ได้ฉีกมาดพระเอกในจอมาสวมบทบาทนักต้มตุ๋นคอลเซ็นเตอร์ในภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้ “อ้าย...คนหล่อลวง” ค่ายจีดีเอช กระแสดีรายได้ทะยานสู่ 100 ล้าน ทำเอาพระเอกสุดฮอต “ณเดชน์ คูกิมิยะ” ตื่นเต้นที่คนดูจะได้เห็นสิ่งที่ “ณเดชน์” ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ชีวิตจริงพระเอกคนหล่อคนนี้ไม่มีลวง เพราะหัวใจมั่นคงรักเดียวกับสาว “ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์” ทุกอย่างลงตัวรอไปถึงวันนั้น...วันลั่นระฆังวิวาห์ที่ทุกคนลุ้น ณเดชน์ คนหล่อ เลยยอมให้ล้วง ทั้งเรื่องการทำงานภาพยนตร์เรื่องนี้และหัวใจ ณ วันนี้ เริ่มจาก...

หนังเรื่องนี้ได้ฉีกทุกกฎของ ‘ณเดชน์’
“เรื่องนี้ด้วยความที่ทาวเวอร์เป็นนักต้มตุ๋น ผมเลยต้องปรับลุคตัวเองให้หลากหลายแนว ได้เปลี่ยนตัวเอง ทรงผม เสื้อผ้า ไว้หนวดไว้เครา พูดจาหยาบคายบ้างบางที มีทั้งทำผมสีทอง สีดำ ลุคพนักงานบริษัท บริษัททัวร์ ตำรวจ ซึ่งต้องปรับเปลี่ยนตลอด เป็นการทำงานที่สนุกมาก มีหลายภารกิจ หลายมิชชันในหนังให้เราได้เล่น ก่อนถ่ายทำได้คุยกับพี่เมษ-ธราธร ผู้กำกับ ยิ่งรู้สึกว่ามันน่าเล่น มีอะไรให้ทำเยอะแยะไปหมด หลายๆอย่างในละครเราไม่เคยได้ฉีกอะไรออกไปมากและไม่ได้เล่นอะไรแบบนี้”
...
คนดูแล้วต้องพูดว่า ‘ณเดชน์ เล่นขนาดนี้เลยเหรอ’ มั้ย?
“คนอาจจะไม่เคยเห็นภาพเราแบบนี้มาก่อน และเราก็ไม่เคยทำที่ไหน ลุคพระเอกในละครก็อีกแบบ เห็นบ่อยแล้ว แต่เรื่องนี้ทำให้คนได้เห็นทาวเวอร์ที่ไม่ใช่ณเดชน์ ถ้าเราทำให้คนดูเชื่อและหลุดไปจากภาพลักษณ์ที่คนดูเคยดูเราได้ มันก็เป็นผลตอบแทนที่มหาศาลในอาชีพการแสดงของผม และเสียงหัวเราะจากคนดู ทาวเวอร์และหนังเรื่องนี้มันก็ทำให้ผมรู้สึกประสบความสำเร็จจากหนังเรื่องนี้แล้ว และเรื่องนี้ทำให้ผมได้ประสบการณ์มากขึ้น อย่างเพื่อนนักแสดง ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนก พี่แหม่ม-คัทลียา พี่เผือก-พงศธร หรือ พี่เต๋อ-ฉันทวิชช์ เค้ามีของพวกนี้อยู่แล้ว แต่ผมติดดราม่า จังหวะการเล่นก็เลยช้า แต่เราได้ไปเวิร์กช็อปก่อนเล่น ไปละลายพฤติกรรมมาเลยสบายใจ”
‘ณเดชน์’ กับ ‘ทาวเวอร์’ ใครกวน กว่ากัน?
“มีความคล้ายๆนะ ความผ่อนคลายทำให้เราสัมผัสทาวเวอร์ได้เร็วขึ้น แต่ความลวงความอะไร ก็ให้เป็นเรื่องของเค้าไป ตอนแรกก็คิดว่าเค้าต้องเลวขนาดไหนถึงหลอกลวงคน เรานึกไปไม่ถึงตรงนั้นต้องไปเวิร์กช็อปถึงทำให้เข้าใจมากขึ้น”
ชอบอะไรในตัวละครทาวเวอร์ที่สุด?
“ผมมองว่าผู้หญิงคนเดียวมันมีพลังมหาศาลที่ทำให้คนเลวๆคนหนึ่งอยากลองกลับมาเป็นคนดีบ้าง ไม่ใช่เพราะตัวเอง แต่เพราะผู้หญิงคนนี้ อาจจะเป็นความรักหรืออยากเอาชนะ”
การร่วมงานกับใบเฟิร์น-พิมพ์ชนกล่ะ?
“เฟิร์นเป็นนักแสดงที่น่ารักมาก ทำงานด้วยง่ายมาก เค้าเต็มที่กับทุกอย่าง ถือว่าเป็นพาร์ตเนอร์ที่ดีมากๆ บทนี้ต้องการการทำงานเป็นทีมเวิร์ก ซึ่งทุกคนมืออาชีพมาก เรารับหรือส่งอะไรไปกลาย เป็นดีไปหมดเลย เฟิร์นเป็นคนตลก ทำให้การทำงานด้วยกันคลิกกันง่าย เราละลายพฤติกรรมกันง่ายมากด้วยความเปิ่นๆตลกๆ ของน้องนี่แหละครับ”

เรื่องนี้ได้ต่อบทกับญาญ่าบ้างมั้ย?
“ไม่นะ ส่วนมากงานที่ผมทำผมจะไม่ค่อยได้แชร์กับใครเท่าไหร่ เค้าก็ถามว่าไปกองเป็นยังไงบ้าง แฮปปี้มั้ย ทำงานกับใบเฟิร์นเป็นไงบ้าง แต่ไม่ได้มาถามเรื่องดีเทล นอกจากเราอยากจะแชร์ให้ฟัง เค้าดูแล้วเค้าบอกว่ามันตลกดี ฮาดี เค้าก็ชอบเรียกเราเป็นไงอ้ายทาวเวอร์ (ยิ้ม) ช่วงที่ถ่ายทำก็จะถามว่าวันนี้เป็นอะไร เป็นพี่ทาวเวอร์หรือเปล่า เพราะเราถ่ายละครด้วย อีกวันหนึ่งก็เป็นไอ้เขียว สลับกันอีกเรื่อง ก็ต้องขอบคุณเค้ามากที่ช่วยจูนให้”
แต่ตอนญาญ่าขึ้นโชว์ในคอนเสิร์ต เราก็ช่วยซ้อมเต้นเหมือนญาญ่าเลยนะ?
“คือเค้าโชว์คลิปแล้วเต้นให้เราดูด้วย คือเราไม่เคยสัมผัสในฐานะคนดูมาก่อน เราเป็นแค่คนที่อยู่บนเวทีวันหนึ่งความรู้สึกมันเปลี่ยนนะ ได้ไปดูแฟนเราขึ้นคอนเสิร์ตเป็นแขกรับเชิญ พร้อมมากเลย แล้วก็เต้นตามเลย แต่ตอนนั้นเค้าคงไม่เห็น แต่ที่เราเต้นเพราะเราอยากให้เค้าเห็นเรา เป็นความฝันนะ เหมือนอารมณ์เราเป็นติ่งแบบว่ามองฉันหน่อยสิ ฉันอยู่นี่ (ยิ้ม)”
...
ความรักช่วงนี้เหมือนเป็นช่วงสร้าง ช่วงเติมเต็มให้ไปถึงวันวิวาห์?
“ก็ใช่ครับ เหมือนไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราเพิ่งรู้สึกว่าเราได้เรียนรู้ได้เห็นกันมากขึ้น เข้าใจอะไรหลายอย่างที่เคยเข้าใจผิดไป หรือไม่เข้าใจกัน พอเราได้ใช้เวลาด้วยกันทำให้เรารู้จักกันมากขึ้น และทำให้เรารู้จักตัวเราเองด้วย พออย่างนี้แล้วก็คงไม่ยากที่เราจะอยู่กับคนคนนี้ต่อหรือถ้าจะเลือกเดินถอยไปก็ได้ จะเรียกว่าสมบูรณ์แบบ มั้ย สำหรับผมจะเรียกอย่างนั้นก็ได้”
เรียกว่าเคยมีจุดเกือบไปไม่รอดที่ทำให้กลายเป็นจุดเปลี่ยน?
“ก็มีอยู่แล้วครับช่วงเวลาแบบนั้น เราก็โชคดีที่เค้าให้โอกาสเรา ก็คงเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดและทำให้เราเห็นว่าอะไรคืออะไรมากกว่า เลยรู้สึกว่าเราอยากให้เค้ามากเท่าที่เราให้ได้”
ตกลงงานวิวาห์ในฝันของเราต้องเป็นยังไง?
“ไม่ต้องหรูนะ แต่อยากทำให้เค้ามีความสุขที่สุดและมันต้องพิเศษ” แล้วเรารู้แล้วหรือยังว่าแบบไหนที่จะถูกใจเค้า? “จิตใจผู้หญิงยากยิ่งดั่งน้ำลึกใต้มหาสมุทร แต่เราไม่สนใจเราทำที่คิดว่าอันไหนใช่ก็พอ (หัวเราะ)”
พอเราให้สัมภาษณ์เรื่องการแต่งงาน บ่อยๆ ญาญ่ามีมาบอกว่าอย่าเพิ่งขอบ้างมั้ย?
“ไม่นะ เราไม่เคยพูดเรื่องนี้เล่นๆกับเค้า เราไม่ล้อเล่นเรื่องความรู้สึก แค่มีคุยบ้างที่นี่สวยนะเพ้อๆกันไป แต่ต่างคนต่างรู้ว่ายังไม่พูดเรื่องนี้เพื่อกดดันกัน”
เราเติมความหวานตลอดแบบนี้ ญาญ่าเคยกังวลมั้ยว่าเราจะหมดโปรหรือเปล่า?
“ไม่เคยหมด (ยิ้ม) สมมติว่ามีคนหนึ่งทำงานอีกคนก็จะซัพพอร์ตตลอด กลายเป็นว่าเราจำสิ่งที่เค้าทำกับเราได้ พอวันหนึ่งที่เค้าเหนื่อยหรืออะไรเราก็จะทำแบบที่เค้าเคยทำกับเรา เลยอาจจะเป็นบาลานซ์โดยที่ไม่ได้บอกกันว่าเธอต้องทำอย่างนี้ๆนะ”
...
แล้วถ้างานยุ่งกันทั้งคู่ล่ะ?
“ก็คุยกันเรื่อยๆไลน์คุยกันถ้าเสร็จงานว่างก็แวะไปหา”
ถ้าเราไม่ใช่ณเดชน์-ญาญ่า เป็นคู่รักวัยรุ่นคู่หนึ่ง เราจะบอกเพื่อนเราว่าแฟนเราน่ารักยังไง?
“จริงๆเค้าเป็นคนที่จริงจังและละเอียด แต่เมื่อไหร่ที่มันไม่เกี่ยวข้องกับงานแล้ว ถ้าสมมติว่าเราไม่ใช่นักแสดง ถ้าได้เห็นผู้หญิงคนนี้ก็คงเห็นเป็นไอ้ติงต๊องปัญญาอ่อนคนหนึ่ง”
ความมุ้งมิ้งนี่ล่ะเติมเต็มเรา?
“บางทีเจอเราเค้าก็ไปกระโดดขึ้นบนโซฟา บางทีก็ขำเรื่องไม่เป็นเรื่องแกล้งกันไปมา”

ที่ผ่านมาณเดชน์เป็นคนที่ทำให้ครอบครัวมีความสุขตลอด แล้วอะไรที่ทำให้เรามีความสุขเองบ้าง?
“ผมแค่รู้สึกว่าผมอยากทำให้คนในครอบครัวผมมีความสุข ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม อยากให้กับทุกคน ให้ได้ไปเที่ยวไปต่างประเทศไปเห็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ ส่วนถ้าถามว่าอยากทำอะไรให้ตัวเองเหรอ ผมแค่อยากไปเที่ยว ไม่จำเป็นว่าต้องไปต่างประเทศนะ แค่อยากไปเที่ยวแล้วเอากล้องไปตัวหนึ่งเก็บภาพต่างๆไปเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนแต่ไปคนเดียวไม่ได้นะเพราะเป็นคนขี้เหงา (ยิ้ม) จริงๆน่ะมีใครไปด้วยก็ได้เพื่อนหรือแฟน เราสันโดษได้ไม่นาน”
...
รีวิวชีวิตณเดชน์ช่วงนี้หน่อย?
“ช่วงนี้ลุ้นกับหนังนะ อยากฟังว่าเสียงหัวเราะในโรงจะมีมากขนาดไหน ส่วนเรื่องที่กำลังโฟกัสตอนนี้ก็ยังเทไปทางงานเหมือนเดิมและรู้สึกว่ามากขึ้นด้วยเพราะเราให้ความรับผิดชอบกับการแสดงมากขึ้นไม่เถลไถลไปโฟกัสเรื่องอื่นมากกว่างาน สร้างมาตรฐานของตัวเองและต้องทำให้ดีขึ้นครับ”.
เรื่อง : สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย