ผ่านวันเกิดครบ 26 ปี หนุ่ม “โอบ-โอบนิธิ วิวรรธนวรางค์” เลยมีงานวันเกิดแบบอบอุ่นในครอบครัว แถมสาว มะปราง-อลิสา หวานใจก็ทำเซอร์ไพรส์ให้ของขวัญถูกใจ เจอโอบถามถึงวันเกิดที่ผ่านมา?
“ก็โอเคครับ ปีนี้ก็ถือว่าเป็นปีที่แปลกไป เพราะมีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นพร้อมกัน มันอาจจะมีโรคระบาดเข้ามา แต่เราก็ยังมีความสุขแล้วก็ใช้ชีวิตอยู่กับมันให้ได้ ต้องปรับตัวเข้ากับมันให้ได้”
มีซื้ออะไรให้ตัวเองมั้ย?
“ไม่มีครับ ไม่มีตังค์ครับ (หัวเราะ) ผมรู้สึกว่ารอบนี้ไม่ได้ซื้ออะไรเลย ปกติก็จะซื้อตลอด อยากเก็บเงินไว้ดีกว่า ผมรู้สึกว่าอะไรมันก็ไม่แน่นอน”
โตขึ้นความคิดเราเลยเปลี่ยน?
“ใช่ ยิ่งในช่วงนี้ก็ทำให้ยิ่งตระหนักขึ้น ว่าต้องเก็บเงินมากขึ้น ทำโน่นทำนี่มากขึ้น”
อาชีพเดียวไม่มั่นคงแล้ว?
“ช่วงโควิดทำให้ได้อยู่กับตัวเอง แล้วก็ได้คิดอะไรหลายอย่าง ปกติเราทำแบรนด์เสื้อผ้า มันก็กระทบไปหมดเลย เลยคิดว่าเราต้องไม่หยุดอยู่กับที่แล้ว อยู่เฉยๆไม่ได้แล้ว เพราะเราก็ยังมีพลังที่จะออกไปทำอะไร แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรดี”

...
มะปรางให้อะไรวันเกิด?
“ก็ให้เป็นของขวัญธรรมดาครับ แต่เป็นของขวัญที่เขาตั้งใจให้ บอกว่าอย่าบอกใครละกัน (หัวเราะ) คือเค้าไปแอบซื้อมาโดยที่ไม่บอกผม หลอกผมไปลองด้วย แต่ผมไม่รู้ว่าเค้าจะซื้อให้ คือเค้าอยากได้อยู่แล้ว ก็ทำทีเป็นว่าเค้าจะซื้อให้ตัวเอง หลอกผมไปลอง แต่บอกไม่ได้ว่าเป็นอะไรครับ อยากรู้ไปหาเอาเอง (ยิ้ม) แล้วก็ไปกินข้าวกันกับที่บ้านผม ก็เหมือนเป็นวันพิเศษวันหนึ่งครับ”
4 ปีที่คบกันมาเป็นอย่างไรบ้าง มีให้อะไรวันครบรอบมั้ย?
“ไม่มีนะครับ ก็แค่ลงเป็นการให้นึกถึงว่าวันนี้ครบรอบประมาณนี้” เค้าก็มาคอมเมนต์ว่าเขิน เป็นครั้งแรกที่เจอกัน? “ใช่ๆ เป็นครั้งแรกที่เจอกัน”
ต้องขอบคุณพี่พลพลมั้ย ที่เค้าเป็นพ่อสื่อ?
“ครับผม (หัวเราะ) ก็ประมาณนั้นแหละครับ”
4 ปีความรู้สึกมันเพิ่มมากขึ้นอย่างไรบ้าง?
“ผมก็รู้สึกว่าปัจจุบันเราได้เรียนรู้อะไรกันไปเรื่อยๆนะครับ ผมรู้สึกว่าการเรียนรู้ของคนแต่ละคนไม่มีที่สิ้นสุดอยู่แล้ว อย่างปัจจุบันพ่อแม่ผมยังต้องมีเรื่องที่มันไม่เข้าใจกันอยู่เลย ก็ต้องปรับตัวกันไปให้คุยกันให้รู้เรื่อง”
คุยเรื่องอนาคตกันบ้างหรือยัง?
“จริงๆแล้วไม่ได้ถึงขนาดคุยเรื่องอนาคต ว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ ผมรู้สึกว่าตัวผมยังจัดการอะไรไม่ค่อยได้ คือผมรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่าง ตัวผมเองยังให้แม่ทำอยู่เลย แม่ช่วยทำโน่นนี่หน่อย แล้วผมก็มีแพลนที่อยากจะทำบ้านให้แม่ด้วย เลยรู้สึกว่าผมเป็นคนที่ทำอะไรสองอย่าง โฟกัสสองอย่างไม่ได้ คือผมรู้สึกว่า ถ้าเราโฟกัสอย่างเดียวไปเลย มันจะได้ผลที่ดีกว่า ถ้าถามว่าจริงจังมั้ย คือมันเป็นเรื่องที่จริงจังทั้งสองเรื่องนะครับ ผมรู้สึกว่าไม่อยากให้มองเป็นเรื่องเล่นๆ”
ความรู้สึกเราคือเรายังไม่โตพอหรือยังไง?
“คือผมรู้สึกว่าบางอย่าง ผมแค่จัดการอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ พอเกิดเหตุการณ์อะไรแบบนี้ขึ้น ผมรู้สึกว่าวันหนึ่งผมจะต้องโตกว่านี้ ผมรู้สึกว่านี่เราก็อายุ 26 แล้วนะ อีก 4 ปีจะ 30 แล้วนะ ตอนนี้เราไม่ได้ 20 ต้นๆแล้ว ค่อนไปทางปลายแล้ว ผมรู้สึกว่าผมอยากจะเริ่มเมเนจโน่นนี่นั่น ทำอะไรด้วยตัวเองให้ได้มากกว่านี้”
หลังจากสร้างบ้านเสร็จค่อยคิดเรื่องแต่งงานใช่มั้ย?
“ใช่ ก็ต้องมานั่งคุยกันอีกทีหนึ่งครับ ไม่ถึงขนาดว่าสร้างบ้านเสร็จแล้วปุ๊บอย่างงี้เลย ผมรู้สึกว่าเราต้องมานั่งคุยกันอีก ว่ามันเป็นไปในทางเดียวกันมั้ย”.