“ความพยาบาทเป็นของหวาน” ประโยคกรีดขีดเข้มฝังลึกลงกลางหัวใจของ “มธุสร-รุ่งฤดี” ผู้ถูกกระทำย่ำยีชีวิตแหลกยับ จากสามีและกลุ่มทรชนเดนนรก จนพลิกจิตวิญญาณ ขื่นขมเข็ญกลายเป็น “นักล่า” โหดเหี้ยมอำมหิตเกินกู่กลับ
นวนิยายเรื่อง “ล่า” บทประพันธ์ชิ้นเอกของ “ทมยันตี” ได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแรกในปี 2520 “อรัญญา นามวงศ์” รับบทเป็น “มธุสร” ลูกสาว “มธุกร” รับบทโดย “ลลนา สุลาวัลย์” นับเป็นภาพยนตร์แหวกความนิยมอย่างกล้าหาญมากในยุคนั้น
ล่าเวอร์ชันต่อมาในปี 2537 งานแสดงมาสเตอร์พีซของ “สินจัย เปล่งพานิช” มาถึง เวอร์ชันล่าสุดในปี 2560-2561 “ลลิตา ปัญโญภาส” มารับบทแทนที่
“วิมล ศิริไพบูลย์” ผู้มีนามปากกา 6 นามปากกาในรูปแบบงานเขียนแตกต่างกัน โรสลาเรน, ลักษณวดี, กนกเรขา, ทมยันตี, มายาวดี และนามปากกาสุดท้าย วิม-ลา ที่เธอตั้งขึ้นใหม่ใน “ล้านนาเทวาลัย” เมื่อปี 2562
แต่นามปากกาที่คุ้นชินในหมู่ชนนักอ่านนวนิยายตัวยงน่าจะเป็น “ทมยันตี” (ทะ-มะ-ยัน-ตี) เธอได้นามนี้มาจากวรรณคดีเรื่อง “พระนลคำหลวง” ของล้นเกล้ารัชกาลที่ ๖
“คู่กรรม–ทวิภพ” เป็นอีก 2 นวนิยายอมตะของทมยันตี คู่กรรมได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์มาแล้ว จากปี 2513-2556 รวม 10 ครั้ง
“ทวิภพ” เวอร์ชันอมตะคลาสสิกที่สุดคือทวิภพ ภาพยนตร์โดย “เชิด ทรงศรี” ในปี 2534 “ฉัตรชัย เปล่งพานิช-หลวงอัครเทพวรการ” และ “จันทร์จิรา จูแจ้ง–มณีจันทร์”
...
ปี 2564 ทมยันตีประสบภาวะเส้นโลหิตในสมองตีบ เธอถือศีลภาวนาบำเพ็ญเพียรนั่งเขียนนวนิยายเรื่องสุดท้ายในชีวิต “เร้นรอย” กลางที่พำนักพักพิงแห่งสุดท้าย “ล้านนาเทวาลัย”
“เร้นรอยเทวาลัย” แห่งนี้ ฝาก 70 ปีแห่งรอยจำ 6 นามปากกากับนับร้อยนวนิยาย เชื่อมโยงร้อยรัดไว้ด้วยกันในห้วงวรรณกรรมละครโทรทัศน์และภาพยนตร์
ด้วยดวงจิตคารวะ “กุหลาบราชินีโรสลาเรน” ดอกงามนิรันดร.
“ดร.ศาสตร์ธนิก จุลมณี”
‘‘แจ๋วริมจอ’’
jaewrimjor@gmail.com