ตลาดลักชัวรีไทยฟิตจัด ปี 2024 โตแรงกว่า 1.8 แสนล้านบาท แซงหน้าสิงคโปร์ไปเรียบร้อยแล้ว สวนกระแสอุตสาหกรรมลักชัวรีทั่วโลก สะท้อนได้จากเม็ดเงินโฆษณาแบรนด์หรูต่างๆที่พุ่งเป้ามาที่ประเทศไทย เติบโตถึง 214% ในครึ่งแรกของปี 2024 สูงที่สุดในเอเชีย เมื่อถนนทุกสายมุ่งหน้ามาไทยแลนด์ จึงเป็นโอกาสทองที่สื่อไทยจะได้กระทบไหล่และสัมภาษณ์ผู้บริหารระดับโลก

หนึ่งในผู้บริหารใหญ่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกลักชัวรีที่ “ไทยรัฐ” ได้พูดคุย ด้วยอย่างใกล้ชิดคือ “ฌอง–คริสตอฟ บาแบง” (Jean–Christophe Babin) ซีอีโอแห่งบุลการี (BVLGARI) แบรนด์เครื่องประดับระดับโลกจากเครือ LVMH ที่บินมาเมืองไทยด้วยตัวเอง เพื่อร่วมงานเปิดตัวสุดเอกซ์คลูซีฟ “Bvlgari Tubogas” อวดผลงานไอคอนิกล่าสุด ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเทคนิคทูโบกาสของเมซง หลังเปิดตัวครั้งแรกที่นิวยอร์กซิตี้ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยมีเหล่าเซเลบริตี้ และ “Friend of The House” จากทั่วเอเชียมาร่วมงานคับคั่ง พร้อมด้วย “ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล” แบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลกที่ทรงอิทธิพลที่สุดของบุลการี

...

งานนี้ตอบลึกตอบตรงทุกคำถาม ตั้งแต่ความแข็งแกร่งของไทยในตลาดลักชัวรีมาร์เกต ที่กำลังกลายเป็นหมุดหมายใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไปจนถึง “ลิซ่าโมเมนต์” ในฐานะศิลปินสาวชาวไทย ผู้สร้างตำนาน “Global Brand Ambassador” ที่สร้างบิ๊กอิมแพกต์แรงที่สุดในวินาทีนี้

หลายคนรู้จัก “ฌอง-คริสตอฟ บาแบง” ในฐานะเจ้าพ่อวงการนาฬิกาหรู ผู้อยู่เบื้องหลังการฟื้นคืนชีพแบรนด์นาฬิการะดับไฮเอนด์ ที่ล้ำหน้าที่สุดอย่าง “แทค ฮอยเออร์” (Tag Heuer) ให้กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์นาฬิกาสวิสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ก่อนได้รับความไว้วางใจให้มารับตำแหน่งผู้นำแบรนด์จิวเวลรีหรูสัญชาติอิตาเลียน ที่ครองใจคนทั่วโลกมายาวนานถึง 140 ปี

ประเทศไทยมีศักยภาพแค่ไหนในตลาดลักชัวรี

ไทยกำลังถูกมองว่าเป็น “ตลาดน้องใหม่” ปัจจุบันขนาดตลาดลักชัวรีของประเทศไทยสามารถเทียบเท่ากับสิงคโปร์แล้ว และยังมีศักยภาพเพียงพอที่จะก้าวสู่การเป็นตลาดลักชัวรีอันดับหนึ่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ต่างจากสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ก้าวสู่อุตสาหกรรมนี้ก่อนใครในภูมิภาค ในความคิดของผมมองว่า “กรุงเทพมหานคร” คือศูนย์กลางของแบรนด์ลักชัวรีและจะเป็นต่อไป จะเห็นได้จากการเข้ามาเปิดตัวร้านหลากหลายรูปแบบในไทย ไม่ว่าจะเป็น แฟล็กชิปสโตร์, คอนเซปต์สโตร์ หรือไดเรกต์สโตร์ ไม่เพียงกระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ แต่แบรนด์ยังสนใจจะขยับขยายไปสู่จังหวัดใหญ่ๆ เช่น ภูเก็ต ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นดีของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ

...

อะไรคือจุดแข็งที่เป็นเสน่ห์ของประเทศไทย

สำหรับประเทศไทย ความหลากหลายของพื้นที่ทำให้มีจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก และมากไปกว่านั้นคือ ไทยรุ่มรวยเอกลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรม ทำให้สามารถพัฒนาพื้นที่อื่นให้กลายเป็นจุดหมายของตลาดลักชัวรีได้ นอกจากนี้ สังคมไทยยังเปิดรับชาวต่างชาติ ความใจดีและเปิดกว้างของคนไทยได้รับการชื่นชมจากทั่วโลกอยู่บ่อยครั้ง

...

ทำไมถึงเลือก “ลิซ่า” เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับโลก

คนไทยสนใจและโปรลักชัวรีมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ทั้งหมวดหมู่เครื่องประดับ, กระเป๋า และน้ำหอม โดยเฉพาะความหลงใหลในนาฬิกาและจิวเวลรี ซึ่งเป็นสินค้าหลักของบุลการี ที่มียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากแบรนด์บุลการีร่วมงานกับ “ลิซ่า” โดยแต่งตั้งเป็น “Global Brand Ambassador” เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2020 “ลิซ่า” สามารถเชื่อมโยงระหว่างแบรนด์บุลการีกับคนไทยได้เป็นอย่างดี เพราะเธอเป็นศิลปินที่ประสบความสำเร็จ และเป็นความภาคภูมิใจของคนไทย จากเดิมที่บุลการีเคยใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์เป็นคนอเมริกันและยุโรปมาตลอด

อะไรคือความสำเร็จชัดเจนที่สุดจาก “ลิซ่าโมเมนต์”

การเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับความรู้สึกของผู้คนได้โดยตรง เธอสร้าง “Emotional Bonding” ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าได้โดยตรง ไม่เฉพาะลูกค้าชาวไทย แต่ยังสร้างอิมแพกต์ไปทั่วโลกด้วย โดยเฉพาะเมื่อมีส่วนร่วมในการออกแบบผลิตภัณฑ์ อย่างเช่น นาฬิการุ่นลิมิเต็ดอิดิชัน ความนิยมในตัว “ลิซ่า” นับเป็นปรากฏการณ์ระดับโลก เธอดึงดูดคนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่กลุ่มมิลเลนเนียลส์ ที่เป็นแฟนคลับกลุ่มใหญ่ของเธอ ไปจนถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ อย่างเช่น กลุ่ม Gen Z ทำให้สัดส่วนกลุ่มลูกค้าของบุลการีเป็นกลุ่มที่เด็กขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

...

อนาคตของตลาดลักชัวรีในไทยจะสดใสนานแค่ไหน

ในปีถัดไปตลาดลักชัวรีในไทยจะอยู่ในจุดที่ปลอดภัย โดยปัจจุบันยอดซื้อของคนไทยมีอัตราที่สูงขึ้นกว่าปีที่แล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงเทรนด์การบริโภคสินค้าลักชัวรีที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เพียงแต่ว่าจิ๊กซอว์ที่ยังขาดหายไป คือการกลับมาของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนแบบเต็มจำนวน พิจารณาจากสัดส่วนนักท่องเที่ยวในปีนี้ที่ยังไม่กลับมาเทียบเท่าจำนวนในช่วงก่อนโควิด ทำให้กำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักหดตัวลง

ถ้าอยากเพิ่มศักยภาพให้ตลาดไทยต้องโฟกัสกลยุทธ์ไหน

หากมองแง่ดีเกี่ยวกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมแบรนด์หรูทั่วโลก แม้จะต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากมหภาค เช่น ภาษีศุลกากรของ “โดนัลด์ ทรัมป์” และการชะลอตัวของตลาดจีนที่ยังไม่ฟื้นกำลังเต็มที่ อย่างไรก็ดี ในปีหน้าตลาดลักชัวรีไทยจะฟื้นตัวเต็มที่มากกว่าปีนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน รวมถึงข้อตกลงในการงดเว้นใช้วีซ่าสำหรับทั้งสองประเทศ ที่จะช่วยกระตุ้นการเดินทางระหว่างจีนและไทย ซึ่งไม่ใช่นักท่องเที่ยวจากเมืองหลัก เช่น ปักกิ่ง, เฉิงตู และเซี่ยงไฮ้ เท่านั้น แต่ปัจจุบันเที่ยวบินที่มาจากเมืองรองของจีนยังเป็นที่นิยมมากขึ้น จุดนี้จะช่วยเพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวขาเข้าจากจีนให้สูงขึ้นกว่าที่เคยมีมาและนับเป็นข้อดีที่จะกระตุ้นความคึกคักให้กับตลาดไทยในปีถัดไป หลังจากโควิดตลาดกำลังรีบาลานซ์หรือปรับสมดุลที่มาของนักท่องเที่ยว แม้ว่าจีนจะเป็นกำลังซื้อหลัก แต่ผู้ขายในไทยไม่ได้พึ่งพาแค่นักท่องเที่ยวจีนเพียงกลุ่มเดียวอีกต่อไปแล้ว นักท่องเที่ยวจากตะวันตก, อเมริกา และยุโรป ล้วนเป็นนักท่องเที่ยวกำลังซื้อสูงที่มีสัดส่วนในไทยเยอะไม่แพ้กัน

ใจฟูเลยทีเดียว!! ซีอีโอระดับโลกโปรยยาหอมแรงขนาดนี้ จุดประกายความหวังให้ประเทศไทยชัดๆ พร้อมทะยานสู่จุดหมายใหญ่เป็นคลื่นลูกใหม่ของตลาดลักชัวรีเอเชีย.


ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่