้ชีวิตมีอุปสรรค ทำกิจการใดก็ไม่ราบรื่น จึงเป็นที่มาของการไหว้ “เทพไท้ส่วยเอี๊ย” เพื่อ “แก้ชง” ให้เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตาขจัดปัดเป่าเคราะห์ร้ายและอุปสรรคต่างๆให้ผ่านพ้นไปด้วยดี จากที่จะประสบพบเจอเหตุร้ายรุนแรงก็อาจทุเลาเบาบางลงได้ เป็นความเชื่อที่ชาวไทยเชื้อสายจีนปฏิบัติสืบต่อกันมา เพื่อความสบายใจในช่วงปีชง

ผมเป็นคนหนึ่งที่มีภรรยาคอยเอาใจใส่เป็นห่วงเป็นใย โดยเฉพาะเรื่องดวงชะตาที่เข้าสู่ “ปีชง” เธอมักคอยเตือนให้ไปไหว้แก้ชงอยู่เสมอ กระทั่งช่วงหลังวันตรุษจีน ผมตั้งใจไปที่ “วัดเล่งเน่ยยี่” เพื่อไหว้เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตาชีวิต หวังให้ “เรื่องหนักเป็นเบา ทุเลาเป็นหาย” ที่สำคัญคือการใช้ชีวิตอย่างมีสติ หลังทำการปัดตัว ฝากดวงชะตากับ “เทพไท้ส่วยเอี๊ย” เรียบร้อยเป็นที่สบายอกสบายใจ ผมเดินลัดเลาะหาของกินจากริมถนนเยาวราช เลี้ยวขวาตรงแยกเสือป่าไปตามถนนเจ้าคำรบ มุ่งหน้าโรงพยาบาลกลาง เพื่อหาของกินริมทางในช่วงเวลากลางวัน พลันสะดุดตากับกลุ่มคนกำลังรุมล้อมรถมอเตอร์ไซค์พ่วงคันหนึ่ง ชายหนุ่มคนขายหยิบจับส่งของให้ลูกค้ามือเป็นระวิง มันเรียกความสนใจจากผมได้เป็นอย่างดี สังหรณ์ใจว่าเจอของอร่อยเข้าแล้วแน่ๆ

...

“คุณชายตะลอนชิม” สัปดาห์นี้ “คุณชายแป๊ะ” ขอแนะนำร้าน “ขนมจีบก๋วยเตี๋ยวหลอดลุงเอก” ของ “รักษ์-ธนัชพงศ์ รุ่งธีระนราศักดิ์” อายุ 33 ปี ผมยืนมองกลุ่มคนที่รุมล้อมซื้อขนมจีบและก๋วยเตี๋ยวหลอดจากชายหนุ่มเนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ส่งยิ้มหวานเห็นเหล็กดัดฟัน มือคีบขนมจีบทั้งแบบแป้งสีเหลืองและแป้งสีเขียวใบเตยใส่ลงกล่องคล่องแคล่ว ขนมจีบลูกกลมโตดูน่ากินยิ่งขึ้นเมื่อตักกระเทียมเจียวโรยหน้า สิ่งที่ทำให้ลูกค้าติดอกติดใจเป็นพิเศษนั่นคือน้ำจิ้มรสเด็ด ขวดซีอิ๊วหวานฉลากสีส้มที่ผ่านการเคี่ยวต้มตามสูตรมาอย่างดี ถูกเหยาะลงไปในขนมจีบและก๋วยเตี๋ยวหลอดกล่องแล้วกล่องเล่า

“เอาขนมจีบกับก๋วยเตี๋ยวหลอดผสมกัน 1 กล่อง ราดน้ำจิ้มแบบพร้อมกินเลยนะครับ” ผมสั่งมาลองชิมหลังรอคิวอยู่พักใหญ่

คุณรักษ์ยิ้มหวานตอบรับอย่างดี “ได้ครับพี่ ขอโทษที่ให้รอนานนิดนึงนะครับ พอดีช่วงพักเที่ยงเป็นเวลาที่ลูกค้ามาทานพร้อมกัน”

ลังนึ่งก๋วยเตี๋ยวหลอดมีไอน้ำพวยพุ่งตลอดเวลา มองเห็นก๋วยเตี๋ยวหลอดห่อม้วนเป็นแท่งเรียงเป็นชั้นๆ รอให้คุณรักษ์หยิบขึ้นมาตัดเป็นชิ้นๆ ขนาดพอดีคำ จากนั้นจึงคีบขนมจีบใส่ลงไป ก่อนโรยหน้าด้วยแผ่นเกี๊ยวทอดกรอบ, กากหมูเจียว, กระเทียมเจียว และกุ้งแห้ง ตบท้ายด้วยน้ำจิ้มซีอิ๊วดำหวานสูตรเด็ดที่มัดใจลูกค้า

กลิ่นของซีอิ๊วดำหอมขึ้นจมูก เครื่องเคราต่างๆผสมลงไปอัดแน่นเต็มชามโฟมในราคา 40 บาท ผมว่ามันคุ้มค่าสำหรับมื้อกลางวันเป็นอย่างยิ่ง ขนมจีบไส้อัดแน่นด้วยหมูสับ เส้นก๋วยเตี๋ยวหลอดเหนียวนุ่ม เพิ่มสีสันด้วยเกี๊ยวกรอบและกากหมูเจียว เวลาเคี้ยวช่างเข้ากับน้ำจิ้มซีอิ๊วดำหวานเป็นอย่างดี ความหวานเค็มลงตัว เหยาะพริกน้ำส้มหน่อยช่วยตัดรสชาติ ยิ่งทำให้การกินมื้อกลางวันริมทางวันนี้มีความสุขจริงๆ

ผมอาศัยจังหวะที่คุณรักษ์ปลอดลูกค้าพูดคุยกัน โดยเสียงของรถที่วิ่งผ่านไปมาไม่เป็นอุปสรรคการสนทนา คุณรักษ์เล่าว่า “เมื่อ 22 ปีก่อน คุณพ่อเอก–เอกรัฐ ไชยประยา อายุ 52 ปี ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่าลุงเอก เริ่มเร่ขายขนมจีบก๋วยเตี๋ยวหลอดหาเงินเลี้ยงครอบครัว บ้านผมอาศัยอยู่ที่ชุมชนวัดสีหไกรสร ย่านพรานนก กระทั่งเมื่อ 5 ปีก่อนเกิดเหตุไฟไหม้บ้าน พ่อช่วยอุ้มยายออกมาได้ ก่อนพ่อจะกระโดดหนีลงมาจากชั้น 2 ทำให้พ่อขาหัก ครอบครัวแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ผมคิดว่าคงต้องทำอะไรสักอย่าง เปรียบเสมือนในวิกฤติมีโอกาสจึงตัดสินใจมาขายแทนพ่อ โดยมีพ่อคอยบอกสูตรทั้งหมด พอลองขายเพียงแค่ 2 วัน ทำให้รู้ว่าเราทำได้ เราไปต่อได้ ใช้เวลา 1 เดือนเศษกว่าพ่อจะรักษาตัวหายดี พ่อจึงหารถมอเตอร์ไซค์ต่อพ่วงให้ผมไว้ค้าขายอีกคันหนึ่ง และใช้ทำมาหากินมาจนถึงวันนี้”

...

...


“สูตรการทำขนมจีบใช้กะหล่ำปลีหั่นคลุกเคล้ากับหมูสับ ผสมด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว น้ำตาล และพริกไทย จากนั้นนำมาห่อกับแผ่นเกี๊ยว ส่วนก๋วยเตี๋ยวหลอด ใช้ถั่วงอก เต้าหู้ หมูสับ มาเป็นไส้ นำไปห่อกับแผ่นแป้งก๋วยเตี๋ยวหลอด ห่อเป็นท่อนแล้วก็นำไปนึ่งขายร้อนๆ นอกจากนี้ยังมีเครื่องเคียงที่ต้องทำสดใหม่ทุกวัน ทั้งเกี๊ยวทอดกรอบ, กากหมูเจียว, กระเทียมเจียว, กุ้งแห้ง และน้ำจิ้มหวานสูตรเด็ดของพ่อ ที่ใช้ซีอิ๊วหวานฉลากสีส้มมันจะมีรสชาติขมและเค็มนิดๆ ต้องนำซีอิ๊วหวานไปเคี่ยวกับน้ำตาลอีกรอบเพื่อให้ได้รสชาติ เวลาทานกับก๋วยเตี๋ยวหลอดมันจะเข้ากันดีกว่าซีอิ๊วหวานสำเร็จรูป”

“ผมกับพ่อจะแยกกันขาย โดยช่วงวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 11.00–13.00 น. ผมจะขายอยู่หน้าโรงพยาบาลกลาง ฝั่งถนนเจ้าคำรบ จากนั้นจะขี่รถไปขายแถวปากคลองตลาด, วัดพระแก้ว, ศาลหลักเมือง และโรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ขายถึงประมาณ 16.00 น. หยุดวันเสาร์ ส่วนวันอาทิตย์ขายอยู่ที่โรงพยาบาลธนบุรี 1 ตั้งแต่เวลา 07.30–12.00 น. ส่วนพ่อจะขายอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ การขี่รถเร่ขายมันใช้ประสบการณ์ในการขายว่าจะมีคนมาซื้อ หรือควรจะย้ายไปขายที่อื่น สัญชาตญาณมันจะบอกเอง แต่โดยหลักผมจะขายอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลกลางครับ”

...

“จากเหตุการณ์ไฟไหม้วันนั้นกลับกลายให้ผมมีอาชีพ สร้างรายได้ให้ผมและครอบครัว หาเงินมาเลี้ยงลูกสาววัย 6 เดือน รู้สึกขอบคุณพ่อที่ถ่ายทอดวิชาชีพให้ ทำให้ไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างใคร ทำให้ผมได้ประกอบสัมมาอาชีพสุจริต เงินทุกบาททุกสตางค์ที่ได้มารู้สึกมีค่า เพราะหามาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานของตัวเอง พ่อสอนอยู่อย่างเดียวว่า ถ้าลูกค้ามากินอย่าให้เขาติดเงิน ถ้าเขาไม่มีเงินให้เขากินฟรีไปเลยดีกว่า เราจะได้มีความสุขในการค้าขาย แล้วก็ไม่ต้องมาเครียดด้วย” คุณรักษ์กล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มจริงใจ

นี่อาจจะเป็นหนึ่งในตัวอย่างเรื่องดวงชะตาของคนที่พลิกฟื้นจากเรื่องร้ายกลายเป็นดี และแน่นอนว่าทุกวิกฤติมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ เพียงแค่หาให้เจอแล้วลงมือทำ

สนนราคา ขนมจีบ 20–50 บาท, ก๋วยเตี๋ยวหลอด 30–50 บาท, ชุดผสมรวมทั้งขนมจีบและก๋วยเตี๋ยวหลอด 40–70 บาท “ขนมจีบก๋วยเตี๋ยวหลอดลุงเอก” ขายจันทร์-ศุกร์ ที่หน้าโรงพยาบาลกลาง เวลา 11.00-13.00 น. หยุดทุกวันเสาร์ ส่วนวันอาทิตย์ขายที่หน้าโรงพยาบาลธนบุรี 1 ถนนอิสรภาพ 07.30-12.00 น. โทรศัพท์ 08–5585–6523.


คุณชายแป๊ะ

คลิกอ่านคอลัมน์ “คุณชายตะลอนชิม” เพิ่มเติม