เป็นคู่รักคู่หวานร่วมทุกข์ร่วมสุขเคียงข้างกันมา 9 ปี สำหรับนักร้องสาว “ส้ม-มารี เออเจนี เลอเลย์” กับ “โจ๊ก-เกียรติยศ เกียรติสูงส่ง” แฟนหนุ่ม จน ส้ม สามารถพิสูจน์ตัวเองกับคำว่านักร้องหญิงแถวหน้า ล่าสุดหนุ่ม โจ๊ก นานๆจะโพสต์ซึ้งชื่นชมแฟนสาว หลังจบคอนเสิร์ตใหญ่ที่โจ๊กสุดภูมิใจ และเชื่อในความสามารถของ ส้ม มาตลอดว่าจะต้องได้ไปอยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จ ส้ม เผยถึงความรักกับ โจ๊ก ที่ดูเข้ากันมากๆ

จริงๆเราเป็นคนที่เหมือนหรือต่างกันยังไง?

“ต่างกันเลยนะคะ เอาจริงๆ หนูเป็นคนเฉื่อย หลายคนบอกว่าดูเราเป็นคนแอ็กทีฟมาก แต่จริงๆถ้าไม่ได้ทำงานเราจะนิ่งมาก เซฟแบตตัวเอง เซฟพลังงาน แต่พี่โจ๊กจะเป็นคนแอ็กทีฟ จะอัดคิวแน่นๆไม่ให้เสียเวลา อยากให้เราทำทุกอย่าง ต่างกันเลยค่ะ เค้าเป็นคนที่ทุกนาทีมีค่า แต่เราถ้ามีเวลาว่างก็ขอนอนเฉยๆอยู่บ้าน บางครั้งเราก็ต้องขอวันว่างหน่อย”

ใช้เวลานานมั้ยกว่าความต่างจะเป็นความรักที่ลงตัว?

...

“มันค่อยๆมาเรื่อยๆระหว่างทาง แรกๆมีทะเลาะบ้าง ตอนนี้ก็ครบ 9 ปีพอดี”

โจ๊กคอยซัพพอร์ตทุกอย่าง ในปกอัลบั้มของเราก็เขียนว่าโจ๊กเป็นทุกอย่างให้?

“ใช่ค่ะ อัลบั้มจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าขาดเค้า เค้าเป็นโปรเจกต์ เมเนเจอร์ ทำทุกอย่าง คือค่ายสไปร์ซี่ดิสก์เค้าจะเปิดอิสระให้เราทำเพลงเอง แต่อย่างส้มไม่ใช่ศิลปินที่ขึ้นดนตรีเองทุกอย่าง ต้องมีโปรดิวเซอร์ พี่โจ๊กก็จะเป็นมนุษย์ที่มาถามว่าอยากทำงานกับใคร เค้าจะเป็นคนติดต่อทุกอย่างจนเกิดเป็นงานขึ้นมาได้ ทั้งช่องยูทูบ ทำบริษัท เค้าก็เป็นพาร์ตเนอร์กับเรา เป็นแฟนที่ทำงานด้วยกันจริงๆ ฉีกกฎที่ว่าแฟนกันห้ามทำงานร่วมกัน”

เรียกว่าเป็นพาร์ตเนอร์ชีวิต?

“ใช่ค่ะ ไปด้วยกันตลอด”

แล้วมุมหวานๆล่ะมีบ้างมั้ย?

“ก็มีบ้าง งุ้งงิ้งๆบ้างยามเหนื่อย จริงๆเค้าจะงุ้งงิ้งกว่านะ เค้าโตกว่าหนู 7 ปี”

คบกันมา 9 ปี เค้าอยู่กับเราทั้งวันที่ทุกข์และสุข?

“เค้าคือคนนึงที่เชื่อเรามากๆ เห็นศักยภาพของเรามาตั้งแต่แรกๆและไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงยังไม่ถึงวันของเรา”

วันที่ประสบความสำเร็จเค้าภูมิใจในตัวเรามั้ย?

“เค้าภูมิใจมากค่ะ วันที่ไปดูเราขึ้นบิลบอร์ด ไทม์สแควร์ เราก็ไปด้วยกัน เค้าก็ร้องไห้ไปกับเราเลย รูปที่ใช้เป็นหน้าจอโทรศัพท์ก็เป็นรูปที่ไทม์สแควร์วันนั้นเลยค่ะ”

เค้าดูแลเราอย่างดี แล้วเราล่ะดูแลเค้าดีมั้ย?

“หนูว่าหนูดูแลเค้าไม่ได้ดีเท่าไหร่ แต่หนูคิดว่าเค้ามีความสุขที่ได้ดูแลหนู การที่หนูปล่อยให้เค้าได้ดูแลหนูนั่นคือการให้แล้ว นั่นคือความสุขของเค้า ตัวเค้าเป็นคนไม่ค่อยขออะไร ไม่บอกว่าอยากได้อะไร ถามไปก็ไม่ตอบว่าอยากได้อะไร แต่เค้ามีความสุขที่ได้ลงมือทำและพอมีผลลัพธ์ที่ดีเค้าก็ชื่นใจ”

ถามความรู้สึกของเราที่มาถึงวันนี้วันที่ฟ้าเปิด?

“อยู่วงการมา 14 ปี ตอนเพลงรางวัลปลอบใจ ก็รู้สึกว่านี่คือเพลงแรกที่เราพูดได้เต็มปากว่ามันดัง แต่ ณ วันนั้นเราก็มีข้อครหาว่าเรามีท็อป LAZYLOXY มาฟีเจอริง เราตั้งใจเลือกเค้า เค้าเก่ง เราเชื่อในเพลงว่าแมสได้แต่ต้องไปถึงหูคนจะต้องทำยังไง เลยชวนท็อปมาแต่เรายังไม่มั่นใจในเพลงตัวเองจนกระทั่งเพลงถัดมา โลกอีกใบ ชวนพี่โอ๊ต-ปราโมทย์ มา ก็กระแสดี อันที่กดดันคือเพลงถัดไป หรือฉันคิดไปเอง อันนี้กดดันเพราะมาร้องเดี่ยวๆ เป็นสิ่งที่จะพิสูจน์ว่าได้เพราะคนอื่นหรือได้เพราะตัวเอง เราเครียดมาก เราชอบเพลงนี้มากตั้งแต่ยังไม่มีดนตรี จนกระทั่งปล่อยเพลงแล้วเพลงไม่มาเลย วันแรกร้องไห้เลยค่ะ ร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนมันจบสิ้นแล้ว หนูเป็นคนชอบคิดเว่อร์ไป ก่อน ก็เครียด ผ่านไปเดือนนึงยังไม่ล้านวิวเลย แต่เหมือนเป็นจังหวะ ที่เลือกตัดเพลงนี้เวอร์ชันร้องสดไปลงติ๊กต่อกแล้วมันก็มาเลย กลายเป็นไวรัล อย่างที่บอกว่าเพลงดี แต่มันไปไม่ถึงคนนั่นล่ะ จังหวะฟ้าเปิดของหนู รอดแล้ว เรารู้สึกว่าการเชื่อในเพลงคือสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่เราจะทำยังไงให้เพลงไปถึงคนจริงๆ ทุกวันนี้เราก็ยังต้องต่อสู้กับสิ่งพวกนี้อยู่ กับงานต่อไปปล่อยมาไม่ได้มีเพลงเปรี้ยงปร้างแต่มันกลับกดดันน้อยลง เพราะเรามีแฟนเพลงที่ชอบเพลงของเราจริงๆมากขึ้นค่ะ”.

...