คาราบาว วงดนตรีเพลงเพื่อชีวิตระดับตำนาน เตรียมเฉลิมฉลอง 4 ทศวรรษสุดยิ่งใหญ่ บนเวที “คอนเสิร์ต 40 ปี คาราบาว” โดยค่ายวอร์นเนอร์ มิวสิค ประเทศไทย พร้อมเปิดทำการแสดง วันเสาร์ 11 พ.ย.66 ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ขนเพลงฮิต 40 เพลงจากอัลบั้มแรกจนอัลบั้มล่าสุดมาเล่นให้ฟังกันแบบจุกๆ ก่อนจะถึงคอนเสิร์ตสุดพิเศษ แอ๊ด-ยืนยง โอภากุล เล็ก-ปรีชา ชนะภัย และเทียรี่ เมฆวัฒนา เป็นตัวแทนสมาชิก “คาราบาว” มาเปิดใจเหตุผลที่แฟนๆไม่ควรพลาด! ใน “คนดังนั่งคุย”
การกลับมาขึ้นเวที 40 ปี คาราบาวในคอนเสิร์ตครั้งนี้
น้าแอ๊ด : “จริงๆ มันผ่านมาแล้ว 2 ปี เราตั้งใจทำคอนเสิร์ตตั้งแต่ปี 64 เป็นคอนเสิร์ตครบ 40 ปีแต่มันมีสถานการณ์โควิดก็เลยต้องเลื่อนมาครั้งนี้ก็ยังใช้คำว่า 40 ปี 40 เพลง”
การรวมตัวครั้งนี้มีความพิเศษยังไงบ้าง
“ครั้งนี้จะไม่เหมือนทุกครั้งเพราะทุกครั้งที่มีคอนเสิร์ต คนจะนึกถึงแต่ว่าจะต้องมีแขกรับเชิญ มีการดีไซน์เวทีอลังการขนาดไหน แต่ครั้งนี้ความอลังการผมมอบให้ทาง วอร์นเนอร์เป็นผู้จัดฯ ไปครีเอตเอาเอง แต่พวกเราจะใช้เวลา 3-4 เดือนที่ผ่านมากลับมาซ้อมทั้งหมด 40 เพลง 40 ปี เอาแบบเล่นให้เบื่อ คือเราเล่นมันจนชำนาญ เราอยากให้คอนเสิร์ตครั้งนี้ คนดูจะได้ดูเราเล่นเป็นไลฟ์สไตล์ ไม่ใช่มาดูพวกเราเล่นต้องก้มดูสคริปต์ เล่นอะไรต่อ คอนเสิร์ตที่ผ่านๆมา ของเรา เราวางเพลงกันเอง เป็นครั้งแรกเลยที่เราคิดเองจะเล่นเพลงอะไรบ้าง”
คอนเสิร์ตครั้งนี้พี่เทียรี่มีการเตรียมความพิเศษยังไงบ้าง
เทียรี่ : “เก๊กหล่อ (หัวเราะ) ก็ไม่มีอะไรหรอก เราก็เล่นไปตามธรรมชาติ อาจจะมีเปลี่ยนบ้างเพื่อให้เกิดความแตกต่าง อย่างเพลงตุ๊กตา ผมจะร้องก่อนและให้พี่แอ๊ดที่เป็นออจิรินอล เพราะผมเป็นออริจิเน่าไง (หัวเราะ) มันจะได้เกิดความรู้สึกที่มันดี เพราะเป็นเพลงแรกที่พี่แอ๊ดให้ผมร้อง เพลงเสียงเครื่องบินมันสูงมาก ตาผมเหล่ไง ผมร้องสู้พี่แอ๊ดไม่ได้ ผมขอร้องเพลงช้าเหอะ ผมร้องไม่ไหว ต้องยอม”
...
พี่เล็ก : “ขอขยายที่พี่แอ๊ดพูดนิดนึงเดี๋ยวคนไม่เข้าใจเราบอกให้เบื่อ ไม่ได้หมายความว่าให้คนดูเบื่อนะ เราไม่เคยทำแบบนี้มาเลย ใน 40 เพลงถือว่าเยอะเหมือนกัน พี่แอ๊ดใช้คำว่าเบื่อ คือเราจะเล่นกันให้เบื่อ คือการซ้อมดนตรีถ้าเราซ้อมจนเราชำนาญยังไม่ถึงขั้นเบื่อยังถือว่าเล่นผิดได้นะ เพราะมันต้องใช้สมองจำแต่ถ้าเล่นจนเบื่อ ผมเบื่อเพลงนี้นั่นคือเกินความชำนาญเล่นแบบไม่ต้องคิดแล้ว หยิบกีตาร์ปุ๊บเล่นได้เลย ไม่ลืมเนื้อด้วย เบื่อแล้วจะลืมได้ยัง นี่คือครั้งแรกที่เราทำแบบนี้ เราแอบเอามาเล่นก่อนให้คนในผับ ที่เรามีงานทุกวันๆ มาเล่น 3-4 เพลงทุกวัน จนมีลิสต์หลายๆใบ เราไม่เคยทำแบบนี้มาเลย คนดูไม่เบื่อแน่นอน”
เพลงจากอัลบั้มแรกจนอัลบั้มล่าสุด ต้องเลือกเพลงมาเล่นยากไหม
น้าแอ๊ด : “ยากครับ ต้องใช้สมาธิ ประสบการณ์ด้วย แล้วให้เพื่อนๆ ดูว่ามันเหมาะมั้ย บางเพลงมันตกยุคไปแล้ว อย่างเพลงพ่อหลี เราพูดถึงมือถือ กีฬาตีกอล์ฟ เราเลยต้องถอดเพลงนี้ออก อยากให้พี่เล็กร้องพ่อหลี แต่เช็กเนื้อร้องแล้วมันโคตรเก่าเลย เดี๋ยวนี้คนมีโทรศัพท์ไม่มีกระดูกหมูแล้ว (หัวเราะ)”
มีเพลงไหนบ้างของคาราบาวว่าทุกครั้งเราต้องเล่นขาดไม่ได้เลย
น้าแอ๊ด : “เพลงลุงขี้เมา เพลงวณิพก เพลงบัวลอย เป็นเพลงเปิดวง”
พอประกาศมีคอนเสิร์ตคาราบาวบัตรไปไวมากๆ
น้าแอ๊ด : “ครับ แสดงว่าแฟนๆ เค้ารอคอยมานาน”
เทียรี่ : “ผมคิดว่าเป็นอย่างนี้อยู่แล้วเพราะเราไม่ได้จัดคอนเสิร์ตใหญ่แบบนี้มานานแล้วไง ปกติจัดทุก 5 ปี 10 ปี แต่ครั้งนี้ 7 ปีเข้าไปแล้ว”
พี่เล็ก : “คอนเสิร์ตใหญ่ อย่างที่บอก เราก็ทุ่มให้เต็มที่ ผมคิดว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้เราไม่ได้บอกว่าเป็นคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายในชีวิตนะ แต่ผมบอกคนดูไว้เลยว่าให้มาดู พวกเราอายุเยอะกันแล้ว ชีวิตคนอยู่บนความไม่แน่นอน เอาเป็นว่า มาดูกันซะ เพียงแต่การที่คนอายุเยอะๆ มาทำงานใหญ่ๆ แบบนี้โอกาสน้อยแล้ว เราไม่รู้อนาคตแต่ตอนนี้เรายังทำอะไรใหญ่ๆได้อยู่ เป็นเรื่องของวัยแต่ยังไงการเล่นดนตรีก็ไม่เลิกเล่นแน่นอน ในเพลงพี่แอ๊ดเขียนว่า...”
น้าแอ๊ดหันมาตอบแทน “ไม่รู้จะเลิกทำไม (หัวเราะ)”
คอนเสิร์ตครั้งนี้อยากจะบอกกับแฟนๆ ให้เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมร่างกายกันยังไงบ้าง
น้าแอ๊ด : “มาพบกับความมันส์เท่านั้นเอง 40 ปีคาราบาว มันส์แน่นอนครับ”
เทียรี่ : “จะมีความเป็นกันเอง ทุกวันนี้คนมาดูคอนฯ คาราบาว มีตั้งแต่อายุ 70 ยัน 7 ขวบ เด็กๆ มาเต้นกระจาย ร้องเพลงคาราบาวได้เฉยเลย บางทีผมก็เรียกขึ้นมาเต้นบนเวที เด็กๆก็รับทิปไปเค้าก็มีความสุข”
เวลาเห็นแฟนเพลงรุ่นจิ๋วร้องเพลงคาราบาวแถมเรียกศิลปินนำว่าพี่ๆด้วยตามพ่อแม่เค้าเลย
...
เทียรี่ : “ก็อยากให้เรียกน้องมากกว่า (หัวเราะ)”
น้าแอ๊ด : “พี่คือชื่อไง”
พี่เล็ก : “เค้าเรียกลุงพี่รี่ พี่เป็นชื่อไง”
เทียรี่ : “เป็นพี่ตลอดกาลครับ เพิ่ง 30 กว่าเอง และกว่าไปอีก 30 (หัวเราะ)”
ด้วยความเป็นตำนานเพื่อชีวิตมันแบกรับความคาดหวังของคนดู
น้าแอ๊ด : “ไม่แล้วล่ะครับ เราผ่านโลกมาเยอะแล้ว ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นจุดศูนย์รวมอะไรทั้งสิ้น แค่เป็นมนุษย์ธรรมดาคนนึง เกิดมาแล้วชอบร้องรำทำเพลง ไม่ได้ยึดติดกับอะไร วันนึงก็ผ่านไป เราก็ไม่ได้ยึดจะต้องเป็นต้นแบบ”
พี่เล็ก : “ในมุมของเรามองเป็นเหมือนแฟชั่น อย่าลืมนะมันหมุนกลับมา กับแฟชั่นย้อนยุค เพลงก็จะเป็นแบบนั้น เพราะศิลปินจะผูกกับผลงานตัวเองแต่เดี๋ยวก็จะวนกลับมา เหมือนเพลงเก่าๆ กลับมาฮิต เด็กรุ่นใหม่ก็จะคัฟเวอร์ไปเป็นเพลงสไตล์ของเค้า ซึ่งมันวนมาแบบแฟชั่น อย่างกางเกงขาบานก็กลับมาฮิตอีกแล้ว สมัยเรายังไม่กล้าใส่ ในความคิดเรามันเชยไปแล้วแต่เด็กๆคิดว่าเท่ มันเหมือนเพลงแหละ”
...
มีแฟนๆเรียกร้องอยากเห็นคาราบาวเล่นแนวอะคูสติก
น้าแอ๊ด : “มีแน่นอนอยู่แล้วครับ”
พี่เล็ก : “วงคาราบาวจริงๆในความรู้สึกชุด 1 คือพี่แอ๊ดเดี่ยว ไม่ใช่คาราบาวเต็มวงในมุมของผมนะ ผมเป็นเพื่อนกับพี่แอ๊ดมา พี่แอ๊ดทำงานชุดแรกมาคนเดียว แต่งคนเดียว ร้องคนเดียว เวลาคนฟังตรงนี้ต้องเข้าใจตรงนี้ เด็กๆ มาฟังคาราบาว หลัง จากเมดอินไทยแลนด์ไปแล้ว อาจจะมองว่าคาราบาวเต็มวงถูกสร้างมาพร้อมกัน จริงๆแล้วในมุมผมที่รู้จักลึกซึ้งคือพี่แอ๊ดเดี่ยว มาเจอผม เรื่องราวตรงนี้ถูกถ่ายทอดมาเป็นเพลงเรียบร้อยแล้ว เราจะเล่นใน 40 ปี คาราบาว จะเล่นเป็นเพลงแรกด้วย จะเป็นเรื่องเล่า จะเล่าออกมาเป็นเพลง เล่าตั้งแต่พี่แอ๊ดมาจากสุพรรณเลย”
คอนเสิร์ต 40 ปี ครั้งนี้วางไว้เล่นกันยาวๆ น่าจะประมาณกี่ ชม.ได้
น้าแอ๊ด : “น่าจะประมาณ 4 ชม.ครับ”
พี่เล็ก : “เพลงบางเพลงของคาราบาว หลายๆคนอาจจะบอกว่าฟังจนเบื่อแต่ลองไม่เล่นดูสิ จะมีคนพูดเยอะกว่าอีก ทำไมไม่เล่นเพลงนี้เขาเสียใจมาก ทำไมไม่เล่นเพลงวณิพก จะต้องมีแบบนี้เต็มเลย ตรงนี้เราทำลายความรู้สึกของคนไม่ได้ พี่แอ๊ดถึงคิดเพลงตรงนี้เยอะว่าความรู้สึกของแฟนๆจะเป็นยังไง บางเพลงเรารู้สึกเล่นทุกงานแต่คนดูกับมีความหมายกับเค้ามาก คาราบาวมีเพลงเยอะมากที่ไม่เล่นไม่ได้เลย”
น้าแอ๊ด : “เหมือนโฮลเทล แคลิฟอร์เนีย ของอีเกิลส์ ใครไปดูแล้ว อีเกิลส์ไม่เล่น โฮลเทลฯ ผิดหวังมาก”
พี่เล็ก : “ก่อนหน้านี้พวกเราเพิ่งคุยกันเลย อย่างเคนนี่ โรเจอร์ นักร้องอเมริกัน เค้าดังไม่เล่นเพลงฮิตของเค้า เขาเบื่อ เสร็จแล้วมีคนขับรถจากอีกรัฐถึงเลย ขับ 2 วัน 2 คืน แล้วเค้าไม่เล่นเพลงนั้น เขาเสียใจมากเลยที่ไม่ได้ฟัง ไม่ได้โกรธศิลปินนะ รู้สึกโชคร้ายมากเลย เราไม่อยากให้ใครโชคร้ายแบบนี้ เอาอย่างนี้ดีกว่า เป็นโจทย์ไม่ง่ายเลย”
...
ความตั้งใจอยากร้องเพลงจนลมหายใจสุดท้ายกัน
น้าแอ๊ด : “หนึ่งคือเป็นสิ่งที่เรารัก แล้วสิ่งที่เรารักมันกลายเป็นอาชีพที่ทำให้เรามีกินมีใช้จนทุกวันนี้ ถ้าไม่มีดนตรี ไม่มีกีตาร์ พวกเราคงมาไม่ถึงจุดนี้ คงเป็นตาแก่คนนึงนั่งเฝ้าร้านหรือเป็นสถาปนิกนั่งเฝ้าอยู่ในการเคหะฯ เกษียณออกมาวันนี้ก็ยังไม่รู้จะทำอะไร”
เทียรี่ : “ผมใช้คำว่ามันเป็นแรงบันดาลใจ ตั้งแต่เด็ก ผมก็อยากเป็นนักดนตรี พี่เล็กก็เหมือนกัน พี่แอ๊ดก็เหมือนกัน สมัยก่อนข้างบ้าน เวลาเค้ามาเยี่ยมญาติ เห็นลูกเล่นดนตรีเขาทุบกีตาร์ทิ้งเลย เขาต้องการให้ลูกเรียนหนังสือเพราะอาชีพเต้นกินรำกินไง แม่ผมซื้อกีตาร์ให้เพราะแม่ผมเป็นนักร้องโอเปรา เขาเค้าใจเราเพราะเป็นฝรั่ง โอเค อยากทำอะไรทำ มันจะเป็นแบบนี้ อย่างพี่แอ๊ดเป็นคนเรียนเก่งมากนะ 200 คนวิศวกร สอบได้ที่ 1 เอาคนเดียว สมัยก่อนเรียนหนังสือ ถ้าที่ 1 อยู่ฝั่งนี้ (ชี้นิ้วพี่แอ๊ด) ผมจะอยู่อีกฝั่งนึงเลยคือใกล้ตก เพราะผมสนใจเรื่องดนตรีมากกว่า ตั้งแต่อายุ 14-15 ผมตั้งใจเป็นนักดนตรีเมื่อก่อนไปเล่นร้านอีฟ ด้านหน้าฮอลลีวูด พี่ปั่น พี่กุ้ง-กิตติคุณ พี่แอ๊ดไปเล่นหลังผมอีกนะ ค่าตัวน้อยกว่าผม 5 บาท (หัวเราะ)”
น้าแอ๊ด : “ผมยังจำได้เลยว่า ไอ้กุ้งยังให้ผมจดเพลง This Old Guitar กุ้งมันไม่มีเนื้อ”
พี่เล็ก : “ไม่เลิกเล่นแน่นอน ทำให้นึกถึง คำพูดแม่ประยูร ที่เป็นลำตัด เคยไปอเมริกาพร้อมกับผม ลูกๆแกไม่อยากให้เล่น ผมคุยกับแม่ แกเล่าให้ฟังลูกไม่อยากให้เล่นแต่แม่เลิกไม่ได้หรอก อยากตายบนเวที ตอนนั้นเราวัยรุ่นก็ไม่ได้คิดอะไร จินตนาการการตายบนเวทีมันเป็นยังไง เรานึกไม่ออก แต่ตอนนี้เรานึกถึงคำพูดของท่านเลย รู้เลยท่านรู้สึกยังไง เป็นความ รู้สึกเดียวกับแม่ประยูรตอนนั้นเลย เราไม่เลิกจะเล่นกันไปแบบนี้ แต่สังขาร ชีวิตมันไม่แน่นอน ถ้าเล่นได้เราก็อยากเล่นไปเรื่อยๆ”
มีวันไหนที่ไม่ได้ร้อง เพลง ไม่ได้เล่นกีตาร์เลย
น้าแอ๊ด : “มีครับ แต่ส่วนใหญ่จะคว้ามาเล่นเพราะกีตาร์วางไว้เต็มห้อง”
เทียรี่ : “ของผมอยู่บนเตียง”
พี่เล็ก :“พี่แอ๊ดมีกีตาร์เยอะที่สุด แต่รี่กับผมยังไม่เคยวัดใครเยอะกว่ากัน ผมมีทุกจุดเหมือนกัน ตรงที่นอนข้างขวา 4 ตัว ข้างซ้าย 2 ตัว นอนตื่นมาจับกีตาร์มาเล่นได้เลย ชีวิตทุกวันของผมเป็นแบบนี้ บางทีไปห้องนั่งเล่นก็จะมีกีตาร์แขวนเอาไว้หมด แขวนไว้สามารถหยิบจับมาได้เลย บางทีคุณปู-พงษ์สิทธิ์ มาที่บ้านผมเห็นปุ๊บหยิบกีตาร์มาเล่นเลย โดยไม่ได้นัดกันกีตาร์แขวนไว้อยู่แล้วมาเล่นแจมกันเพราะชีวิตมีแต่ดนตรี”
มีวางกีตาร์ตรงจุดไหนที่ไม่ควรเป็นที่ไว้แต่ก็มี
พี่เล็ก : “ในห้องน้ำ หลายเพลงแต่งจากห้องน้ำด้วยนะ”
น้าแอ๊ดเสริมว่า : “ผมน่าจะมีกีตาร์ร้อยตัวได้ ผมกำลังซื้อเข้าเป็น 100 ตัว ในห้องนอนก็มี 10 ตัวแล้วล่ะ เป็นอะไรที่เกิดมาทำให้เรามีอนาคตก็คือกีตาร์ ผมเห็นกีตาร์มันมีบุญคุณกับผม”
เทียรี่เปิดภาพในอดีต กีตาร์ตัวแรกที่แม่ซื้อให้ พร้อมเล่าต่อว่า : “Hofner (ฮอฟเนอร์) เป็นกีตาร์คลาสสิก ตั้งแต่ผมอายุ 13 ยังอยู่แต่ตอนนี้ยกให้ลูกชายไปครับ”
พี่เล็ก : “ผมชอบโมดิฟายกีตาร์ ซื้อมาแพงๆ ผมก็จะเอามาโม กีตาร์ผ่านมือผมจะขายต่อใครไม่ได้ มีตัวเดียวในโลก”
ลูกๆโตๆกันหมดแล้วแต่ละคนมีเปรยๆ อยากให้คุณพ่อพักหรือวางมือกันบ้างมั้ย
น้าแอ๊ด : “ถ้าเรื่องเพลงไม่ แต่เขาอยากให้ผมพักเรื่องดื่มมากกว่า”
เทียรี่ต่อให้ : “ฝันไปเหอะ (555) ผมเขียนเพลง พอดื่ม อารมณ์มันจะมาเร็วมาก เขียนเพลงแทบไม่ทัน ผิดบ้างถูกบ้างแต่มันได้ เลยเกิดโรคนอนไม่หลับ บางทีเขียนเสร็จปั๊บ”
ลูกๆพี่เทียรี่ ก็เดินตามรอยคุณพ่อ : “ผมจะสอนลูกว่าลูกทำในสิ่งที่อยากทำ เป็นในสิ่งที่อยากเป็นเพราะแม่ผมสอนมาแบบนี้ เจสซี่ก็แฮปปี้ ทำห้องอัดให้เค้าไป ทุกวันนี้เค้ามีความสุขที่ได้แต่งเพลง ไปทำงาน เล่นดนตรีริมทะเล ส่วนเจนก็ร้องเพลงเก่ง เล่นกีตาร์ แต่เขาชอบงานดีไซเนอร์ และทำเกี่ยวกับทัวร์ ทำตามแม่เค้า (จุ๋ม-อุทุมพร) ทัวร์นักเรียน ไม่ได้คาดหวังจะต้องเป็นอะไร ชอบอะไรอยากทำอะไรทำเลย”
ลูกห่วงอะไรในตัวพี่เทียรี่ : “เขาก็ห่วงอยากให้พ่อพักบ้างเพราะทำงานเยอะไป นอกจากร้องเพลงก็มีทำขนม พี่รี่ ทางพี่แอ๊ดทำหลายอย่าง พี่เล็กก็ทำหลายอย่าง เป็นผู้ชายขายน้ำ (ดื่ม) ส่วนผมทำขนมเกี่ยวกับธัญพืช จริงๆ มีคนมาชวนเพราะทำเองเจ๋งครับ”
นอกจากทำเพลงพี่เล็กทำธุรกิจมากมายขนาดไหน
พี่เล็ก : “มีทำกีตาร์แบรนด์คาราบาวนี่แหละ ขายน้ำดื่ม ผลิตให้คาราบาวด้วยนะ เรื่องธุรกิจน้ำให้ลูกชายดูแล ผมทำธุรกิจเองไม่เป็นเหมือนพี่รี่บอก ก็จะเล่าให้ลูกฟังว่ากีตาร์ความฝันของผม เป็นกีตาร์จริงๆ ราคาสมเหตุสมผลเพราะสมัยผมเด็กๆกีตาร์เป็นของแพงเพราะสมัยก่อนจนเพราะเราเป็นลูกแม่ค้า กีตาร์เป็นเครื่องดนตรีที่เกินฝันฐานะของพ่อเลย เล่าชีวิตพ่อต้องขี่จักรยานหลายสิบ กม.เพื่อแอบขโมยกีตาร์ของพี่ชายเพื่อนมาเล่น เล่าชีวิตให้ลูกฟัง เพราะฉะนั้นกีตาร์อยากให้คนจนๆที่ชอบมีโอกาสเล่น มันเป็นสิ่งที่พ่อเจอตอนเด็กๆ ไม่ใช่ของในฝัน มันต้องสัมผัสได้สมเหตุสมผล ไม่แพงมากนักให้ลูกทำกีตาร์แบบนี้ขึ้นมากีตาร์คาราบาว เล่นได้จริง หยิบขึ้นมาตั้งสายเดี๋ยวนั้นเลย”
ลูกๆ ห่วงพี่เล็กเรื่องอะไร : “แน่นอน เพราะผมเดินทางมาช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้ว เมื่อก่อนดื่มจัด ใช้ชีวิตเต็มที่แต่เดี๋ยวนี้เลิกแล้ว ผมเป็นมะเร็ง ตัดลำไส้ไปส่วนหนึ่งแล้ว ทำให้การใช้ชีวิตก็เปลี่ยน เดี๋ยวนี้มีความสุขขึ้น มันคือมนุษย์เราใกล้ความตาย เราจะสนิทกับความไม่แน่นอน เราไม่ได้กลัว เรารู้สึกว่ามันคือการท่องเที่ยวอีกอย่างนึงที่ท้าทาย ผมไม่ได้กลัวเลย ใช้ชีวิตมีความสุขขึ้น เรามีความสุขไปวันๆกับการเล่นดนตรีครับ”
อันนี้แค่เรื่องเล่าบางส่วนเป็นน้ำจิ้มๆ วันจริง มันส์เกินต้านแน่นอน!!
เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยาน
ภาพ : สุรกิจ แก้วมรกต