เซอร์ไพรส์แม้แต่สมาชิกในวงเอง เมื่อวงดนตรีโซลแถวหน้า The Parkinson (เดอะ พาร์คินสัน) SPICYDISC (สไปร์ซซี่ ดิสก์) ลุกขึ้นจัดคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกใน “LEO Presents The Parkinson SOULMANTIC คอนเสิร์ตจะบอกเธอว่ารัก” วันอาทิตย์ที่ 23 มิ.ย.นี้ ณ BCC Hall เซ็นทรัลลาดพร้าว มีแขกรับเชิญทั้ง สิงโต นำโชค, แสตมป์-อภิวัชร์ และ ดา เอ็นโดรฟิน ก็ขายบัตรหมดเกลี้ยงไม่ถึงชั่วโมง ทำเอาสมาชิกทั้ง กานต์-นิภัทร์ กำจรปรีชา (กีตาร์-ร้องนำ), เบียร์-อริย์ธัช เกื้อจิตกุลนันท์(กลอง)” และ “โต-ณัฐวิทย์ โอดาคิ (เบส) สุดปลื้มเพราะเส้นทางของวงกว่าจะมาถึงวันนี้อยู่กับความ “ไม่รู้” และ “ไม่คาดหวัง” ทั้ง 3 คน เริ่มเล่าถึงคอนเสิร์ต
กานต์ “ตอนแรกที่มีไอเดียทำคอนเสิร์ตอยากทำแค่ 500 คน ยังคุยกันเองว่าไม่รู้บัตรจะหมดรึเปล่า แต่พอประกาศปุ๊บก็ขายหมด ดีใจมาก”
เริ่มไอเดียอยากทำคอนเสิร์ตจากอะไร?
โต “เราพอจะมีแฟนคลับก่อนเป็นศิลปิน พอตอนนี้แฟนๆเหล่านั้นก็อยากฟังเพลงที่เราเคยคัฟเวอร์ เพลงที่เราะละทิ้งไปแทบไม่ได้เล่น ซึ่งพอเราประกาศจัดคอนเสิร์ตแฟนๆก็ขอเพลงเหล่านี้มา ซึ่งตรงกับที่เราคิด เลยคิดว่าเราเสนอ 10 เพลงของเราและสิ่งเก่าๆที่เราเคยเป็นในพาร์ตเพลงสากลที่หลายคนชอบ”
เตรียมตัวยังไงบ้าง?
กานต์ “เพิ่งเคยทำครั้งแรกก็ตกใจนิดหน่อยว่าขั้นตอนมันเยอะมาก ทำงานกับหลายฝ่ายมาก ต้องทำไปพร้อมกัน ส่วนพาร์ตดนตรีเราก็ทำกันเองซะส่วนใหญ่ มีพี่กิจ โมโนโทนมาช่วย คอนเซปต์ของโชว์คือเพลงเดิมของเราแต่เราจะถอดเสื้อผ้ามันออกแล้วใส่ชุดใหม่ให้มัน เหมือนปกติเห็นเราแต่งตัวอีกอย่างแต่โชว์นี้คือเป็นแบบชุดแดงนี้เลย เรียบเรียงเพลงใหม่”
...

ความพิเศษล่ะ?
กานต์ “เวลาเราเล่นโชว์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีใครเห็นเดอะพาร์คินสันมีเครื่องดนตรีมากกว่า 3-4 ชิ้น แต่คราวนี้มี 12 ชิ้น เรียบเรียงให้เป็นดนตรีโซลจริงๆ เครื่องเป่า เพอร์คัสชันที่โซลแท้ๆเค้าทำกัน แต่อินกับโชว์ได้เหมือนเดิม โซลเป็นสิ่งที่เราทำได้ดีเราก็ทำอันนี้แหละ และเราก็รักมัน ตั้งใจซ้อมกันหนักครับ ไม่ได้รับงานกันมาหลายเดือน กลางวันซ้อมไป กลางคืนกลับไปเลี้ยงลูก (หัวเราะ)”
โต “ก็ต้องสละเวลาส่วนตัว ที่บ้านต้องเข้าใจวันนึงซ้อมและให้เวลา 6-7 ชม.”
เบียร์ “ก็ต้องฟิตร่างกายเข้าฟิตเนส เพราะต้องยืนยาวทั้งโชว์”
ที่ผ่านมาเป็นแขกรับเชิญคอนเสิร์ตใหญ่ของคนอื่นบ่อย เก็บเกี่ยวอะไรมาได้บ้าง?
เบียร์ “เรื่องความตื่นเต้นนี่ล่ะครับ เราเคยเป็นแขกรับเชิญบ่อยน่าจะช่วยได้”
โต “พอเล่นแป๊บเดียวมันค้างแต่ครั้งนี้คงสะใจเรามากได้ฟินยาวๆ”
วันคอนเสิร์ตจะเปิดขายอัลบั้มด้วย สองเรื่องใหญ่คลอดพร้อมกันความรู้สึกเราเป็นไง?
กานต์ “ย้อนกลับไปวันแรก ทุกอย่างเราไม่ได้คาดหวัง อย่างเพลงจะบอกเธอว่ารัก เราตั้งใจทำกันสุดฝีมือเลย ร้องยากเล่นยาก แค่มีคนฟังเรา 1 แสนวิวในยูทูบเราก็ดีใจมากแล้ว พอทุกอย่างมันดำเนินมาเรื่อยๆจนถึงคอนเสิร์ตมันเลยรู้สึกภูมิใจว่าที่เราทำมาทั้งหมดตั้งแต่เด็ก ที่เราก้าวเดินมา บางช่วงมันก็เหนื่อยมาก อย่างช่วงทัวร์ช่วงทำเพลง เลยถือว่าคุ้มที่ได้ทำ”

แฟนคลับจากวันแรกถึงวันนี้ก็ขยายตัวขึ้นเยอะมาก?
กานต์ “ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าแฟนเพลงเราอยู่ตรงไหน (หัวเราะ) เราเป็นวงประหลาดมาก เราไม่มีแฟนคลับ เราไปเล่นหลายที่แทบจะไม่ค่อยเจอคนที่ตามไปดูหลายที่ เลยคิดว่าสรุปแล้วเรามีแฟนเพลงรึเปล่า ตอนขายบัตรเลยลุ้นมากแต่พอที่ค่ายโทร.มาว่าบัตรหมดแล้วตอนเพิ่ง 10 โมงครึ่ง เลยคิดว่าอำแน่ๆ พออ่านไลน์กลุ่มช็อกครับ ดีใจมากเพราะคิดว่าจะมีคนซื้อมั้ย ซึ่งตลกมากที่คอนเสิร์ตนี้เป็นคอนเสิร์ตที่คนซื้อบัตรมาดูคนเดียวเยอะมากและก็โสด”
...
คิดมั้ยว่าวงจะมาไกลขนาดนี้?
กานต์ “ตอนแรกเราไม่รู้เลยนะว่าตลาดบ้านเราเป็นยังไง เราทำเพลงโซลแบบที่เราชอบ พอปล่อยเพลงก็เป็นตามคาดคือ 3-4 เดือนแรกเงียบกริบ ก็คิดว่าต้องหาอะไรทำต่อไป พอเพลงเริ่มถูกย่อยก็เลยเปิดทุกที่ เลยเข้าใจแล้วว่าวงอย่างเราเพลงมันย่อยยาก แต่ถ้ามันย่อยแล้วมันจะกินได้เรื่อยๆ หลายเพลงเลยใช้เวลากว่าที่มันจะทำงาน”
มองย้อนกลับไปวันแรกบ้างมั้ย?
โต “มองครับ เมื่อก่อนเราเล่นกลางคืนมีแฟนๆมาดูก็มีความสุขแล้ว จนวันนึงที่เรากล้าหยุดทุกอย่างเข้ามาสู่ตรงนี้ วันที่ตีกันทะเลาะกันจนมาถึงตรงนี้เราก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เราไม่รู้ฟีดแบ็กอะไรและเราไม่คาดหวัง”
กานต์ “พอมีคอนเสิร์ตแล้วบัตรโซลด์เอาต์ ทำให้รู้ว่าแฟนเพลงเราอยู่ที่ไหนก็ดีใจมาก”
คิดว่าวงประสบความสำเร็จรึยัง?
กานต์ “เราก็ยังไม่ประสบความสำเร็จหรอก ด้านการทำงานเราก็ยังต้องทำต่อไป แต่ในด้านชีวิตผมว่าโอเค เราดูแลครอบครัวได้ด้วยตัวเรา”.